ประโยชน์ของ แอลคาร์นิทีน คืออะไร และควรกินตอนไหนดี

บทบาทหลักของ L-Carnitine คือ การลำเลียงกรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรีย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน เหมาะกับคนที่ต้องการลดไขมัน หรือ เพิ่มพลังงาน

แอลคาร์นิทีน ช่วยให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น ขณะออกแรง ความทนทานในการเล่นเวท คาร์ดิโอ หรือกีฬาอื่น ๆ ซึ่งพบว่าในบางกลุ่มคนทาน แอลคาร์นิทีน ก่อนออกกำลังกายเพื่อให้เบิร์นดีขึ้น

มีการใช้ L-Carnitine ในผู้ป่วยโรคหัวใจบางกลุ่ม เพราะจะช่วยเพิ่มพลังงานให้เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดีขึ้น งานวิจัยบางฉบับชี้ว่าอาจลดความเสี่ยงภาวะหัวใจวายซ้ำ (แต่ควรอยู่ภายใต้แพทย์ดูแล)

Acetyl-L-Carnitine (รูปแบบพิเศษ) สามารถผ่านแนวกั้นสมองได้ มีบทบาทช่วยเพิ่มสารสื่อประสาท และพลังงานในเซลล์สมอง อาจช่วยในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอาการหลงลืม และสมองล้า

กลุ่มอาหารหลักที่พบ L-Carnitine สูงที่สุด คือ เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะ เนื้อแดง และ เนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง โดย 5 อันดับ อาหารที่มี แอลคาร์นิทีนสูง มีดังนี้

1. เนื้อวัว พบ แอลคาร์นิทีน ประมาณ 56–162 มิลลิกรัม
2. เนื้อหมู พบ แอลคาร์นิทีน ประมาณ 24–26 มิลลิกรัม
3. อกไก่ พบ แอลคาร์นิทีน ประมาณ 3-5 มิลลิกรัม
4. ปลาทะเล (เช่น ปลาแซลมอน, ทูน่า) ประมาณ 3-7 มิลลิกรัม
5. ผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น นม ชีส) ประมาณ 2-8 มิลลิกรัม

เช่น อะโวคาโด ธัญพืช ถั่วบางชนิด ฯลฯ

กินแอลคาร์นิทีน ก่อนออกกำลังกาย 30 นาที – 1 ชั่วโมง เป็นเวลาที่แนะนำมากที่สุด ช่วยให้ร่างกายดึงไขมันมาเผาผลาญได้ดีขึ้น เพิ่มพลังงานระหว่างออกกำลังกาย เหมาะกับคนที่มีเป้าหมาย ลดไขมัน ฟิตหุ่น เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย

กิน แอลคาร์นิทีน ตอนเช้าหลังตื่นนอน (ขณะท้องว่าง) เป็นตัวช่วงที่ร่างกายยังใช้พลังงานจากไขมันได้ดี เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ได้ออกกำลังกายตอนเช้า แต่ต้องการเพิ่มการเผาผลาญแนะนำให้ดื่มน้ำตามมาก ๆ และอย่าลืมทานอาหารเช้าในภายหลัง

กิน แอลคาร์นิทีน พร้อมอาหารมื้อหลัก (โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ออกกำลังกาย) ช่วยให้ดูดซึมดีขึ้น ถ้าทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เหมาะกับคนที่กิน L-Carnitine เพื่อบำรุงสมองหรือหัวใจ เพื่อเสริมพลังงานในชีวิตประจำวัน

ใช้ แอลคาร์นิทีน ปริมาณแนะนำทั่วไป 500 – 2,000 มก./วัน หากรับเกินขนาดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3 เดือนโดยไม่ปรึกษาแพทย์

ผู้มีโรคไตเรื้อรังหรือเคยฟอกไต หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือเบาหวาน ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด รวมไปถึงเด็กหรือผู้สูงอายุ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

ชื่อเต็ม คือ L-Carnitine, L-Carnitine L-Tartrate, Acetyl-L-Carnitine (ALCAR) ฯลฯปริมาณต่อหน่วย ควรระบุชัด เช่น 500 mg หรือ 1,000 mg รวมไปถึงการดู วันหมดอายุ และเลข อย./FDA (หากขายในไทย) และส่วนผสมอื่น ๆ หลีกเลี่ยงสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น เช่น สี กลิ่นสังเคราะห์

ควรเริ่มจาก L-Carnitine ธรรมดา 500–1000 มก.

การเลือก แอลคาร์นิทีน จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพราะมี มาตรฐานการผลิต เช่น GMP, HACCP, ISO โดยได้รับการรับรองจาก อย.ไทย / FDA ต่างประเทศ รีวิวดี ไม่เว่อร์เกินจริงไม่กล่าวอ้างเกินจริง เช่น “ผอมใน 7 วัน”

• แบบเม็ด / แคปซูล = พกง่าย กินสะดวก
• แบบน้ำ = ดูดซึมไว เหมาะกับคนต้องการเห็นผลเร็ว
• แบบผงชงดื่ม = ปรับรสได้เอง (ควรดูเรื่องของน้ำตาล)

หลีกเลี่ยง แอลคาร์นิทีน ที่มีส่วนผสมกระตุ้นแรง ๆ เช่น คาเฟอีนเยอะเกิน หรือสารกระตุ้นเผาผลาญบางชนิด โดยเฉพาะถ้ามี โรคหัวใจ ความดัน หรือเครียดง่าย ฯลฯ

การเลือกซื้อ แอลคาร์นิทีน ระวังของปลอม หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. หลีกเลี่ยงการซื้อจากเว็บที่ไม่มีรีวิวหรือไม่มีข้อมูลผู้จำหน่าย