อาหารที่ทำให้ต้นขาใหญ่ : ต้นขาใหญ่ นั้นสาเหตุหลักส่วนใหญ่เกิดจากอาหารที่เรากินเข้าไปล้วน ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นต้นขาใหญ่จากอาการบวมน้ำ หรือต้นขาใหญ่จากเซลลูไลท์เยอะเพราะไขมันสะสม ซึ่งใครที่บอกว่าขาใหญ่ลดยาก หรือพยายามออกกำลังกายแล้ว ก็ยังลดไม่ได้สักที จริง ๆ แล้วแค่ปรับการกินอาหาร หรือลดการกินอาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียม และไขมันลงก็ช่วยให้ขาเล็กลงได้ง่าย ๆ ค่ะ
ขาใหญ่เกิดจากอะไร?
สาเหตุที่ทำให้ต้นขาใหญ่ หรือบวมขึ้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะ
- ไขมันสะสมเพิ่มขึ้น
- อาการบวมจากการกินโซเดียมมากเกินไป
กินเค็มทำให้ขาใหญ่จริงไหม?
โซเดียมคืออะไร ทำไมถึงทำให้ต้นขาใหญ่? คือ เกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการควบคุมสมดุลน้ำและของเหลวในร่างกาย ซึ่งสามารถควบคุมระบบความดันโลหิต การทำงานของเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ ตลอดจนถึงการดูดซึมสารอาหารและเกลือแร่ในไตและลำไส้เล็ก
โซเดียมพบในอาหาร เนื้อสัตว์ อาหารจากธรรมชาติ นอกจากนั้น เราบริโภคโซเดียมในรูปแบบของเกลือแกง อาหารสำเร็จรูป ซอสปรุงรส ตลอดจนถึงขนมกรุบกรอบที่ใส่ผงฟูทุกชนิด
โดยปกติแล้ว คนเราต้องการปริมาณโซเดียมแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกาย เพศ และอายุ โดยทั่วไปแล้วสามารถบริโภคโซเดียมสูงสุดโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่ที่ 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่อเทียบเป็นเกลือป่นอยู่ที่ประมาณ 1 ช้อนชาหรือ 6 มิลลิกรัม โดยปกติแล้วอาหารจากธรรมชาติที่บริโภคทุกวันก็มีปริมาณโซเดียมที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว
อ่านเพิ่มเติม :
วิธีลดต้นขาเล็ก ภายใน 7 วัน เทคนิคออกกำลังกาย ลดไขมันต้นขาอาหารทำให้ต้นขาใหญ่ กินอะไรทำให้ขาใหญ่ขึ้น?
1. อาหารหมักดอง
ด้วยขั้นตอนวิธีการถนอมอาหารอย่างการหมัก การดอง การตากแห้ง จะมีการเติมเกลือหรือสารกันบูดลงในอาหารในปริมาณมาก ส่งผลให้อาหารเหล่านี้มีปริมาณโซเดียมสูงไปด้วย โดยเฉพาะในผักกาดดอง เต้าเจี้ยว กิมจิ ปลาร้า หมูแดดเดียว กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ไส้กรอก ลูกชิ้น แหนม และหมูยอ เป็นต้น
2. อาหารแปรรูปหรืออาหารสำเร็จรูป
อาหารสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูป ก็คล้าย ๆ กับอาหารแปรรูปค่ะ ที่จำเป็นจะต้องมีตัวช่วยยืดอายุอาหาร และมีส่วนผสมของผงชูรสที่จะทำให้รสชาติอาหารนั้นดีขึ้น ยิ่งโซเดียมปริมาณมากแบบนี้ยิ่งกินเยอะก็ยิ่งทำให้ขาใหญ่โดยไม่รู้ตัวค่ะ หรือแม้แต่อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่เขียนว่าไม่มีผงชูรสก็ยังคงมีสารที่เรียกว่าไดโซเดียม ซึ่งสารนี้ก็เป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหาร ที่ให้รสเข้มข้นกลมกล่อมกว่าผงชูรสหลายเท่า
3. ซอสปรุงรส เครื่องปรุงต่างๆ
อาหารทำให้ต้นขาใหญ่ คือ ซอสปรุงรส ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม ล้วนอัดแน่นไปด้วยโซเดียมค่ะ โดยในน้ำปลา 1 ช้อนชา มีโซเดียมถึง 500 มิลลิกรัม, ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมถึง 520 มิลลิกรัม ซึ่งร่างกายเราควรได้รับโซเดียมในอาหารไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวันนะคะ เห็นแบบนี้แล้ว ยิ่งปรุงเยอะก็ยิ่งขาใหญ่แน่นอน
อีกทางเลือกคือการใช้เครื่องปรุงรสลดโซเดียม ซึ่งเครื่องปรุงรสเหล่านี้จะใช้ “เกลือโพแทสเซียมคลอไรด์” ที่เป็นสารทดแทนเกลือผสมลงไปในเครื่องปรุงรสด้วย ซึ่งจะให้รสชาติไม่ต่างจากเครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมคลอไรด์อย่างเดียว และด้วยเหตุนี้จึงมีการผลิตเครื่องปรุงรสที่ใช้เกลือโพแทสเซียมทดแทนออกมาว่างจำหน่ายมากขึ้น เพราะมันสามารถลดปริมาณโซเดียมคลอไรด์ที่ใช้จากเดิมไปได้เยอะเลยค่ะ
4. น้ำจิ้ม น้ำซุป
คล้าย ๆ กับพวกซอสปรุงรส เพราะน้ำจิ้ม น้ำซุปชาบู หมูกระทะ ก็เป็นอีกแหล่งสะสมชั้นดีของโซเดียมเลยค่ะ เพราะแน่นอนว่าในน้ำซุปและน้ำจิ้มเหล่านั้นจะต้องมีการปรุงรสให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมเข้มข้น ทั้งผงชูรส ผงปรุงรส น้ำปลา บอกเลยว่ารวมกันอยู่ในน้ำซุป น้ำจิ้มนี่แหละ หากไม่อยากขาใหญ่แนะนำว่าให้ซดน้ำซุปพอประมาณและจิ้มน้ำจิ้มน้อย ๆ จะดีกว่านะคะ
5. อาหารรสจัด
ใครที่ชอบกินอาหารรสจัดบอกเลยว่าต้องระวังค่ะ เพราะเป็น อาหารทำให้ต้นขาใหญ่ อาหารรสจัดที่มีครบรส ทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด และมัน ก็เป็นสาเหตุของขาใหญ่ดี ๆ นี่เองค่ะ เนื่องจากมีครบทั้งโซเดียม และไขมันสะสม ซึ่งนอกจากจะทำให้ขาบวมแล้ว ยังทำให้เกิดเซลลูไลท์สะสมที่ต้นขาและไขมันสะสมที่หน้าท้องได้อีกด้วยนะคะ
6. ขนมซองต่าง ๆ
ขนมกรุบกรอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งทอด สาหร่ายทอด ขนมข้าวโพดอบกรอบ ที่ชิ้นเล็กๆ ห่อเล็ก ๆ กลับมีโซเดียมมากกว่าที่เราคิดซะอีก โดยมันฝรั่งแผ่นๆ ที่เราชอบกินกัน ใน 100 กรัม มีโซเดียมมากถึง 500 มิลลิกรัมเลยทีเดียว หากในหนึ่งวันเรากินอาหารที่มีรสจัดควบคู่กับขนมกรุบกรอบไปด้วยล่ะก็ บอกเลยว่า ขาใหญ่เพราโซเดียมเกินแน่ ๆ เลยค่ะ
7. น้ำผลไม้แปรรูป
น้ำผลไม้แม้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากไม่ใช่น้ำผลไม้ที่คั้นสด ๆ แต่เป็นน้ำผลไม้แปรรูปที่ขายกันตามร้านค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป จะมีส่วนประกอบของโซเดียมสูงมาก รวมถึงน้ำตาลสูงด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันน้ำผลไม้ทางเลือกเหล่านี้ก็ได้มีการปรับสูตรเพื่อลดปริมาณโซเดียมลงบ้างแล้วค่ะ แต่ทางที่ดีการกินผลไม้ หรือน้ำผลไม้ที่ทำเองจะดีกว่าการกินน้ำผลไม้แปรรูปแน่นอนค่ะ
8. ฟาสต์ฟู้ด
ฟาสต์ฟู้ด เป็นอาหารทำให้ต้นขาใหญ่ อาหารยอดนิยมที่ใครๆ ก็ชอบรับประทาน เพราะนอกจากจะรวยเร็ว สะดวก รับประทานง่าย แล้วยังเต็มไปด้วยเนื้อเน้น ๆ ความอร่อยแบบเต็มที่และอิ่มท้องอีกด้วย แต่คุณทราบหรือไม่ว่า อาหารฟาสต์ฟู้ด ที่ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์ ฮอตดอก เฟรนซ์ฟรายส์ และอื่น ๆ อีกมากมายนั้น เต็มไปด้วยแป้ง น้ำมัน ไขมันที่มีใช้วิธีการทอดใช้น้ำมันเยอะ ๆ นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารน้อยแล้ว ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิต กรดไหลย้อน สมองเสื่อม และโรคอันรายอื่น ๆ อีกมากมาย
9. เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำมาจากธัญพืชอย่างข้าวสาลี ข้าวไรย์ หรือข้าวบาร์เลย์ หมักเข้ากับยีสต์ และดอกฮอปส์เพื่อเริ่มรสขม ซึ่งช่วยตัดรสหวานที่มาจากน้ำตาลในธัญพืช เบียร์แต่ละประเภทมีปริมาณแคลอรี่แตกต่างกัน
เบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าจะให้พลังงานมากกว่า เพราะแอลกอฮอล์ 1 กรัม นั้นให้พลังงานมากถึง 7 แคลอรี่ เบียร์มีแคลอรี่สูงเมื่อเปรียบเทียบในปริมาณลิตรต่อลิตร เบียร์อาจให้แคลอรี่สูงเทียบเท่ากับน้ำอัดลม อีกทั้งการดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้รู้สึกอยากอาหารด้วย
เบียร์ยังขัดขวางการเผาผลาญไขมัน กระบวนการย่อยสลายแอลกอฮอล์นั้นก่อให้เกิดของเสียที่เรียกว่า อะซิเตทและอะซีตัลดีไฮด์ เมื่อสมองตรวจจับสารทั้ง 2 ชนิดนี้ได้ จะส่งสัญญาณให้ร่างกายหยุดเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในตัว
ในขณะเดียวกันก็สั่งให้ร่างกายแปลงของเสียที่ย่อยจากแอกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปให้กลายเป็นไขมันด้วย การดื่มเบียร์เป็นประจำจึงอาจทำให้ระดับไขมันในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งตัวการของพุงและต้นขาใหญ่เลยค่ะ
แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีการรณรงค์ให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารทอดที่แก้ปัญหาด้วยการใช้เทคโนโลยีหม้อทอดไร้น้ำมัน รวมถึงการออกกฎหมายควบคุมอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์อย่างเข้มงวด (ห้ามผลิต นำเข้า จำหน่าย) หรือการหันมาบริโภคสารให้ความหวานทดแทนอย่างน้ำตาลหญ้าหวาน หรือน้ำตาลอิริทริทอล ที่สามารถให้ความหวานได้ตามปกติแต่กลับไม่มีเรื่องแคลอรี่ให้กังวลเลย
ซึ่งการรณรงค์ลดความหวานและความมันก็พอจะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ในเรื่องของ “โซเดียม” หรือการบริโภครสเค็มนั้นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแก้ไขได้ยาก เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ได้รับโซเดียมเกินกว่าปริมาณที่กำหนดต่อวัน ซึ่งจะก่อให้เกิดการเสื่อมของไต เพราะไตทำหน้าที่ขับโซเดียม เมื่อไตทำงานได้ลดลงจะทำให้มีการคั่งของเกลือ มีการบวมน้ำ ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง และเกิดโรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือดตามมาได้
ซึ่งวิธีการลดต้นขา นอกจากการควบคุมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมปริมาณไขมัน น้ำตาล และลดโซเดียม ควบคู่กับการออกกำลังกายแล้ว ก็ยังมีวิธีเร่งด่วนอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยให้ต้นขาของสาว ๆ กลับมาเล็กลง สมส่วน นั่นก็คือ การดูดไขมันต้นขา นั่นเองค่ะ
ลดต้นขาใหญ่ ด้วยการ ดูดไขมันต้นขา
นอกจากการลดไขมันต้นขาด้วยตัวเองแล้ว ศัลยกรรม ดูดไขมันต้นขา นั้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมมากในหมู่สาว ๆ ที่มีความต้องการลดไขมันสะสมบริเวณต้นขา ซึ่งเอาออกได้ยาก แม้จะออกกำลังกาย หรือควบคุมน้ำหนัก คุมอาหารก็ตาม บางครั้งกว่าจะเห็นผลลัพธ์หรือขาเล็กลงก็ต้องใช้เวลานาน การดูดไขมันต้นขาจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ ขาเล็ก ขาเรียวสวย ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งการดูดไขมันขานั้นสามารถทำได้แบบเหมาส่วน เช่น ดูดไขมันเหมาต้นขาด้านนอก, ด้านใน, ด้านหน้า และด้านหลัง แยกตามปัญหาของแต่ละคนที่อยากแก้ไขได้ หรือบางคนอยาก ดูดไขมันเหมาทั้งขา ก็สามารถทำได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม :
อาหารลดต้นขาใหญ่ อยากขาเล็กต้องลอง! ผอมแต่ขาใหญ่ เกิดจากอะไร?ดูดไขมันต้นขา ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
- นำทีมโดย นพ.สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ (คุณหมอหนึ่ง) ประสบการณ์กว่า 24 ปี
- เทคนิคยาชา Tumescent ดูดไขมันต้นขา เหมาขาได้โดยไม่ต้องดมยาสลบ
- ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เผื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
- AACI ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลจากสหรัฐอเมริกา ในด้านความปลอดภัยและการบริการ เป็นคลินิดกแห่งแรกในเอเชีย
- มีห้องผ่าตัดขนาดใหญ่มาตรฐานโรงพยาบาล ตามกฏกระทรวงสาธารณสุข
อ่านเพิ่มเติม :
ดูดไขมันเจ็บไหม? เจ็บกี่วันและบวมกี่วัน ตำแหน่งแผลดูดไขมันอยู่ตรงไหน? 5 จุดที่นิยมดูดไขมันบรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 24 ปี
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางระดับอาจารย์หลากหลายสาขา ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับรองมาตรฐานจาก AACI สหรัฐอเมริกา ด้านศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลจาก WhatClinic ด้านบริการลูกค้ายอดเยี่ยมระดับสากล เป็นปีที่4 จากลูกค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความไว้วางใจและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง