ผดร้อน ผื่นคันกวนใจ ที่พบได้บ่อยในหน้าร้อน

ผดร้อน

ในช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว หลายคนอาจประสบปัญหาผิวหนังที่กวนใจอย่าง “ผดร้อน” ซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ ผดร้อนเกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสหรือแดง ซึ่งมักปรากฏบริเวณหน้าอก คอ และหลัง อาการของผดร้อนมักจะมีอาการคันและระคายเคือง ทำให้ผู้ที่เป็นต้องแกะเกาจนเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้

ผดร้อนพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่ชอบใส่เสื้อผ้ารัดแน่นมาก ๆ การป้องกันผดร้อนสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของผิวหนัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนชื้น และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี การดูแลผิวหนังให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดผดร้อนและลดความรำคาญที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าร้อนนี้

สาเหตุที่ทำให้เกิดผดร้อน

ผดร้อน (Miliaria) เกิดจากการอุดตันของท่อเหงื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เหงื่อไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผดร้อน ได้แก่

  1. สภาพอากาศร้อนและชื้น : เมื่ออากาศร้อนและชื้น เหงื่อจะออกมากขึ้น ทำให้ท่อเหงื่ออุดตันได้ง่าย
  2. การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือไม่ระบายอากาศ : เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศหรือรัดแน่นเกินไปจะทำให้เหงื่อไม่สามารถระบายออกได้
  3. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อุดตันรูขุมขน : การใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
  4. การทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก : การออกกำลังกายหรือทำงานหนักที่ทำให้เหงื่อออกมาก

อาการของผดร้อนมักปรากฏเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดงหรือใสที่บริเวณหน้าอก คอ หลัง และข้อพับ อาจมีอาการคันหรือแสบร้อนร่วมด้วย

ประเภทของอาการผดร้อน

ประเภทของอาการผดร้อน ที่ต้องทำความรู้จัก

ผดร้อน (Miliaria) เกิดจากการอุดตันของท่อระบายเหงื่อ แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก

  1. Miliaria Crystallina : ผดร้อนระดับตื้นที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสขนาดเล็ก แตกง่าย ไม่คัน มักพบในเด็กเล็กที่ใบหน้าและลำตัว
  2. Miliaria Rubra : ผดร้อนที่พบได้บ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มแดง คัน แสบร้อน เกิดในชั้นผิวหนังชั้นกำพร้า มักพบในพื้นที่ที่มีการเสียดสี เช่น ข้อพับและหลัง
  3. Miliaria Pustulosa : ผดร้อนที่เกิดจากการหมักหมมของเหงื่อและการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดตุ่มหนอง มักเกิดจากการเกาหรือสัมผัสบ่อย
  4. Miliaria Profunda : ผดร้อนเรื้อรังที่เกิดจากการอุดตันในระดับลึกที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มขาวขนาดเล็ก ระคายเคืองผิวรุนแรง มักพบในผู้ที่มีผดร้อนเป็นประจำ

อาการของผดร้อนที่ทำให้เกิดความรำคาญใจ

ผดร้อนเป็นอาการทางผิวหนังที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศร้อน โดยมีอาการที่สร้างความรำคาญใจดังนี้

  1. เกิดผื่นแดงหรือตุ่มเล็ก ๆ ตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น เช่น ข้อพับ รักแร้ และขาหนีบ
  2. มีอาการคันหรือแสบร้อนบริเวณที่เป็นผื่น ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
  3. ผื่นอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะส่วนที่มีเหงื่อออกมาก
  4. ในบางรายอาจมีอาการไข้ ปวดหัว และอ่อนเพลียร่วมด้วย
  5. เมื่อโดนเหงื่อหรือความร้อน อาการคันและแสบอาจรุนแรงขึ้น
  6. ผื่นอาจเป็นตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ รวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้ผิวหนังดูไม่สวยงาม
  7. อาการมักแย่ลงเมื่ออยู่ในที่ร้อนหรือมีเหงื่อออกมาก ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว

ผดร้อนแม้ไม่อันตราย แต่อาการเหล่านี้สามารถสร้างความรำคาญและไม่สบายตัวได้มาก โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน

ผดร้อนเป็นกี่วันถึงหาย

ผดร้อนมักจะหายเองได้ภายใน 2-3 วัน หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการหายของผดร้อนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ในขณะที่บางคนอาจใช้เวลานานกว่านั้นการฟื้นตัวจากผดร้อนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของอาการ การดูแลรักษา และสภาพแวดล้อม การหลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น

การสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และการรักษาความเย็นของผิวหนังจะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นตัว หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจาก 3-4 วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีไข้ ปวดแสบปวดร้อน กลาก หรือมีการติดเชื้อ ควรพบแพทย์โดยเร็ว ในบางกรณี แพทย์อาจจำเป็นต้องให้ยาทาหรือยารับประทานเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนโดยทั่วไป การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมและการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นจะช่วยให้ผดร้อนหายได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดซ้ำในอนาคต

ดูแลรักษาผดร้อนด้วยตัวเองอย่างไร

การดูแลรักษาผดร้อนด้วยตัวเองสามารถทำได้หลายวิธีเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดใหม่

  1. อาบน้ำเย็น : ช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและบรรเทาอาการคัน
  2. ใช้แป้งที่ไม่มีน้ำหอม : ทาหลังอาบน้ำเพื่อดูดซับความมันและเหงื่อ
  3. สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี : หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดแน่นเพื่อป้องกันการอับชื้น
  4. ประคบเย็น : ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือถุงน้ำแข็งประคบบริเวณที่มีผดร้อนเพื่อลดการอักเสบ
  5. ใช้คาลาไมน์โลชั่น : ทาบริเวณที่มีผดร้อนเพื่อบรรเทาอาการคันและแสบ
  6. ทาเจลว่านหางจระเข้ : ช่วยลดการอักเสบและให้ความเย็น
  7. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนชื้น : ใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเพื่อรักษาอุณหภูมิ
  8. ดื่มน้ำมาก ๆ : เพื่อให้ร่างกายสดชื่นและชุ่มชื้น

การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการผดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผดร้อนแบบไหนต้องไปพบแพทย์

ผดร้อนแบบไหนต้องไปพบแพทย์

ผดร้อนเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศร้อน แต่บางครั้งอาจมีอาการที่ต้องการการดูแลจากแพทย์ ดังนี้:

  1. มีไข้สูง : หากมีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียสและไม่ลดลงภายใน 3 วัน ควรไปพบแพทย์
  2. อาการรุนแรง : หากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือปวดท้องมาก
  3. อาการไม่ดีขึ้น : หากดูแลตัวเองแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นภายใน 7-10 วัน หรือมีอาการแย่ลง
  4. อาการแทรกซ้อน : มีผื่นขึ้นตามตัว เจ็บคอ คอแข็ง หรือแขนขาอ่อนแรง
  5. ภาวะเสี่ยง : ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรพบแพทย์หากมีไข้ต่อเนื่องเกิน 2-3 วัน

การพบแพทย์ในกรณีเหล่านี้จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

สรุป

ผดร้อนเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดตุ่มน้ำใสหรือแดงที่มักมีอาการคันและระคายเคือง การป้องกันและรักษาผดร้อนสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของผิวหนัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนชื้น และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

นอกจากนี้ การอาบน้ำเย็นและการใช้แป้งที่ไม่มีน้ำหอมหลังอาบน้ำ ยังสามารถช่วยลดอาการผดร้อนได้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม การดูแลผิวหนังให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดผดร้อนและลดความรำคาญที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าร้อนนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า