เรื่องคนท้องกินกาแฟได้ไหม การบริโภคกาแฟในระหว่างตั้งครรภ์ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมีข้อแนะนำว่าการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอควรน่าจะปลอดภัย เนื่องจากกาแฟมีส่วนประกอบหลักคือคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นประสาท หากบริโภคในปริมาณมากอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้
ดังนั้นองค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีนไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเทียบได้กับกาแฟดำไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน โดยแนะนำให้เลือกดื่มกาแฟดำที่มีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่ากาแฟทั่วไป หรือกาแฟเอสเพรสโซ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนอื่น ๆ เช่น ชาเขียว โกโก้ น้ำอัดลม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับหญิงตั้งครรภ์บางรายอาจแพ้คาเฟอีน ทำให้มีอาการปวดศีรษะ อยากนอนแต่นอนไม่หลับ หรือหัวใจเต้นเร็ว จึงควรเลิกดื่มกาแฟไปเลย และปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัย เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและลูกน้อยเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์
กาแฟประกอบด้วยสารใด และส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย
การดื่มกาแฟเป็นที่นิยมของคนจำนวนมาก เนื่องจากมีสารคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กาแฟประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีผลกระทบต่อร่างกายทั้งในด้านบวกและด้านลบ
- ในหนึ่งแก้วกาแฟ มีสารเคมีมากกว่า 1,000 ชนิด โดยสารสำคัญที่พบ ได้แก่ คาเฟอีน สารกลุ่มไดเทอร์พีน และสารกลุ่มแอนติออกซิแดนท์
- คาเฟอีนนอกจากจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสมองตื่นตัวแล้ว ยังมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ต้านฤทธิ์ของอินซูลิน และเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคกระดูกพรุน
- สารกลุ่มไดเทอร์พีนมีผลทำให้ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูงอยู่แล้ว
- ในทางกลับกัน สารกลุ่มแอนติออกซิแดนท์ที่พบในกาแฟมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยช่วยต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ลดการเกิดอนุมูลอิสระ ปฏิกิริยาการอักเสบ และการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงกระบวนการใช้กลูโคสและไขมันให้ดีขึ้น
ดังนั้น การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากสารบางชนิด แต่ควรระวังผลข้างเคียงจากสารบางชนิดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคกระดูกพรุน
ทำไมกาแฟถึงอาจเป็นอันตรายกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ?
คาเฟอีนเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท พบได้ในผลิตภัณฑ์หลายชนิดเช่น กาแฟ ชา ช็อกโกแลต โกโก้ และเครื่องดื่มบางประเภท การได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของบุคคลทั่วไป และอาจมีผลกระทบที่รุนแรงขึ้นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ดังนี้
- เสี่ยงต่อการแท้งบุตร การได้รับคาเฟอีนในปริมาณสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรในระยะแรกของการตั้งครรภ์
- น้ำหนักแรกคลอดน้อย คาเฟอีนอาจส่งผลให้ทารกมีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
- เจริญเติบโตช้า ทารกในครรภ์อาจเจริญเติบโตช้าลงเนื่องจากคาเฟอีนที่ผ่านไปยังทารก
- กระตุ้นประสาทของทารก คาเฟอีนสามารถผ่านรกไปยังทารกทำให้ทารกมีประสาทที่กระตุ้นมากเกินไป
หากได้รับ ‘คาเฟอีน’ มากเกินไปจะส่งผลเสียอย่างไรต่อคุณแม่ตั้งครรภ์?
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของคุณแม่ที่จะต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่คุณแม่ได้รับจะส่งผลกระทบไปยังทารกในครรภ์ด้วย หนึ่งในสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวังคือการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งหากได้รับในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
ผลเสียต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
- ขับปัสสาวะบ่อย อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำและสูญเสียแร่ธาตุ : คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้คุณแม่ต้องลุกไปปัสสาวะบ่อยขึ้น หากไม่ดื่มน้ำทดแทนอย่างเพียงพอจะทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ รวมถึงสูญเสียแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นจากการปัสสาวะบ่อยเกินไป
- ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก : การได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากอาจไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์มีความเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจาง
- รบกวนการพักผ่อน : เนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นประสาทที่ทำให้รู้สึกตื่นตัว การได้รับมากเกินไปจึงส่งผลให้คุณแม่ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาทารกในครรภ์
ผลเสียต่อทารกในครรภ์
- ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ : คาเฟอีนอาจทำให้หลอดเลือดในมดลูกและรกหดตัว ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงทารกในครรภ์ลดลง ทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยและมีขนาดเล็กกว่ามาตรฐาน
- เสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิด : หลายการศึกษาในสัตว์ทดลองชี้ว่า การได้รับคาเฟอีนในระหว่างตั้งครรภ์อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดความพิการแต่กำเนิดของทารก รวมถึงอาจก่อให้เกิดปัญหากับการพัฒนาระบบสืบพันธุ์ของทารกด้วย
- อาจทำให้ทารกไม่นอนหลับ : คาเฟอีนในร่างกายคุณแม่สามารถซึมผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ และอาจกระตุ้นให้ทารกตื่นตัว ส่งผลให้ทารกไม่สามารถนอนหลับได้อย่างเพียงพอซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการทารก
เคล็ดลับลดกาแฟให้ได้ผล และไม่ทรมานใจคุณแม่
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของคุณแม่ การดูแลสุขภาพและควบคุมการบริโภคสารต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคุณแม่ที่ติดการดื่มกาแฟ การลดปริมาณการบริโภคคาเฟอีนอาจเป็นเรื่องยากลำบาก แต่มีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ดังนี้
เข้าใจถึงสาเหตุของการดื่มกาแฟ
ก่อนอื่น คุณแม่ควรวิเคราะห์ว่าตนเองดื่มกาแฟด้วยเหตุผลใด เช่น ชอบรสชาติ หรือต้องการความกระปรี้กระเปร่า เมื่อเข้าใจสาเหตุแล้ว จะช่วยให้คุณหาทางเลือกที่เหมาะสมในการทดแทนได้ง่ายขึ้น
ค่อย ๆ ลดปริมาณลง
การเลิกดื่มกาแฟทันทีอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนั้น การค่อย ๆ ลดปริมาณลงเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณแม่อาจเริ่มจากการลดจำนวนแก้วลงครึ่งหนึ่งก่อน แล้วค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนสามารถเลิกได้สำเร็จ
เลือกทางเลือกที่เหมาะสม
หากคุณแม่ชอบรสชาติของกาแฟ อาจลองดื่มกาแฟดีคาฟ (DECAF) แทน เนื่องจากมีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่า หรือหากต้องการความกระปรี้กระเปร่า อาจเลือกดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำผักสด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังให้คุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและทารกในครรภ์อีกด้วย
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความอยากดื่มกาแฟได้ คุณแม่ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และเพิ่มปริมาณขึ้นในช่วงที่อากาศร้อน
รับประทานอาหารสม่ำเสมอ
การรับประทานอาหารหลายมื้อและสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานอย่างต่อเนื่อง ลดความต้องการพึ่งพากาแฟ คุณแม่ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 5-6 มื้อต่อวัน โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์และง่ายต่อการย่อย
การลดการดื่มกาแฟในช่วงตั้งครรภ์อาจเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยความตั้งใจและวินัย คุณแม่สามารถประสบความสำเร็จได้ นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกแล้ว ยังเป็นการสร้างนิสัยที่ดีสำหรับหลังคลอดอีกด้วย
คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มอะไรแทนกาแฟดี
หากคุณกำลังตั้งครรภ์ คงมีคำถามว่าควรจะดื่มอะไรแทนกาแฟที่คุณชื่นชอบ เพื่อรักษาสุขภาพของคุณและทารกน้อยในครรภ์ ไม่ต้องกังวลไปเลย มีหลากหลายเครื่องดื่มที่เหมาะสม และมีประโยชน์ต่อร่างกายมารดาและทารกมากมาย
- เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ น้ำจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมและลำเลียงสารอาหารสำคัญไปยังทารกในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังป้องกันภาวะขาดน้ำซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาแก่ทารกได้ ดังนั้น คุณแม่จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- นอกจากน้ำเปล่าแล้ว นมไขมันต่ำก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีแคลเซียมและโปรตีนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ แต่ควรเลือกนมที่ไขมันต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของไขมันส่วนเกินซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวานในทารกหลังคลอด
- สุดท้าย น้ำผลไม้หรือน้ำผักสดคั้นสดก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของทั้งคุณแม่และทารก อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังเรื่องปริมาณน้ำตาลในน้ำผลไม้ ดังนั้น อาจต้องปรับลดปริมาณน้ำตาลที่เติมลงไป หรืออาจพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เช่น น้ำผักคั้นสด ซึ่งให้ประโยชน์เต็มที่โดยปราศจากน้ำตาล
การเลือกดื่มเครื่องดื่มที่เหมาะสม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลอดภัยต่อทารก จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่แข็งแรงและสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ รวมทั้งยังดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์อีกด้วย เพื่อบรรลุผลลัพธ์วิธีแก้ท้องอืดที่ดีที่สุดนี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์
สรุป
หลายคนอาจสงสัยว่าคนท้องกินกาแฟได้ไหม คำตอบคือ ได้ แต่ควรควบคุมปริมาณให้พอเหมาะ เพราะการบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ องค์การอนามัยโลกและสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรบริโภคคาเฟอีนเกินวันละ 200 มิลลิกรัม หรือประมาณกาแฟ 2 แก้วต่อวัน เนื่องจากคาเฟอีนสามารถผ่านรกไปสู่ทารกได้ และอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์มีอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น
นอกจากนี้ คุณแม่บางท่านอาจติดกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน การลดปริมาณลงจะช่วยให้ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย หากคุณแม่อยากเลิกดื่มชา กาแฟ หรือโกโก้ในช่วงตั้งครรภ์ เราขอแนะนำให้หันมาดื่มน้ำเปล่า นมที่มีไขมันต่ำ นมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือน้ำผลไม้คั้นสดแบบไม่เติมน้ำตาลแทน เครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยทั้งแก้กระหายและบำรุงสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย