ปวดหัวข้างซ้ายเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอย่างช้า ๆ หรือเกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน อาการนี้อาจทำให้คุณรู้สึกปวดแปลบ ปวดตื้อ ปวดตุบ ๆ หรือแม้กระทั่งปวดลามไปยังคอ ฟัน และกระบอกตาได้ด้วย บางครั้งอาจเป็นปวดหัวเล็กน้อยเพียงเท่านั้น แต่ถ้าคุณรู้สึกปวดหัวด้านซ้ายหรือข้างใดข้างหนึ่งอย่างรุนแรงและอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรงได้
สาเหตุของการปวดหัวข้างซ้าย
ปวดหัวข้างซ้ายตรงขมับหรือปวดหัวข้างขวาอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน เรามาทำความเข้าใจกันเกี่ยวกับสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้
- พฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวัน : การดื่มแอลกอฮอล์ การอดอาหาร ความเครียด การรับประทานอาหารบางประเภท การนอนหลับและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือการสวมหมวกกันน็อคที่คับแน่น เป็นต้น
- การเจ็บป่วย : ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ โรคภูมิแพ้ ไข้สมองอักเสบ และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคต้อหิน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกในสมอง การบาดเจ็บที่สมอง รวมถึงภาวะทางระบบประสาท เช่น ปวดเส้นประสาทบริเวณท้ายทอย และ ปวดเส้นประสาทใบหน้า
- การใช้ยา : การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาพาราเซตามอล ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน ยาแก้ปวดในกลุ่มทริปแทน หรือ ยาแก้ปวดตามใบสั่งแพทย์ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว
ปวดหัวข้างซ้าย เกิดจากโรคอะไรได้บ้าง
1. ไมเกรน
ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวที่มีลักษณะเริ่มต้นที่ข้างซ้ายของศีรษะ โดยมักจะเป็นปวดเรื้อรังที่ดีขึ้นและแย่ลง เป็นพิเศษที่มีการปวดรอบกระบอกตา และบางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือการเปลี่ยนแปลงของการมองเห็น ตาพร่ามัว หรือไวต่อแสง กลิ่น และเสียง เหตุการณ์ไมเกรนมักเกิดขึ้นระหว่าง 4-72 ชั่วโมง
2. ไซนัสอักเสบ
ไซนัสอักเสบเป็นอาการปวดหัวที่ไม่พบบ่อยและมักมีการสับสนกับไมเกรน เป็นการปวดที่รุนแรงทั้งสองข้างของศีรษะ ร่วมกับปวดกกหู กระบอกตา และอาการคัดจมูก จาม และน้ำมูกไหล
3. การติดเชื้อไวรัส
ไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคหวัดทั่วไป หรือโรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงโรคโควิด-19 ก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวที่ข้างใดข้างหนึ่ง ร่วมกับไข้ คัดจมูก ไอ จาม และน้ำมูกไหลได้
4. โรคปวดหัวข้างเดียวเรื้อรัง (HEMICRANIA CONTINUA)
เป็นโรคปวดหัวเรื้อรังที่มีลักษณะเป็นเรื้อรังมากกว่า 3 เดือน โดยมีอาการปวดหัวข้างเดียว ร่วมกับปวดรอบกระบอกตา และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเส้นประสาทใบหน้า
5. โรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (CLUSTER HEADACHE)
โรคนี้มีลักษณะปวดหัวรุนแรงที่ข้างซ้ายหรือขวา ร่วมกับปวดตื้อ ๆ ที่ขมับ และอาการร่วมที่เด่นชัด เช่น น้ำมูกไหล น้ำตาไหล ตาแดง และหน้าบวม
6. โรคปวดศีรษะเรื้อรังจากกล้ามเนื้อคอ (CERVICOGENIC HEADACHES)
โรคนี้มีสาเหตุจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อและโครงสร้างของกระดูกสันหลังคอ อาการที่คล้ายกับไมเกรน แต่มักเริ่มจากการปวดท้ายทอยแล้วกระจายมาที่ศีรษะ
7. ต้อหิน
โรคตาอย่างต้อหินทำให้เกิดความดันลูกตาสูง ซึ่งผลักให้เกิดอาการปวดหัว ปวดตา ตาแดง และอาการอื่น ๆ อย่างเช่น คลื่นไส้ อาเจียน และการมองเห็นที่ผิดปกติ
8. เนื้องอกในสมอง
ถ้าคุณมีอาการปวดหัวที่ด้านซ้ายมานาน ๆ และมีอาการเพิ่มเติมที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบาย เช่น ปวดหัวที่รุนแรงจนสะดุ้งตื่น ปวดหัวที่มีลักษณะเจ็บจนเมื่อจามหรือบีบอุจจาระ หรือคุณมีอาการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน ๆ มองด้านข้างได้ลำบาก หรือมีปัญหาในการเดินทาง คุณควรพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจเป็นเคสที่มีเนื้องอกในสมอง
9. หลอดเลือดแดงอักเสบแบบไจแอนท์ เซลล์ (GIANT CELL ARTERITIS)
GCA เป็นโรคที่เกิดจากอักเสบในหลอดเลือดใหญ่ที่คอ (หรือหลอดเลือดเทมโพรัล) ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่อขับสันกรามหรือแปลงแสง โรคนี้สามารถแสดงอาการปวดศีรษะที่รุนแรงในข้างหนึ่ง ปวดกราม ปวดลิ้น และปวดอย่างรุนแรง ค่าเลือด ESR หรือ CRP ที่สูงอาจช่วยในการวินิจฉัย
10. หลอดเลือดสมองโป่งพอง (BRAIN ANEURYSM)
โรคนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในผนังหลอดเลือดสมองที่ทำให้เกิดการโป่งพองและแตกร้าวได้ง่าย สาเหตุอาจมาจากพันธุกรรม ประวัติครอบครัว หรือโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษา การสูบบุหรี่และอายุที่มีการเสื่อมสภาพของเซลล์ร่างกายในผู้สูงวัยก็เป็นปัจจัยเสี่ยง
11. โรคหลอดเลือดสมอง หรือสโตรก (STROKE)
โรคหลอดเลือดสมองเป็นภาวะที่อันตรายและมีสัญญาณเตือนเป็นอาการปวดหัว มักปวดข้างหนึ่งของศีรษะ, มีความเจ็บและเฉียบพลัน สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือด หลอดเลือด ไม่ว่าจะเป็นการตีบ, แตก, หรือการได้รับบาดเจ็บ โรคนี้อาจทำให้เกิดภาวะสโตรก อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสี่ยงที่จะเสียชีวิต ดังนั้น การรักษาที่ทันทีเป็นสิ่งสำคัญในกรณีนี้
วิธีบรรเทาอาการปวดหัวข้างซ้ายด้วยตนเอง
การปวดหัวข้างซ้ายอาจมีสาเหตุมาจากความเครียดหรือโรคไมเกรน นอกจากการพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ยังมีวิธีที่เราสามารถทำเพื่อบรรเทาอาการได้ด้วยตนเองก่อน ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรีบพบแพทย์ นั่นคือ
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น : งดรับประทานผงชูรสและลดการบริโภคอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง รวมถึงช็อกโกแลตและกล้วยหอม เพราะอาจเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดปวดหัว
- การพักผ่อน : งดการนอนดึกและพยายามให้ร่างกายได้พักผ่อนเพียงพอ เพื่อลดความเครียดและป้องกันไมเกรน
- ลดการบริโภคสารกระตุ้น : ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน เช่นกาแฟและชา
- ใช้ยาแก้ปวด : รับประทานยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมเช่นพาราเซตามอลหรือยาแก้ไมเกรน เพื่อบรรเทาอาการชั่วคราว
- พักสายตา : ลดการใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ในระยะเวลานาน ๆ และให้ทานช่วงเวลาพักผ่อนสายตา
- การออกกำลังกาย : ทำการออกกำลังกายอย่างเบา ๆ เช่นการเดินเพื่อเสริมสร้างอารมณ์ดีและลดความเครียด
- หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องต่อไป
ปวดหัวข้างซ้ายแบบไหนควรไปพบแพทย์
- เห็นภาพซ้อน และ ตาพร่ามัว : อาจมีการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น และ ตาพร่ามัว ซึ่งอาจเป็นเครื่องชี้ของปัญหาสายตาหรืออาการรุนแรงทางสุขภาพ
- ตาแดง และ ปวดตา : การมีตาแดงและปวดตาอาจเป็นเครื่องชี้ของปัญหาทางตาหรือการติดเชื้อ
- มีไข้ : การมีไข้อาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อหรือภาวะทางร่างกายที่ไม่ปกติ
- เหงื่อออก : การมีการเหงื่อออกมากกว่าปกติอาจเป็นอาการของการติดเชื้อหรือภาวะทางร่างกายที่เสี่ยง
- คลื่นไส้ และ อาเจียน : อาการคลื่นไส้และอาเจียนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อหรือปัญหาทางเดินอาหาร
- ชา และ อ่อนแรง : ควรระวังถ้ามีอาการชาและอ่อนแรง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับซ้ายของร่างกาย
- อาการปวดหัวที่มีการเปลี่ยนแปลง : อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หรือมีอาการเพิ่มเข้ามากับกิจกรรมบางประการ
- คอแข็ง และ ก้มหน้าไม่ได้ : อาการคอแข็งและไม่สามารถก้มหน้าได้อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพในพื้นที่ปอดหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
- มึนงง และ สับสน : การมีอาการมึนงงและสับสนอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสมองหรือระบบประสาท
สรุป
ปวดหัวข้างซ้าย ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจ เนื่องจากอาการปวดหัวมักมีหลายสาเหตุ การทราบลักษณะของอาการนั้น ๆ และปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอาการนี้เป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้อง หากคุณพบว่าตนเองหรือคนในครอบครัวมีอาการปวดหัวข้างซ้ายบ่อยๆ ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและรักษาที่เหมาะสม การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับอาการปวดหัวไมเกรนและปวดหัวข้างซ้ายเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้ได้การดูแลและการรักษาที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพของท่านหรือคนที่คุณรักในครอบครัว
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย