ศัลยกรรมหูกาง (Otoplasty)
ศัลยกรรมหูกาง คือ การผ่าตัดแก้ไขลดขนาดหูกาง ให้มีขนาด และลักษณะของใบหูเหมาะสมกับใบหน้าของผู้เข้ารับการผ่าตัด อาการหูกาง หรือ หูค้างคาว จะมีลักษณะใบหูไม่แนบไปทางด้านหลังเท่าที่ควร ซึ่งปกติควรทำมุมประมาณ 30 องศากับศีรษะ ส่วนคนหูกางอาจทำมุมมากกว่าจนเห็นเด่นชัดจากด้านหน้า สาเหตุเกิดจากกระดูกอ่อนของหูชั้นนอก (ใบหู) ไม่พับไปตามปกติ เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กและอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ศัลยกรรมใบหู เพื่อการ แก้ไขหูกาง สามารถทำได้ตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ เพราะใบหูเด็กช่วงนั้น จะมีขนาดโตเต็มที่เท่ากับผู้ใหญ่ ผู้เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหูกางจะต้องรับการปรึกษาจากแพทย์ผู้ผ่าตัดโดยตรง ให้แพทย์วินิจฉัยก่อนการผ่าตัดทุกครั้ง
ผู้ที่เหมาะสมกับการ ศัลยกรรมหูกาง
- เหมาะกับคนที่มีลักษณะใบหูที่กาง ไม่เข้ากับใบหน้า
- ผู้ที่มีใบหูทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน
- ช่วงอายุที่สามารถทำการผ่าตัด แก้หูกาง ได้ ตั้งแต่ อายุ 6 ปี ขึ้นไป เนื่องจากใบหูเจริญเติบโตจนเต็มที่แล้ว แต่การผ่าตัดในเด็กแบบนี้ไม่สามารถทำแบบยาชาได้ เพราะเด็กไม่นิ่งพอ จึงต้องมีการดมยา ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อ-แม่ยากจะทำใจ อย่างไรก็ดี การ ผ่าตัดหูกาง โดยการแก้ไขกระดูกอ่อนใบหู เด็กในวัยนี้ ถือว่าทำง่ายและได้ผลดีกว่าตอนโตมาก
การแก้ไขหูกาง
ศัลยแพทย์จะแก้ไขรูปโครงกระดูกอ่อนผ่านทางด้านหลังของใบหู (โดยจะมีแผลผ่าตัดอยู่ที่หลังใบหู) และทำการตกแต่งลักษณะใบหูใหม่ โดยมีเทคนิคการผ่าตัด แก้ไขหูกาง มีนับสิบแบบ ขึ้นกับปัญหาของหู เช่นบางคนหูเล็ก ไม่มีติ่งหู กระดูกอ่อนโค้งเกินไป ไม่มี Antihelix (ดังรูป) ฯลฯ
ทั้งนี้ต้องอาศัยฝีมือและความปราณีตของศัลยแพทย์ตกแต่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งการทำแผลหลังผ่าตัดเสร็จก็เช่นกัน ต้องใช้ผ้าทำแผลที่มีลักษณะพิเศษ เพื่อให้เสี่ยงต่อการบวมช้ำและเกิดแผลเป็นให้น้อยที่สุด การผ่าตัดแก้ไขหูกาง สามารถทำได้ด้วยยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง แผลเล็กมากขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร
การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมหูกาง
- 3 วันแรกหลังผ่าตัด อย่าให้แผลศัลยกรรมโดนน้ำ
- ช่วงสัปดาห์แรก หมั่นทำความสะอาดแผลทุกวัน
- เลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 2 สัปดาห์
- งดการดื่มแอลกฮอล์ และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน
- งดนอนทับหู จำเป็นต้องนอนหงายไปก่อน 4-6 สัปดาห์
ผ่าตัด แก้ไขหูกาง ที่รัตตินันท์คลินิก สีลม กรุงเทพ
ศัลยกรรมหูกางอันตรายหรือไม่ ?
หูกาง หรือ หูค้างคาว ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติอะไร ไม่ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิต ไม่ส่งผลกระทบถึงระบบการได้ยิน แต่อาจส่งผลในเรื่องของความมั่นใจ เพราะบางคนก็อาจถูกล้อ ถูกแซว กลั่นแกล้งตั้งแต่เด็ก จากลักษณะใบหูที่กางจนเด่น ไม่เหมือนใบหูของคนอื่น การศัลยกรรมแก้หูกางจะช่วยแก้ไขปัญหาส่วนนี้ได้
ยาที่ต้องหยุดก่อนการทำ ศัลยกรรมหูกาง
เนื่องจากปัญหาหนึ่ง หลังการผ่าตัดที่อาจจะเจอคือก้อนเลือดที่ออกมาหลังใบหู ดังนั้นการหยุดยาบางชนิดก่อนการผ่าตัด จึงจำเป็นมาก รายชื่อยาที่ควรหยุดก่อนผ่าตัด อย่างน้อยสองอาทิตย์คือ
ยาต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด (Antiplatelet Drugs)
Aspirin (B-Aspirin® , Asprex®, Cardiprin® ASA) Dipyridamole + Aspirin (Aggrenox®) Clopidogrel (Plavix®, Apolet®, Clopidogrel GPO®, Clopidogrel SANDOZ®, Platogrix®)Ticlopidine (Ticlodin®)Cilostazol (Pletaal® , Cilosol®) Ticagrelor (Brilinta®)Dipyridamole (Agremol®) Prasugrel (Effient®)
ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant Drugs)
แบบฉีด
- Enoxaparin (Clexane®)
- Tinzaparin (Innohep®
แบบทาน
- Warfarin (Orfarin®, Maforan®)
- Dabigatran (Pradaxa®)
- Rivaroxaban (Xarelto®)
- Apixaban (Eliquis®)
- Edoxaban (Lixiana®)
การดมยาสลบในเด็กเล็ก กรณีผ่าตัดหูกางแต่ใช้ยาชาไม่ได้
ปกติการทำ ศัลยกรรมหูกาง แบบนี้ ใช้ยาก็เพียงพอ เพราะเป็นการผ่าตัดสั้น เพียง 60 นาทีก็เสร็จ แต่ปัญหาคือในเด็ก อายุไม่ถึง 10 ขวบจะทำอย่างไร การดูแลผู้ป่วยเด็กให้มีความปลอดภัยในช่วงก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดมีความสำคัญ จริงๆ แล้วการผ่าตัดในเด็กเล็ก หากทำด้วยความชำนาญถือว่าปลอดภัย และเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการรักษาผ่าตัด
โดยการผ่าตัดในผู้ป่วยเด็กนั้นมีความหลากหลายในการดูแลรักษากล่าวคือ มีการผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นทารกคลอดก่อนกำหนด จนถึงเด็กโตซึ่งมีขนาดร่างกายเท่าผู้ใหญ่ และบางครั้งอาจจะทำการผ่าตัดเด็กเล็กที่ยังไม่คลอด (ผ่าในมดลูกโดยตรง) ก็เคยมี โดยส่วนมากจำเป็นต้องอาศัยการดมยาสลบ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีในการดมยาสลบนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด อายุ ขนาดของร่างกาย และ สภาวะทางจิตใจของผู้ป่วยเด็ก ในการยอมรับการรักษาในแต่ละประเภทอีกด้วย
อีกทั้งการมีโรคประจำตัว หรือ ความผิดปกติแต่กำเนิดบางประการเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในระหว่างดมยาสลบ และ การผ่าตัด ดังนั้น จึงมีความจ ำเป็นในการเตรียมผู้ป่วยเป็นอย่างดี ก่อนการทำการผ่าตัดทุกครั้ง
ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา
น.อ.นพ. สุรินท์นาท เจริญจิตต์ (Dr. Surinnart Charoenchitt)
- ศัลยศาสตร์ตกแต่ง (จุฬา)
- Certificate Buttock Augmentation , France
- Certificate Body contouring surgery , Switzerland
- Member, International Society of Aesthetic Plastic Surgery
รายละเอียดการรักษา
เวลาผ่าตัด
ประมาณ 1 ชั่วโมง
ฉีดยาชาเฉพาะที่
แผลเล็ก ประมาณ
1-2 เซนติเมตร
พักฟื้นไม่นาน
เจ็บน้อย
Alert : 3 วันแรกหลังผ่าตัด อย่าให้แผลศัลยกรรมโดนน้ำ , งดนอนทับหู จำเป็นต้องนอนหงายไปก่อน 4-6 สัปดาห์, เลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ และงดการดื่มแอลกฮอล์ และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 24 ปี
แพทย์ผู้ก่อตั้ง รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
Biography