รักษาอาการนอนกรน เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากเป็นเรื่องที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ สถิติพบว่าผู้ชายมีสัดส่วนประมาณ 30% และผู้หญิงประมาณ 15% ของประชากรทั้งหมด การมีอาการนอนกรนครั้งหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และมักไม่มีผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกาย แต่ในบางกรณี อาจมีปัญหาการนอนกรนที่เกิดขึ้นเป็นประจำหรือมากกว่า 3 คืนต่อสัปดาห์ และอาจมีอาการหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของบุคคลนั้น ๆ
การนอนกรน คืออะไร
การนอนกรนคือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจบน ซึ่งมักเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจช่วงบนขณะคนนอนหลับ ในสภาวะปกติ เมื่อเราหลับ กล้ามเนื้อในระบบทางเดินหายใจบนจะคลายตัวลงและปิดกั้นทางเดินหายใจ จนทำให้ไม่มีเสียงกรนเกิดขึ้น
อาการนอนกรนมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน มีลักษณะดังนี้:
ระดับน้อย: อาการนอนกรนพบเมื่อคนนอนหงาย อาจเกิดขึ้นบางครั้ง
ระดับปานกลาง: อาการนอนกรนเกิดในทุกท่านอน
ระดับรุนแรง: อาการนอนกรนเกิดในทุกท่านอนและมีการหายใจติดขัดหรือหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้การไหลเวียนอากาศไปสู่ปอดไม่เสถียร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการนอนกรน
การนอนกรนที่เป็นอันตรายมักเกิดขึ้นพร้อมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีอาการแสดงออกเป็นเสียงและสัญญาณต่าง ๆ ดังนี้:
- อาการกรนเสียงดังมาก
- การหยุดหายใจระหว่างการนอน
- การหายใจเด่นๆหรือสำลักน้ำลายในระหว่างหลับ
- อาการหอบเหนื่อยง่าย ง่วงนอนมากในตอนกลางวัน
- ขาดสมาธิและปัญหาความจำ
- ปวดศีรษะตอนเช้า
- ความแห้งและอาการเจ็บคอเมื่อตื่นขึ้น
- การปัสสาวะบ่อยในระหว่างกลางคืน
- การกัดฟันในระหว่างการนอน
- อาการเจ็บหน้าอกในระหว่างกลางคืน
- ความดันโลหิตสูง
การรับรู้สัญญาณเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากอาจเป็นเครื่องชี้วัดสำหรับปัญหาการนอนที่ร้ายแรง เมื่อมีอาการเหล่านี้ เราควรพบแพทย์เพื่อการประเมิน และ รักษาอาการนอนกรน โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
ผู้ที่มีความเสี่ยงมีอาการนอนกรน
ผู้ที่มีความเสี่ยงมีพบอาการนอนกรน มีดังนี้:
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน: การศึกษาพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักมากจะมีโอกาสที่ทางเดินหายใจส่วนบนจะแคบมากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้: ผู้ที่มีอาการแพ้บริเวณจมูกหรือมีริดสีดวงจมูกอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- ผู้ที่มีลักษณะหน้าหรือคางผิดปกติ: อาทิเช่น คางเล็กหรือคางหลุบ หรือมีรูปหน้าที่ไม่ปกติ
- ผู้ที่มีการต่อมทอนซิลโตขวางทางเดินหายใจ: การมีต่อมทอนซิลโตขวางทางเดินหายใจอาจทำให้การหายใจเกิดปัญหา
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่: การบริโภคแอลกอฮอล์และบุหรี่อาจทำให้เกิดการหยุดหายใจขณะหลับ
- ผู้ที่ใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง: การใช้ยาที่มีผลให้เกิดอาการง่วง เช่น ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด
- ผู้หญิงที่เข้าวัยหมดประจำเดือนหรือตั้งครรภ์: ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรือตั้งครรภ์อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการพบอาการนอนกรน
รักษานอนกรน โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ระหว่างการนอน
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เรามีนวัตกรรม รักษาอาการนอนกรน ด้วยเลเซอร์ ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใส่อุปกรณ์ระหว่างการนอน ดังนี้
การรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์เออร์เบียม (Erbium:YAG laser) หรือ Snore Laser เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานแสงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณเพดานลิ้นไก่ โดยผลลัพธ์คือการเพิ่มความกว้างของทางเดินหายใจบนบริเวณนี้ ทำให้การอุดกั้นทางเดินหายใจลดลง และมีประสิทธิภาพในการแก้ไขอาการนอนกรน ข้อดีของเทคนิคนี้คือไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง และมีผลดีที่ยาวนาน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจเพิ่มเติม และไม่ส่งผลกระทบทางสุขภาพที่มีอันตราย
อ่านต่อ: เลเซอร์รักษานอนกรน Snore Laser ไม่เจ็บ ปลอดภัย รักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการการใช้เลเซอร์เออร์เบียมในการ รักษาอาการนอนกรน เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความน่าสนใจเนื่องจากประสิทธิภาพในการแก้ไขอาการนอนกรน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกการรักษาควรปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมสำหรับบุคคลแต่ละราย
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการเพื่อลูกค้าทุกท่าน ได้รับความพึงพอใจสูงสุด เราพัฒนาคุณภาพการรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง