วิธีการ ลดปีกหลัง ด้วยตัวเองที่ดีที่สุดคือออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร เพื่อลด ไขมันส่วนเกินปีกหลัง ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นที่การเล่นกีฬาที่มีการใช้กล้ามเนื้อหลัง เช่น วิดพื้น ยกน้ำหนัก เดินเร็ว วิ่งเก็บตะกร้า หรือจะเป็นการฝึกโยคะ ยืดกล้ามเนื้อหลังจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เผาพลาญไขมันได้ส่วนหนึ่ง สำหรับการควบคุมอาหาร ควรลดปริมาณอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง เพิ่มปริมาณผัก-ผลไม้ รวมถึงการทานโปรตีนอย่างเพียงพอ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อวัว ถั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ การนอนหลับอย่างเพียงพอและการลดความเครียดยังช่วยลดปีกหลังได้ด้วย
ทำไมถึงมี ไขมันปีกหลัง
การลดน้ำหนักของคนที่มีน้ำหนักตัวมาก ๆ ต้องไม่กินแล้วนอน หรือตัวใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว อาจเกิดไขมันสะสมปีกหลังขึ้นได้เช่นกัน เพราะเมื่อเราลดน้ำหนัก ร่างกายจะเผาผลาญไขมันเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน แต่ถ้าเราลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไป อาจทำให้ผิวหย่อนคล้อยและไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทำให้เกิดผิวปลิ้นออกมาและกลายเป็นปีกหลังได้ ดังนั้นการลดน้ำหนักควรทำอย่างช้า ๆ และควรรักษาผิวด้วยการใช้ครีมที่เหมาะสมเพื่อช่วยกระชับผิวและลดการหย่อนคล้อยในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ไขมันปีกหลัง อยู่ตรงบริเวณไหน ?
ไขมันปีกหลัง เกิดจากการที่ร่างกายสะสมไขมันบริเวณหลังจนทำให้เห็นเนื้อปลิ้นออกมาตามขอบเสื้อในชัดเจน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งปีกด้านบนและปีกด้านล่างของเสื้อ และการที่มีไขมันปีกหลังจะทำให้ลำตัวดูหนาขึ้น เมื่อคุณใส่เสื้อเอวลอยหรือกางเกงเอวต่ำ เพราะมันทำให้ไขมันบริเวณเอวเป็นก้อนลอยออกมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งการ ลดปีกหลัง หากออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพเรื่องอาหารการกิน ก็จะช่วยลดปริมาณไขมันในบริเวณปีกส่วนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันปีกหลัง
สาเหตุของการเกิดไขมันสะสมที่ปีกหลังนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึง
- พฤติกรรมการกิน : การบริโภคอาหารที่มีปริมาณไขมันสูงหรืออาหารที่เป็นประจำที่มีปริมาณน้ำตาลสูง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดไขมันปีกหลัง
- ขนาดการเคลื่อนไหว : การนั่งทำงานหรือนั่งชมทีวีเป็นเวลานานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับไขมันปีกหลังอ่อนแอลง จึงเป็นสาเหตุให้เกิดไขมันปีกหลัง
- พฤติกรรมการออกกำลังกาย: การไม่ออกกำลังกายหรือออกกำลังกายน้อย อาจทำให้เกิดไขมันปีกหลังได้ง่ายขึ้น
- สภาพแวดล้อม : การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น การทำงานที่ต้องนั่งติดกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ หรือต้องใช้เวลานานในการขับรถยนต์ เป็นต้น อาจเป็นสาเหตุให้เกิดไขมันปีกหลัง
- สภาพแพ้ง่าย : บางครั้งการมีสภาพแพ้ง่ายอาจทำให้เกิดการอักเสบที่ไขมันปีกหลัง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดไขมันปีกหลัง
วิธีการ ลดปีกหลัง
1. การใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์
การใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์เป็นวิธีการกำจัดไขมันบริเวณปีกหลังหรือวิธีลดปีกเอวโดยไม่ต้องผ่าตัด เทคโนโลยีนี้ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ High-Intensity Focused Ultrasound ที่จะเจาะจงเข้าไปขจัดเซลล์ไขมันโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ บริเวณรอบ ๆ เส้นเลือดและเส้นประสาท การใช้เทคโนโลยีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดมากกว่า 1.5 ซม. หลังทำการรักษาสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
2. ลดปีกหลัง ด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุช่วยสลายไขมันและช่วยกระชับผิวบริเวณที่ทำได้โดยใช้สองพลังงานคือคลื่นวิทยุRF และคลื่นวิทยุความเข้มสูง High voltage ultra-short pulse duration RF เพื่อฆ่าเซลล์ไขมันอย่างถาวร นอกจากนี้ยังช่วยลดเซลลูไลท์ และกระชับผิวบริเวณที่ทำได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดเป็นเวลานาน และมีปัญหาเกี่ยวกับเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม และต้องการกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งกระชับ
3. การดูดไขมันปีกหลัง
การดูดไขมัน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้รูปร่างดีขึ้น และช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกิน เป็นการปรับรูปร่างให้มีความสวยงาม สัดส่วนกระชับเข้ารูปขึ้น โดยใช้พลังงานคลื่นความร้อนจากคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Wave – RF) เช่น เครื่องดูดไขมัน BodyTite Pro เข้าไปสลายไขมันทำให้ก้อนไขมันแตกตัวออกและสลายกลายเป็นของเหลวใต้ผิวหนัง จากนั้นทำการดูดออกอย่างนุ่มนวลและง่ายดาย ด้วยเทคโนโลยีระบบสั่น PAL โดยไม่ทำความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบ เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีความบอบช้ำน้อย มีการฟื้นตัวเร็วหลังการรักษาทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี
การกำจัดไขมันปีกหลังเป็นบริเวณที่กำจัดออกได้ยาก เพราะไขมันที่ไปสะสมบริเวณเหล่านี้เป็นไขมันดื้อ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีลดไขมันหลาย ๆ วิธีร่วมกันเพื่อให้ไขมันบริเวณดังกล่าวถูกกำจัดออกไป นอกจากการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยแล้วหนึ่งนั้นก็คือการเลือกรับประทานอาหาร และการออกกำลังที่ถูกวิธีถึงจะให้ผลดีกับการลดสัดส่วน
อ่านเพิ่มเติม
BodyTite Pro เทคโนโลยีดูดไขมันพร้อมกระชับผิว PAL ดูดไขมันด้วยระบบสั่น ไม่ทำลายเนื้อเยื่อดูดไขมันปีกหลัง เจ็บไหม
ในการดูดไขมันในบริเวณแผ่นหลังนั้นหมอจะใช้ยาชาหรือยาสลบเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับการดูดไขมันรู้สึกสบายขึ้นในระหว่างการทำการดูดไขมัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดูดไขมันเสร็จแล้ว ผู้รับการดูดไขมันอาจมีอาการระบบบริเวณหลังบวมขึ้นหรือมีรอยบวมบริเวณนั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาและเกิดขึ้นได้กับผู้รับการดูดไขมันในทุก ๆ ส่วนของร่างกายครับ ดังนั้นผู้รับการดูดไขมันควรรักษาบริเวณนั้น ๆ อย่างอ่อนโยนและไม่ควรใช้กำลังมากเกินไปเมื่อเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมชีวิตประจำวัน
อ่านเพิ่มเติม
ดูดไขมันทั้งตัวให้ปลอดภัย เทคนิคใหม่ 20235 ท่าออกกำลังลดปีกหลังและเอว ลดเนื้อปลิ้นข้างรักแร้
หากคุณปีกหลังใหญ่ เราขอแนะนำท่าออกกำลังลดปีกหลังและเอวสำหรับสาว ๆ ดังนี้:
ท่าที่ 1: แพลงก์แบบกลับหลัง ทำแบบนี้ค้างไว้เป็นเวลา 45 วินาที พัก 10 วินาที ทำแบบนี้ 3 เซ็ต
ท่าที่ 2: กางเข่าออกไปด้านข้าง ทำทั้งหมด 15 ครั้ง พัก 10 วินาที ทำอีก 4 เซ็ต
ท่าที่ 3: วิดพื้น ทำทั้งหมด 12 ครั้ง พัก 10 วินาที ทำอีก 2 เซ็ต
ท่าที่ 4: ท่าลดไขมันท้อง ทำทั้งหมด 20 ครั้ง (สลับซ้ายและขวา) พัก 10 วินาที ทำอีก 2 เซ็ต
ท่าที่ 5: วิดพื้น ทำทั้งหมด 12 ครั้ง พัก 10 วินาที ทำอีก 2 เซ็ต
การป้องกันไขมันปีกหลัง ควรรักษาพฤติกรรมการกินอย่างสมดุล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการนั่งเกินเวลาในช่วงเวลานาน ๆ อีกทั้งยังควรเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับไขมันปีกหลังด้วยการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ การลดความเครียดในชีวิตประจำวัน และการนอนหลับอย่างเพียงพอก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการป้องกันไขมันปีกหลัง
การลดปีกหลัง อาจทำได้โดยการผ่าตัด หรือการใช้เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การใช้เทคนิคดูดไขมันหรือใช้เทคนิคเลเซอร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การรักษาไขมันปีกหลังไม่ควรพึ่งพาแค่การรักษาเท่านั้น แต่ยังต้องรักษาพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และผลักดันให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงตลอดเวลา
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยด้านสุขภาพที่มีการรักษาในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย