ดูดไขมันหน้าท้อง ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเป็นส่วนที่ลดเองได้ยาก การดูดไขมันออกจึงสามารถกำจัดได้อย่างรวดเร็ว แต่! หน้าท้องแบบไหนไม่ควรดูดไขมัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถดูดไขมันหน้าท้องได้ ก่อนการตัดสินใจทำควรศึกษาและปรึกษาแพทย์ให้ละเอียด เบื้องต้นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเราสามารถดูดไขมันได้ไหม
หมอเบรก! หน้าท้องแบบนี้ดูดไขมันไม่ได้
พุงที่ดูดไขมันไม่ได้ เป็นอย่างไร
พุงที่ดูดไขมันไม่ได้ คือ พุงที่มีลักษณะป่องซึ่งเกิดจากไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เนื่องจากเป็นไขมันที่สะสมและติดอยู่กับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เสี่ยงอันตรายต่อการที่เครื่องมือแพทย์จะทิ่มโดนอวัยวะสำคัญภายใน ซึ่งไขมันช่องท้องเป็นไขมันเสียที่ร่างกายเผาผลาญออกไม่หมด สามารถพบได้ในผู้ชาย (อายุ 45 ปีขึ้นไป) มากกว่าผู้หญิง (อายุ 55 ปีขึ้นไป) และมีอัตราเพิ่มขึ้นจากการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย
การมีไขมันช่องท้องปริมาณมาก หรือที่หลายคนเรียกว่า อ้วนลงพุง จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันพอกตับ โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น
ถ้าอยากลดไขมันช่องท้องควรทำอย่างไร
แต่ถ้าอยากลดไขมันช่องท้อง วิธีลดไขมันในช่องท้องที่ดีที่สุดคือการปรับพฤติกรรมการกินอาหาร (ลดการกินไขมันทรานส์) ลดอาหาร ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังเท่านั้น ยกตัวอย่างกรณี : ลูกค้าบางรายเมื่อดูดไขมันหน้าท้องออกไปแล้ว แต่หน้าท้องไม่ยุบลงหรือมีหน้าท้องแบนเรียบหลังการดูดไขมันอย่างที่หวังไว้ ยังคงมีท้องป่อง พุงป่อง พุงยื่นอยู่ สิ่งนี้อาจเกิดจากการมีไขมันในช่องท้องปริมาณมากกว่าไขมันใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สามารถดูดไขมันได้ และยังไม่มีการรักษาใด ๆ ที่จะสลายไขมันส่วนนี้ได้
หากอยากลดไขมันส่วนนี้ลูกค้าจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหาร ลดไขมัน ของทอด ของหวาน และออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย ถ้าหากไม่มั่นใจว่า ไขมันหน้าท้อง พุงป่อง หรือการที่อ้วนลงพุงที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุใด ก็สามารถมาปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็กก่อนทำการดูดไขมันหน้าท้อง รวมถึงแพทย์จะได้พิจารณาปัญหาและเลือกการรักษาที่ถูกวิธีและเหมาะสมที่สุดกับคนไข้ วิธีวัดปริมาณไขมันหน้าท้อง เราสามารถทำการวัดค่าหรือปริมาณไขมันในช่องท้องเบื้องต้นได้ ด้วยวิธีที่เรียกว่า Waist-to-Hip Ratio Measurement ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ
โดยใช้แค่เพียง “สายวัด” เท่านั้น *ใช้หน่วยเป็นเซนติเมตร วิธีวัดค่าไขมันในช่องท้องเริ่มจาก ใช้สายวัด วัดรอบเอวในส่วนที่คอดหรือเล็กที่สุดของหน้าท้อง ใช้สายวัด วัดรอบสะโพก นำค่าตัวเลขที่ได้จากการวัดรอบเอวมาหารกับค่าตัวเลขของสะโพก ผลลัพธ์ที่ได้จากการวัด ผู้หญิง หากมีค่าตัวเลขมากกว่า 0.80 แสดงว่ามีไขมันช่องท้องปริมาณมาก ผู้ชาย หากมีค่าตัวเลขมากกว่า 0.95 แสดงว่ามีไขมันช่องท้องปริมาณมาก
สรุป หน้าท้องแบบไหนไม่ควรดูดไขมัน นั่นก็คือผู้ที่มีไขมันช่องท้องมากกว่าไขมันใต้ชั้นผิว ซึ่งเครื่องมือแพทย์ไม่สามารถดูดไขมันชั้นนี้ได้เพื่อเป็นการป้องกันการทิ่มแทงอวัยวะภายใน หากอยากจะลดไขมันช่องท้องให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หากไม่มั่นใจว่าสามารถดูดไขมันได้ไหม ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการได้ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการเพื่อลูกค้าทุกท่าน ได้รับความพึงพอใจสูงสุด เราพัฒนาคุณภาพการรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง