อั้นฉี่ไม่ได้ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างมาก ทั้งต้องเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าคนปกติ หรือต้องเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวด ในขณะที่คนทั่วไปสามารถควบคุมการกลั้นปัสสาวะได้และไม่จำเป็นต้องเร่งเข้าห้องน้ำทันที นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการนี้อาจประสบกับการขับถ่ายปัสสาวะในปริมาณน้อย แต่ถ่ายบ่อยจนกลายเป็นปัญหา และบางครั้งอาจมีปัญหาปัสสาวะเล็ดหรือราดออกมาบ่อย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษา ในปัจจุบันมีวิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดอยู่ในทางเลือกเช่นกัน
อั้นฉี่ไม่ได้ หรือ โรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ คืออะไร
โรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ อั้นฉี่ไม่ได้ คือโรคที่เกิดขึ้นและมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มของระบบขับถ่าย ทั้งปัสสาวะบ่อยมากตอนกลางวันและกลางคืน ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดแรงเมื่อต้องการไปห้องน้ำและบางครั้งอาจไม่สามารถควบคุมการกลั้นไว้ได้ จึงต้องเข้าห้องน้ำโดยทันที นอกจากนี้ ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีอาการขับถ่ายปัสสาวะในปริมาณเล็กน้อยแต่ถ่ายบ่อยจนกลายเป็นปัญหา
อีกทั้งยังพบว่าบางครั้งมีปัญหาที่ผู้ป่วยขับถ่ายปัสสาวะเล็ดหรือราดออกมาบ่อย ส่วนใหญ่อาการนี้เรียกว่าปัสสาวะเล็ด และมักเกิดเมื่อมีการออกแรงเบ่งช่องท้อง (Stress Urinary Incontinence, SUI) โรคนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อก้มลงยกของหนักจากพื้น กระโดดออกกำลังกาย หรือแม้แต่ก้าวขึ้นบันไดหลายขั้นก็เป็นไปได้
หลักการที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายปัสสาวะ
เพื่อเข้าใจโรคนี้มากขึ้น ขอแสดงหลักการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการขับถ่ายปัสสาวะ ดังนี้
- ระบบการขับถ่ายปัสสาวะเริ่มต้นที่ไต ซึ่งทำหน้าที่กรองของเสียและกำจัดของเสียจากเลือด
- จากนั้นเมื่อเสียผ่านการกรองในไต มันจะถูกส่งลงทางท่อไต
- ของเสียจะถูกเก็บในกระเพาะปัสสาวะ เป็นหน้าที่ของกระเพาะปัสสาวะในการเก็บของเสียจนกว่าจะถึงระดับที่เหมาะสม
- เมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็มระดับหนึ่ง ระบบประสาทจะส่งสัญญาณไปยังต่อมใต้สมอง เพื่อให้รู้สึกปวดและบอกให้ขับถ่ายเสีย
โดยคนปกติจะขับถ่ายปัสสาวะปริมาณประมาณ 400-600 มิลลิลิตรในแต่ละครั้ง แต่คนที่มีโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อาจขับถ่ายน้อยกว่านี้ และมักต้องขับถ่ายบ่อยมากที่สุด จนบางครั้งอาจเกิดปัสสาวะเล็ดเมื่อมีการออกแรงเบ่งช่องท้อง และเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา
สาเหตุของอาการอั้นฉี่ไม่ได้
สาเหตุหลักที่สำคัญและเกี่ยวข้องโดยตรงคือกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนลง บางครั้งอาจเรียกว่า กระบังลมหย่อน โดยการหย่อนของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอาจทำให้ท่อปัสสาวะและช่องคลอดหย่อนลงมาด้วย โรคหรือกลุ่มอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้มีอยู่มาอย่างนานในอดีต โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านและคลอดบุตรหลายคน ในอดีตเคยเรียกว่า “โรคช้ำรั่ว” ซึ่งมักมีความรู้สึกไม่สะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน และบางครั้งก็ไม่อยากพูดหรือเผยแพร่สถานะของกลั้นปัสสาวะไม่ได้แก่ผู้อื่น
โรคหรืออาการเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นเรื่องของความอับอายไม่ควรเปิดเผยจึงทำให้คนที่มีปัญหาไม่กล้ามาพบแพทย์ ซึ่งมีกว่า 200 ล้านคนทั่วโลกที่เผชิญกับปัญหากลั้นปัสสาวะไม่ได้ (Urinary Incontinence) โดยสาเหตุอาจมาจากมีความเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะการอักเสบทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ เช่น เคยมีการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ หูรูดหย่อน เยื่อบุรอบท่อปัสสาวะบางฝ่อ ท้องผูก การใช้ยาบางชนิด ปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัว และการบริโภคคาเฟอีน เป็นต้น
ประเภทของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีอะไรบ้าง
ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ (Urinary Incontinence) ถูกจัดอยู่ในหลายประเภทตามลักษณะและสาเหตุของอาการ ดังนี้
- ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ที่เป็นมาแต่กำเนิด (Congenital)
- ปัสสาวะรดที่นอน (Bed Wetting Enuresis)
- ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่จากระบบประสาท (Neurogenic)
- ปัสสาวะเล็ดเมื่อออกแรงเบ่ง (Stress Urinary Incontinence)
- ปัสสาวะราดกลั้นไม่ได้ (Urge Incontinence)
- ปัสสาวะเล็ดและราดร่วมกัน (Mixed Incontinence)
- ปัสสาวะล้นซึม (Overflow Incontinence)
- ปัสสาวะบ่อยมากในช่วงกลางวัน (Urinary Frequency Daytime)
- ปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน (Nocturia Night Time)
- ปัสสาวะปวดกลั้น (Urgency)
- ปัสสาวะไวเกิน (Overactive Bladder)
การแบ่งประเภทนี้ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาและการปรึกษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและช่วยในการวิเคราะห์อาการและสาเหตุของปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ให้ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน
การรักษาโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีวิธีอย่างไรบ้าง
การรักษาโรคกลั้นปัสสาวะมีวิธีต่าง ๆ ซึ่งอาจจะถูกใช้ในการรักษาหรือบรรเทาอาการให้ดีขึ้น ดังนี้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกลั้นปัสสาวะสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันการเสียสุขภาพเพิ่มเติม เช่น ลดการบริโภคคาเฟอีน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก่อนนอน และไม่กลั้นปัสสาวะซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อ
- ควบคุมน้ำหนัก การควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสมสามารถลดความดันที่มีผลต่อกระเพาะปัสสาวะและช่องคลอด
- รักษาอาการท้องผูก การรักษาท้องผูกอาจช่วยลดการกดทับกระเพาะปัสสาวะและช่องคลอด
- รักษาด้วยยา บางครั้งแพทย์อาจสั่งยาเพื่อควบคุมอาการหรือเสริมเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อปัสสาวะ
- ขมิบช่องคลอด การออกกำลังกายแบบขมิบช่องคลอดช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อและควบคุมการกลั้นปัสสาวะ
- ใช้อุปกรณ์พยุง การใช้อุปกรณ์พยุงช่องคลอดอาจช่วยรักษาอาการช่องคลอดหย่อน
- เลเซอร์ การใช้เลเซอร์เพื่อกระชับช่องคลอด ลดอาการ อั้นฉี่ไม่ได้
การรักษาโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ต้องจะใช้วิธีที่เหมาะสมตามสาเหตุและอาการของผู้ป่วย แพทย์จะให้คำแนะนำเพิ่มเติมและกำหนดแผนรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
ทั้งนี้ อั้นฉี่ไม่ได้ นิยมการใช้เลเซอร์ Virgin Lift เข้ามารักษา เป็นเครื่องเลเซอร์ที่โดดเด่นในเรื่องการรักษาจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงที่มีอาการผิดปกติต่าง ๆ ให้บรรเทาลงและกลับมาเป็นปกติ เช่น สภาวะการเกิดปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หรือออกกำลังกาย อาการเจ็บและมีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ ช่องคลอดหลวม ช่องคลอดไม่กระชับ มีลมออก ขาดความยืดหยุ่น ขาดน้ำหล่อลื่น คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการฟื้นฟูความกระชับและแก้ไขแผลเป็นจากแผลเย็บคลอดบุตร เป็นต้น คืนความมั่นใจ ย้อนวัยสาวได้อีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัด
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการเพื่อลูกค้าทุกท่าน ได้รับความพึงพอใจสูงสุด เราพัฒนาคุณภาพการรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง