ปัจจุบัน การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการลดไขมันสะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และใต้คาง ด้วยเทคนิคและเครื่องมือทันสมัย การดูดไขมันช่วยในการปรับสัดส่วนตามต้องการ เพิ่มความมั่นใจในรูปร่าง และเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีไขมันเฉพาะจุดที่กำจัดได้ยาก
ในบทความนี้ เราจะพาคุณทำความรู้จักกับการดูดไขมัน ตั้งแต่เทคนิค ข้อดีข้อเสีย การเตรียมตัว และการดูแลหลังทำ
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยปรับรูปร่างให้สมส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดที่กำจัดยาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน และใต้คาง ดูดไขมันจึงไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินเพื่อให้ได้สัดส่วนที่ชัดเจนและมีรูปทรงกระชับขึ้น
หลักการทำงานของการดูดไขมัน
การดูดไขมันใช้เครื่องมือ “แคนนูล่า” (Cannula) หรือท่อขนาดเล็กเจาะเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะจุดหรือบางกรณีวางยาสลบ แล้วสอดแคนนูล่าเข้าสู่ตำแหน่งไขมันสะสม เครื่องมือที่ต่อกับสุญญากาศจะช่วยดูดเซลล์ไขมันออก ลดปริมาณไขมันเฉพาะจุดทำให้รูปร่างดูสมส่วน
ดูดไขมัน มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง
การดูดไขมันปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น เทคนิคที่นิยมและมีผลลัพธ์ที่ดี ได้แก่
- BodyTite (ดูดไขมันด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง)
ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงช่วยสลายไขมันพร้อมกระชับผิวไปพร้อมกัน ลดความกังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับการดูดไขมันในบริเวณที่ต้องการความกระชับ เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก และต้นแขน - MicroAire PAL (Power Assisted Liposuction)
ใช้เทคโนโลยีสั่นสะเทือนช่วยทำลายไขมัน ทำให้ดูดออกได้ง่ายและลดอาการบวม เหมาะกับบริเวณที่ต้องการความแม่นยำ เช่น ต้นแขนและสะโพก - J Plasma
J Plasma เป็นนวัตกรรมที่ใช้พลาสม่าฮีเลียมในการยกกระชับผิวหลังดูดไขมัน ช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างเห็นผล การทำงานของ J Plasma คือการส่งพลังงานพลาสม่าฮีเลียมใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหนังแนบกระชับกับกล้ามเนื้อได้ดียิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความกระชับที่ชัดเจน เช่น บริเวณหน้าท้องและแขน - VASER Liposuction
เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงช่วยแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่ออื่น ๆ ช่วยให้ไขมันที่ถูกดูดออกมีความละเอียดมากขึ้นและลดการกระทบต่อเส้นเลือดและเส้นประสาท ทำให้ฟื้นตัวได้ไว เหมาะสำหรับการดูดไขมันในจุดที่ละเอียดอ่อน เช่น ท้อง ต้นขา และใบหน้า - Body Jet Liposuction
ใช้พลังน้ำแรงดันสูงในการแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อ ช่วยลดอาการบวมและอักเสบได้ดี เทคนิคนี้ยังช่วยเก็บรักษาเซลล์ไขมันให้สมบูรณ์ ซึ่งสามารถนำไขมันที่ดูดออกมาไปใช้เติมในบริเวณอื่นของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูดไขมันและเติมไขมันในคราวเดียวกัน เช่น ดูดไขมันต้นขาและนำไขมันไปเติมสะโพก - Laser Liposuction
ใช้เลเซอร์ช่วยละลายไขมันเป็นของเหลว ดูดออกได้ง่ายและช่วยให้ผิวกระชับ ลดโอกาสเกิดผิวเป็นคลื่น เหมาะกับบริเวณที่ต้องการความละเอียด เช่น ใบหน้า ใต้คาง และหน้าท้อง - Ultra Z Liposuction
ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยสลายไขมันให้ละเอียด ดูดออกง่ายและฟื้นตัวเร็ว เหมาะกับบริเวณที่ต้องการความแม่นยำ เช่น ใบหน้า เหนียง และใต้คาง
เลือกดูดไขมันแบบไหนดี
การเลือกเทคนิคขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความหนาของไขมัน รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ หากต้องการความกระชับผิวควรเลือก J Plasma หรือ TripleTite เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียน หรือหากต้องการการดูดไขมันบริเวณที่ละเอียดควรเลือก PAL
ข้อควรพิจารณา
แม้เทคโนโลยีจะพัฒนา การดูดไขมันยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง การเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานช่วยให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและคงทน การดูแลตัวเองหลังการทำก็สำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
ดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง?
การดูดไขมัน (Liposuction) เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดและต้องการปรับรูปร่าง โดยไม่เน้นการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมันจึงควรอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักมาตรฐาน และมีสุขภาพแข็งแรง การดูดไขมันช่วยปรับสัดส่วนให้ชัดเจนโดยกำจัดไขมันในจุดที่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และใต้คาง
รูปร่างแบบไหนเหมาะกับดูดไขมัน
- มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง สะโพก เหนียง ซึ่งลดได้ยากแม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกาย การดูดไขมันจึงช่วยปรับรูปร่างได้ตรงจุด
- มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง ไม่มีโรคที่เพิ่มความเสี่ยงในการทำหัตถการ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง (ถ้ามีสามารถปรึกษาแพทย์ก่อนได้)
- ผิวมีความยืดหยุ่นดี ผิวที่ยืดหยุ่นจะกระชับเข้ารูปง่ายขึ้นหลังทำ สำหรับผู้ที่ผิวยืดหยุ่นน้อย การใช้เทคนิคยกกระชับจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนหลังทำ เช่น TripleTite และ J Plasma)
- น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน การดูดไขมันเน้นการปรับรูปร่าง ผู้ที่น้ำหนักปกติแต่มีไขมันเฉพาะจุดจะเห็นผลชัดเจนกว่า (ฺBMI ไม่ควรเกิน 25 ถ้าเกิน สามารถปรึกษาแพทย์ได้)
- มีความคาดหวังสมเหตุสมผล การดูดไขมันช่วยปรับรูปร่างและกระชับสัดส่วน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างทั้งหมดหรือทดแทนการควบคุมน้ำหนักได้
ใครบ้างไม่ควรดูดไขมัน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงต่อหัตถการ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ภาวะเลือดออกง่าย
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวก่อน
- ผู้ที่มีความคาดหวังไม่ตรงกับผลลัพธ์จริง หากต้องการลดน้ำหนักครั้งใหญ่ ควรหาวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่าการดูดไขมัน
ในกรณีที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาทั้งแพทย์ประจำตัวและแพทย์ดูดไขมันเพื่อความปลอดภัยของคนไข้ เช่นกันกับผู้ที่มีเชื้อ HIV ที่อยู่ในกระบวนการรักษาแล้ว หากแพทย์ประเมินว่าดูดไขมันได้ จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ส่วนตัวเฉพาะเพิ่มเติม
ดูดไขมัน ช่วยปรับรูปร่าง ให้มั่นใจขึ้นได้อย่างไร
- ช่วยปรับรูปร่างเฉพาะจุด การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันสะสมในบริเวณที่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน ทำให้รูปร่างสมส่วนตามที่ต้องการ
- เพิ่มความมั่นใจ สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด การดูดไขมันจะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เพิ่มความมั่นใจในการแต่งกายและการใช้ชีวิตประจำวัน
- ลดไขมันส่วนเกินที่กำจัดได้ยาก สำหรับบางคน ไขมันบางจุดลดได้ยากแม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกาย การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันเหล่านี้ได้ตรงจุด
- ใช้ไขมันเติมเต็มส่วนอื่นของร่างกายได้ ไขมันที่ดูดออกสามารถนำไปเติมเต็มส่วนอื่น เช่น หน้าอกหรือสะโพก เพื่อเพิ่มวอลลุ่มได้
- เทคโนโลยีทันสมัยช่วยลดการพักฟื้น เทคนิคการดูดไขมันแบบใหม่ เช่น TripleTite, J Plasma ทำให้เจ็บน้อยลงและฟื้นตัวเร็วกว่าแบบดั้งเดิม
- ใช้สกัดเป็น Personal Cell เพื่อดูแลผิวพรรณและสุขภาพได้ในห้องแล็บนาน 60 ปี
ส่วนไหนในร่างกายที่สามารถดูดไขมันได้
การดูดไขมันเฉพาะจุดเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างและกำจัดไขมันสะสมที่ลดได้ยากด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร สามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกาย โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละจุดตามลักษณะไขมันและความต้องการของผู้เข้ารับบริการ เช่น
บริเวณที่สามารถทำการดูดไขมันเฉพาะจุดได้
- หน้าท้อง ช่วยให้รูปร่างกระชับและได้สัดส่วนชัดเจน โดยสามารถทำได้ทั้งส่วนบนและล่าง รวมถึงการปรับลอนหน้าท้อง
- ต้นขา ทำได้ทั้งด้านในและด้านนอก ช่วยให้ขาเรียวได้รูปมากขึ้น
- ต้นแขน ช่วยลดไขมันสะสมและกระชับผิวแขนไม่ให้หย่อนคล้อย
- เอวและหลัง ช่วยปรับเอวคอดและลดไขมันส่วนเกินบริเวณหลังให้สมส่วน
คลิกบนภาพเพื่ออ่านเจาะลึกแต่ละจุด
ราคาและโปรโมชันการดูดไขมัน
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เรามีบริการดูดไขมันที่คำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยสูง โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันพิเศษเพื่อช่วยให้การดูดไขมันเฉพาะจุดเป็นไปอย่างคุ้มค่า
อ่านต่อเกี่ยวกับราคาแต่ละส่วน คลิกที่นี่
จุดที่ผู้ชายนิยมดูดไขมัน ศัลยกรรมผู้ชาย
Six Pack
ไม่เจ็บ แผลเล็ก มีเทคนิคในการออกแบบซิกแพคตามไลน์กล้ามเนื้อจริงเฉพาะบุคคล และนำเข้าอุปกรณ์พิเศษที่ออกแบบเพื่อดูดไขมันสร้างซิกแพคโดยเฉพาะ
หน้าอก
ช่วยแก้ปัญหานมแหลมทะลุเสื้อ หรือภาวะเต้านมโตในผู้ชาย (Gynecomastia) แผลเล็ก ไม่ต้องพักฟื้นนาน ใส่เสื้อยืดได้อย่างมั่นใจได้อีกครั้ง
เอว
นิยมทำในกลุ่มผู้ชายที่มีห่วงยางรอบเอว มีรูปร่างทรงตรง ไม่มีเอว เอวตัน หรือเอวหนา ดูดไขมันเอวจะช่วยให้มีเอวในเวลาเร่งด่วน
ก่อนดูดไขมัน มีอะไรบ้างต้องระวัง
- มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน การดูดไขมันมีความเสี่ยง เช่น บวม ช้ำ การติดเชื้อ หรืออาจมีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
- ต้องดูแลตัวเองหลังทำอย่างเคร่งครัด จำเป็นต้องสวมชุดกระชับ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงให้แผลอักเสบ การดูแลหลังทำใช้เวลาหลายสัปดาห์จนแผลหายดี
- ค่าใช้จ่ายสูง การดูดไขมันโดยเฉพาะเทคนิคที่ทันสมัยมีค่าใช้จ่ายสูง และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหากต้องการการดูแลเพิ่มเติม เช่น การฉีดไขมันเติมเต็ม
- ไม่ทดแทนการลดน้ำหนัก การดูดไขมันเน้นปรับสัดส่วน ไม่ใช่การลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักควรเน้นการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวรหากไม่ดูแลตัวเอง หากไม่มีการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ไขมันอาจกลับมาสะสมได้ในอนาคต
สรุป การดูดไขมันมีข้อดีช่วยปรับรูปร่าง เพิ่มความมั่นใจ และลดไขมันเฉพาะจุด แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องการฟื้นตัว ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยง ผู้สนใจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมของหัตถการ
เตรียมตัวอย่างไร ก่อนจะดูดไขมัน
การเตรียมตัวก่อนและหลังการดูดไขมันเป็นส่วนสำคัญในการลดภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด แพทย์จะประเมินสุขภาพและตำแหน่งที่จะดูดไขมัน ควรแจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสม
- ตรวจสุขภาพและงดอาหารก่อนผ่าตัด อาจต้องตรวจเลือดและงดน้ำ-อาหาร 6-8 ชั่วโมงก่อนทำ โดยเฉพาะหากต้องวางยาสลบ
- งดยาและผลิตภัณฑ์เสริมบางชนิด หยุดยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ และวิตามินอีล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์เพื่อลดความเสี่ยงการเลือดออก
- งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ ควรงดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อและช่วยให้แผลฟื้นตัวเร็วขึ้น
- เตรียมชุดกระชับและพื้นที่พักฟื้น ชุดกระชับช่วยลดบวมและให้ผิวเข้ารูป ควรเตรียมชุดและพื้นที่พักฟื้นให้พร้อม
หลังดูดไขมัน ดูแลตัวเองอย่างไร
- สวมชุดกระชับตามคำแนะนำแพทย์ ควรใส่ชุดกระชับ 4-6 สัปดาห์ โดยในช่วงแรกใส่ตลอดเวลา (ยกเว้นตอนทำความสะอาด) เพื่อช่วยลดบวมและให้ผิวกระชับเข้ารูป
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักและออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังทำ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลบวม หรือแผลฉีก ควรรอให้แผลหายดีก่อนกลับไปทำกิจกรรมปกติ
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ ยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดต้องรับประทานตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และไม่ปรับปริมาณยาเอง
- นอนในท่าที่เหมาะสม ควรนอนยกศีรษะสูงในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อลดอาการบวม และหลีกเลี่ยงการนอนทับบริเวณที่ดูดไขมัน
- รักษาความสะอาดแผล ทำความสะอาดแผลอย่างระมัดระวังด้วยผ้าสะอาดตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์และสารเคมีที่เข้มข้น
- ดื่มน้ำมากและทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำช่วยขับของเสีย ควรทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินสูง เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดด บริเวณที่ทำจะไวต่อแสงแดด จึงควรสวมเสื้อผ้าปกปิดเพื่อป้องกันรอยด่างดำ
- ติดตามอาการและพบแพทย์ตามนัด ควรพบแพทย์ตามกำหนดเพื่อตรวจสอบผลการรักษา หากพบอาการผิดปกติ เช่น แผลบวมแดงหรือปวด ควรแจ้งแพทย์ทันที
ดูดไขมันอันตรายไหม ต้องระวังอะไรบ้าง
การดูดไขมัน (Liposuction) มีจุดประสงค์ในการกำจัดไขมันส่วนเกินและปรับรูปร่าง แต่เนื่องจากเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยง ผู้เข้ารับบริการควรทราบถึงผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเตรียมตัวและประเมินความเหมาะสมได้อย่างถูกต้อง
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- อาการบวม ช้ำ และเจ็บบริเวณที่ดูดไขมัน
อาการบวมและช้ำเป็นเรื่องปกติที่มักเกิดขึ้นและจะค่อย ๆ หายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ การสวมชุดกระชับสามารถช่วยลดอาการบวม ส่วนอาการเจ็บอาจใช้ยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง - ภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนัง (Hematoma)
การดูดไขมันอาจทำให้เกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดเล็ก ๆ ทำให้มีการสะสมของเลือดหรือของเหลวใต้ผิวหนัง หากมีอาการบวมแดงหรือเจ็บปวดไม่ลดลง ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ - การติดเชื้อบริเวณแผล
การติดเชื้ออาจเกิดจากการดูแลแผลไม่สะอาด ซึ่งส่งผลให้แผลอักเสบ บวมแดง และเจ็บ ควรดูแลแผลอย่างเคร่งครัดและรับประทานยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งเพื่อลดความเสี่ยง - ผิวหนังไม่เรียบเนียนหรือเป็นคลื่น
เกิดจากการดูดไขมันไม่สม่ำเสมอหรือดูดไขมันออกมากเกินไป หากเกิดปัญหานี้ อาจใช้การยกกระชับผิวเพิ่มเติม เช่น Radiofrequency (RF) หรือ J Plasma เพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้น - ภาวะไขมันอุดตันหลอดเลือด (Fat Embolism)
แม้ว่าจะพบได้น้อย แต่เป็นภาวะอันตรายที่เกิดจากไขมันเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดอาการหายใจลำบากหรือปวดศีรษะรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้ - อาการชาและการรับรู้ความรู้สึกที่ลดลงชั่วคราว
การดูดไขมันอาจทำให้เส้นประสาทบริเวณใกล้เคียงเกิดอาการชาหรือสูญเสียความรู้สึก ซึ่งมักจะค่อย ๆ หายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงไม่กี่เดือน - การสะสมของของเหลวใต้ผิวหนัง (Seroma)
ของเหลวอาจสะสมหลังการดูดไขมันทำให้เกิดก้อนน้ำใต้ผิว ควรพบแพทย์เพื่อระบายออกด้วยเข็ม อาการนี้มักหายได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ - ภาวะผิวหนังหย่อนคล้อย
สำหรับผู้ที่มีผิวยืดหยุ่นน้อยอาจเกิดผิวหย่อนคล้อย โดยเฉพาะกรณีที่ดูดไขมันในบริเวณที่มีไขมันจำนวนมาก การเลือกเทคนิคที่กระชับผิว เช่น BodyTite หรือ J Plasma จะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ - การแพ้ยาชาหรือยาสลบ
การดูดไขมันส่วนใหญ่ใช้ยาชาเฉพาะจุดหรือยาสลบ ซึ่งบางรายอาจเกิดอาการแพ้ได้ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบเพื่อความปลอดภัย
การลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการดูดไขมัน
- ปรึกษาแพทย์ที่เข้าใจหัตถการดูดไขมันเป็นอย่างดี
- เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการดูดไขมัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- การเตรียมตัวและดูแลหลังทำตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การงดอาหาร การงดยาบางชนิด สามารถช่วยลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงได้
- สวมชุดกระชับและดูแลตัวเองหลังทำอย่างเหมาะสม
- ชุดกระชับหลังการดูดไขมันช่วยลดการสะสมของของเหลว ลดอาการบวมและช่วยให้ผิวเรียบเนียน การพักฟื้นและการดูแลแผลสะอาดก็สำคัญต่อการฟื้นตัว
- แจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ
- หากพบอาการผิดปกติ เช่น แผลบวมแดงหรือมีอาการปวดที่ไม่ลดลง ควรแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อรับการประเมิน
การดูดไขมันช่วยปรับรูปร่างให้สมส่วน แต่อาจมีความเสี่ยงและผลข้างเคียง การศึกษาและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การดูแลตัวเองตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การดูดไขมันมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
เทคนิคดูดไขมันที่ รัตตินันต์ ดูดไขมันพร้อมกระชับผิว
TripleTite และ J Plasma
การดูดไขมันและการยกกระชับผิวในปัจจุบันพัฒนาไปมาก ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของการลดไขมันและการกระชับผิว เทคนิคยอดนิยมเช่น TripleTite และ J Plasma เป็นทางเลือกที่ทันสมัย ปลอดภัย และสามารถตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการที่ต้องการรูปร่างกระชับและเข้ารูปได้ดี
TripleTite การดูดไขมันที่ผสานสามเทคโนโลยีเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
TripleTite เป็นการดูดไขมันที่ผสานสามเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดไขมันและยกกระชับผิว โดยมีสามขั้นตอนหลักดังนี้
- BodiTite เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency Technology) พลังงานคลื่นวิทยุช่วยกระชับผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน และลดโอกาสการหย่อนคล้อยหลังดูดไขมัน
- PowerTite ระบบดูดไขมันด้วยพลังงานกล (Power Assisted Liposuction) ระบบพลังงานกลใช้การสั่นสะเทือนช่วยแยกเซลล์ไขมันจากเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้การดูดไขมันแม่นยำ ลดอาการบวม และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- DermaTite เทคโนโลยีกระชับผิวหย่อน ช่วยให้หลังดูดไขมันมั่นใจมากขึ้น ผิวไม่ย้วยเนื่องจากสัดส่วนร่างกายลดเร็วเกินไป
ข้อดีของ TripleTite
- ลดการบอบช้ำ ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเทคนิคเดิม
- กระชับผิวได้ดี ลดความเสี่ยงของผิวหย่อนคล้อย
- เหมาะกับการดูดไขมันหลายจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก
J Plasma นวัตกรรมการกระชับผิวที่ล้ำสมัย
J Plasma เป็นเทคโนโลยีการกระชับผิวด้วยพลังงานพลาสมาเย็น ใช้ก๊าซฮีเลียมร่วมกับพลังงาน RF ซึ่งช่วยให้ผิวหนังกระชับโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสูง ลดความเสี่ยงการไหม้และผลข้างเคียง
ขั้นตอนการทำงานของ J Plasma
- สร้างพลังงานพลาสมาเย็น พลาสมาเย็นจากก๊าซฮีเลียมช่วยให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจน ทำให้ผิวตึงและกระชับในทันที
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นอกจากการยกกระชับผิวทันที J Plasma ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของ J Plasma
- ช่วยให้ผิวกระชับเรียบเนียนโดยไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับ
- ลดการเกิดแผลและการบวม ฟื้นตัวเร็ว
- เหมาะกับการใช้ร่วมกับการดูดไขมันในบริเวณที่มีผิวหย่อนคล้อย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขา
ทำไมต้องดูดไขมัน
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
การเลือกสถานที่สำหรับการดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีจุดเด่นในการให้บริการดูดไขมันด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านดูดไขมัน และการบริการที่ใส่ใจในรายละเอียด จึงเป็นที่ไว้วางใจของผู้รับบริการ
ทีมแพทย์ดูดไขมัน
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน (FAQs)
1. สามารถเข้ารับคำปรึกษาก่อนทำหัตถการได้หรือไม่?
- ใช่ค่ะ ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์มีบริการให้คำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินและแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมสำหรับการดูดไขมันเฉพาะบุคคล คุณจะได้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัว ขั้นตอน และผลลัพธ์ที่จะได้รับ
2. เทคนิค Scarless สำหรับการดูดไขมันคืออะไร?
- เทคนิค Scarless ที่ใช้ในการดูดไขมันที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์คือการทำหัตถการที่ให้แผลมีขนาดเล็กมากจนแทบไม่เห็นรอยแผลหลังการหาย ซึ่งจะใช้แคนนูล่าขนาดเล็กมาก ช่วยลดรอยแผล ลดอาการบวมช้ำ และให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน
3. ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการดูดไขมัน?
- ควรหยุดรับประทานยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือน้ำมันปลา และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนทำ นอกจากนี้ควรตรวจสุขภาพและพักผ่อนให้เพียงพอ
4. มีการใช้ยาชาประเภทใดบ้างในการดูดไขมัน และจะรู้สึกตัวระหว่างทำหรือไม่?
- ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์มีทั้งการใช้ยาชาเฉพาะจุดและการวางยาสลบ ขึ้นอยู่กับบริเวณและความต้องการของผู้เข้ารับบริการ แพทย์จะให้คำแนะนำว่าการใช้ยาชนิดใดเหมาะสมที่สุด
5. ระยะเวลาการพักฟื้นสำหรับการดูดไขมันเป็นอย่างไร และสามารถโดนน้ำหรือเริ่มออกกำลังกายได้เมื่อไหร่?
- ระยะเวลาพักฟื้นปกติอยู่ที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนี้สามารถโดนน้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนการออกกำลังกายสามารถเริ่มได้หลังจาก 4-6 สัปดาห์
6. การดูดไขมันช่วยกำจัดเซลลูไลท์ได้หรือไม่?
- การดูดไขมันสามารถลดเซลลูไลท์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้กำจัดเซลลูไลท์ทั้งหมด การใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น BodyTite หรือ J Plasma จะช่วยกระชับผิวและลดลักษณะเซลลูไลท์ได้ดียิ่งขึ้น
7. ต้องนวดกี่ครั้งเพื่อช่วยสลาย seromas หลังดูดไขมัน?
- แนะนำให้นวดประมาณ 5-10 ครั้ง โดยการนวดช่วยกระตุ้นการสลาย seromas และลดอาการบวม นวดอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้การฟื้นตัวดีขึ้น
8. ราคาดูดไขมันเริ่มต้นที่เท่าไหร่?
- ราคาเริ่มต้นสำหรับการดูดไขมันขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณไขมันที่ต้องการดูดออก โดยปกติจะเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 บาท ขึ้นไป
9. รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์มีเครื่อง Vaser, Bodytite Pro, MicroAire PAL และ J Plasma หรือไม่?
- ใช่ค่ะ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์มีเครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูงครบครัน เพื่อให้ผลลัพธ์การดูดไขมันออกมาดีที่สุด
10. ตำแหน่งที่แผลดูดไขมันอยู่ที่ไหนบ้าง?
- แพทย์จะทำแผลขนาดเล็กในจุดที่มองไม่เห็นง่าย เช่น บริเวณซอกขา หรือใต้เสื้อผ้า เพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลที่เห็นชัดหลังทำ
11. สามารถดูดไขมันโดยใช้ยาชาเฉพาะจุดได้หรือไม่?
- ใช่ค่ะ บริเวณเล็ก ๆ หรือในกรณีที่ต้องการดูดไขมันเฉพาะจุดสามารถทำภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะจุดได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จะประเมินความเหมาะสมของการใช้ยาชาแต่ละชนิดในแต่ละกรณี
12. สามารถดูดไขมันได้มากเท่าไหร่ในครั้งเดียว?
- โดยทั่วไป แนะนำให้ดูดไขมันออกประมาณ 4-5 ลิตรในครั้งเดียว เพื่อความปลอดภัย แพทย์จะประเมินและให้คำแนะนำตามปริมาณไขมันที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
13. สามารถเดินทางกลับบ้านได้ทันทีหลังจากการดูดไขมันหรือไม่?
- หากเป็นการดูดไขมันในบริเวณเล็ก ๆ สามารถเดินทางกลับได้ แต่ถ้าเป็นบริเวณใหญ่แนะนำให้พักฟื้นที่คลินิกหรือพักโรงแรมใกล้เคียงอย่างน้อย 1 คืน
14. seroma จะคงอยู่ได้นานแค่ไหนหลังการดูดไขมัน?
- seroma อาจใช้เวลาในการสลายตัวประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลและการตอบสนองของร่างกาย การนวดช่วยลดการสะสมของ seroma ได้
15. จำเป็นต้องนวดหลังการดูดไขมันหรือไม่?
- การนวดหลังดูดไขมันช่วยให้ผิวเรียบเนียน ลดอาการบวม และลดการสะสมของ seromas แนะนำให้นวดต่อเนื่องประมาณ 5-10 ครั้งตามคำแนะนำของแพทย์
16. ไขมันจะกลับมาหลังการดูดไขมันหรือไม่?
- ไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาในตำแหน่งเดิม แต่หากไม่ควบคุมน้ำหนัก ไขมันอาจสะสมในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้
17. การดูดไขมันช่วยลดน้ำหนักหรือไม่?
- การดูดไขมันช่วยลดปริมาณไขมันเฉพาะจุดและปรับรูปร่าง แต่ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ การดูแลควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษารูปร่างในระยะยาว
18. สามารถดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ก่อนและหลังทำหัตถการได้หรือไม่?
- แนะนำให้งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการดูดไขมัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
19. สามารถเข้าใช้บริการซาวน่าหลังการดูดไขมันได้หรือไม่?
- ควรงดการใช้ซาวน่าอย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังการดูดไขมัน เพราะความร้อนอาจกระทบต่อแผลและทำให้เกิดการอักเสบได้
20. ถ้าต้องการดูดไขมันหลายจุด สามารถทำได้โดยไม่ต้องวางยาสลบได้ไหม?
- การดูดไขมันหลายจุดสามารถทำได้โดยการใช้ยาชาเฉพาะจุดในบางกรณี ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและบริเวณที่ทำ แพทย์จะประเมินและแนะนำวิธีการที่เหมาะสมที่สุดเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของผู้เข้ารับบริการ
สรุป
การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปร่างให้สวยงามยิ่งขึ้น โดยกำจัดไขมันเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว และเหนียงใต้คาง ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น J Plasma และ TripleTite ซึ่งช่วยดูดไขมันอย่างแม่นยำและยกกระชับผิวไปพร้อมกัน ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ
แพทย์ผู้ก่อตั้ง รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
Biography