ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารแบบส่องกล้อง เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยลดความอยากอาหารและสนับสนุนการควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมแพทย์ของ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ คุณจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารคืออะไร?
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยการนำบอลลูนซิลิโคนที่ปลอดภัยเข้าไปในกระเพาะอาหารผ่านกระบวนการส่องกล้อง บอลลูนนี้จะถูกเติมด้วยน้ำเกลือหรือสารละลายเฉพาะ ทำให้เกิดพื้นที่ในกระเพาะที่จำกัด ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและบริโภคอาหารได้น้อยลง
การใส่บอลลูนเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินและต้องการตัวช่วยที่ปลอดภัยและได้ผลในระยะสั้น (4–12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทบอลลูน) โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้ยา การรักษานี้ยังช่วยสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน
ในกระบวนการนี้ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสุขภาพของผู้ป่วยและเลือกประเภทบอลลูนที่เหมาะสมเพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละคน พร้อมทั้งวางแผนการดูแลต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ประเภทของบอลลูนในกระเพาะอาหาร
ในปัจจุบัน การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) มีหลายประเภทให้เลือก โดยแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีการใช้บอลลูนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA เช่น Spatz, Orbera, และ Allurion โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Spatz (Spatz Adjustable Balloon System)
คุณสมบัติ
- เป็นบอลลูนที่สามารถปรับขนาดได้ระหว่างการรักษา ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการควบคุมปริมาณอาหารที่บริโภค
- ใช้งานได้นานถึง 12 เดือน ซึ่งถือว่านานที่สุดเมื่อเทียบกับบอลลูนชนิดอื่น
ข้อดี
- ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ต่อเนื่องเพราะปรับขนาดตามความต้องการ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจำนวนมากหรือต้องการผลลัพธ์ในระยะยาว
ข้อเสีย
- ต้องใช้การส่องกล้องทั้งในขั้นตอนการใส่และการถอด
- มีความซับซ้อนในการดูแลมากกว่าแบบอื่น
2. Orbera (Orbera Managed Weight Loss System)
คุณสมบัติ
- เป็นบอลลูนที่ได้รับการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA
- ใช้งานได้สูงสุด 12 เดือน และเป็นประเภทที่นิยมใช้ทั่วโลก
ข้อดี
- ประสิทธิภาพสูง ช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 10-15% ของน้ำหนักตัว
- ใช้การส่องกล้องเพื่อความแม่นยำในกระบวนการติดตั้ง
ข้อเสีย
- บอลลูนจะถูกถอดออกหลังครบ 12 เดือน ทำให้ต้องรักษาด้วยวิธีอื่นต่อเพื่อคงผลลัพธ์
- อาจเกิดอาการไม่สบายในช่วงแรกหลังการใส่
3. Allurion (Allurion Balloon)
คุณสมบัติ
- เป็นบอลลูนที่ผู้ป่วยสามารถกลืนเองได้โดยไม่ต้องส่องกล้องหรือวางยาสลบ
- บอลลูนจะอยู่ในร่างกายประมาณ 4 เดือน ก่อนที่จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
ข้อดี
- เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการส่องกล้องหรือการผ่าตัด
- กระบวนการติดตั้งรวดเร็ว ไม่ซับซ้อน
ข้อเสีย
- ระยะเวลาใช้งานสั้นกว่าบอลลูนชนิดอื่น
- อาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในปริมาณปานกลางเท่านั้น
เลือกประเภทบอลลูนอย่างไรให้เหมาะกับคุณ?
การเลือกประเภทของบอลลูนขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลดน้ำหนัก งบประมาณ และความสะดวกของผู้ป่วย
ทำไมต้องเลือก Orbera ที่ Rattinan Medical Center?
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ การใส่บอลลูน Orbera จะดำเนินการโดยศัลยแพทย์ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ หรือ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล พร้อมด้วยอุปกรณ์การส่องกล้องที่ทันสมัยและมาตรฐานระดับสากล ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินสุขภาพ การใส่บอลลูน ไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยั่งยืน
Orbera ไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว ใครที่มองหาวิธีลดน้ำหนักแบบปลอดภัยและได้ผลอย่างเป็นธรรมชาติ Orbera คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเหมาะกับใคร?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยผู้ที่เหมาะสมกับการใส่บอลลูนมีลักษณะดังนี้
1. ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 27–35
การใส่บอลลูนเหมาะกับผู้ที่มี BMI ในระดับน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนระดับปานกลาง และยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดลดน้ำหนัก เช่น Gastric Bypass หรือ Sleeve Gastrectomy
2. ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ
สำหรับผู้ที่เคยลองควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือใช้ยาลดน้ำหนัก แต่ยังไม่สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง
3. ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
ใครก็ตามที่กลัวการผ่าตัดใหญ่และต้องการวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและไม่รุกรานร่างกาย การใส่บอลลูนเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องผ่านการผ่าตัดและไม่ทำให้เกิดแผล
4. ผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่เป็นข้อห้าม
ผู้ที่เหมาะสมต้องมีสุขภาพทั่วไปที่ดี ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกรดไหลย้อนขั้นรุนแรง แผลในกระเพาะอาหาร หรือเคยผ่าตัดในระบบทางเดินอาหารที่อาจส่งผลต่อการใส่บอลลูน
5. ผู้ที่มุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบถาวร หากผู้ป่วยไม่ปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ควบคู่กับการได้รับคำแนะนำจากทีมผู้เชี่ยวชาญ
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร?
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ในบอลลูน
ทำไมต้องปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษา และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ทีมแพทย์จะช่วยประเมินสุขภาพ วางแผนการรักษา และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ขั้นตอนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและดำเนินการโดยศัลยแพทย์ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ และ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยและผ่านมาตรฐาน และนี่คือขั้นตอนการใส่บอลลูนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ
1. การประเมินสุขภาพและปรึกษาแพทย์
ก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะทำการประเมินสุขภาพของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาว่าการใส่บอลลูนเหมาะสมกับผู้ป่วยหรือไม่ โดยจะมีการตรวจสอบประวัติสุขภาพ เช่น
- ดัชนีมวลกาย (BMI)
- ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะอาหาร
- เป้าหมายการลดน้ำหนัก
ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะแนะนำประเภทบอลลูนที่เหมาะสมและอธิบายรายละเอียดของกระบวนการรักษาอย่างครบถ้วน
2. การเตรียมตัวก่อนใส่บอลลูน
คนไข้ต้องเตรียมตัวตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น
- งดอาหารและเครื่องดื่มก่อนเข้ารับการใส่บอลลูนเป็นเวลา 6–12 ชั่วโมง
- รับประทานยาหรือทำการตรวจเพิ่มเติม (เช่น การตรวจเลือด) หากแพทย์แนะนำ
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง
3. ขั้นตอนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
กระบวนการใส่บอลลูนจะดำเนินการในคลินิกที่ผ่านมาตรฐาน AACI โดยใช้วิธีการที่ปลอดภัยและไม่ซับซ้อน คือ การส่องกล้อง (Endoscopy) โดยเหมาะกับบอลลูนประเภท Orbera ซึ่งจะถูกใส่เข้าไปในกระเพาะอาหารโดยใช้กล้องส่องผ่านทางปาก กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 20–30 นาที
เมื่อบอลลูนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แพทย์จะเติมน้ำเกลือหรือสารละลายเข้าไปในบอลลูน
ระหว่างกระบวนการ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยศัลยแพทย์และพยาบาล
4. การดูแลหลังใส่บอลลูน
หลังการใส่บอลลูน ผู้ป่วยอาจมีอาการไม่สบาย เช่น คลื่นไส้หรือปวดท้องเล็กน้อยในช่วง 2–3 วันแรก ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำและจ่ายยาบรรเทาอาการตามความเหมาะสม
แพทย์จะนัดติดตามผลและดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนี้
- การปรับอาหารในช่วงแรก โดยเริ่มจากอาหารเหลวและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอาหารปกติ
- การเข้าพบนักโภชนาการเพื่อปรับแผนการรับประทานอาหาร
- การตรวจติดตามน้ำหนักและสุขภาพตามกำหนด
5. การถอดบอลลูน
เมื่อครบระยะเวลาการใช้งาน (12 เดือน) แพทย์จะนัดหมายเพื่อทำการถอดบอลลูนผ่านการส่องกล้องอีกครั้ง โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาไม่นานและปลอดภัย
6. การติดตามผลในระยะยาว
หลังจากการถอดบอลลูนหรือบอลลูนสลายตัว แพทย์และทีมงานที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ จะยังคงดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้ในระยะยาว โดยจะเน้น
- การสร้างพฤติกรรมการกินที่ดี
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- การให้คำปรึกษาเพื่อป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีประสิทธิภาพและช่วยลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน โดยการใช้หลักการง่าย ๆ ที่อาศัยการจำกัดพื้นที่ในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยลดการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ ต่อไปนี้คือกลไกการทำงานและเหตุผลที่ทำให้บอลลูนช่วยลดน้ำหนักได้
1. ลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร
เมื่อใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร บอลลูนที่เติมน้ำเกลือหรือสารละลายจะทำหน้าที่เติมเต็มพื้นที่บางส่วนของกระเพาะอาหาร โดยปกติแล้ว บอลลูนจะมีปริมาตรประมาณ 400–700 มิลลิลิตร ทำให้กระเพาะอาหารมีพื้นที่เหลือสำหรับอาหารน้อยลง ผู้ป่วยจึงรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นแม้รับประทานอาหารในปริมาณเล็กน้อย
2. ลดความอยากอาหาร
บอลลูนในกระเพาะอาหารกระตุ้นให้สมองส่งสัญญาณความอิ่มผ่านเส้นประสาทในระบบทางเดินอาหาร (Vagus Nerve) เมื่อบอลลูนเติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยจะรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหาร และควบคุมการกินอาหารระหว่างมื้อได้ดีขึ้น
3. สนับสนุนการควบคุมพฤติกรรมการกิน
ระหว่างที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะอาหาร (4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทบอลลูน) ผู้ป่วยจะมีโอกาสฝึกพฤติกรรมการรับประทานอาหารใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น
- ลดการกินอาหารที่มีแคลอรีสูง
- หลีกเลี่ยงการกินเกินพอดี
- ปรับสมดุลอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ
ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินนี้ เมื่อถอดบอลลูนออก ผู้ป่วยจึงมีโอกาสรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้ในระยะยาว
4. ช่วยลดน้ำหนักในระยะเวลาสั้น
การใส่บอลลูนช่วยให้ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้เร็ว โดยเฉลี่ยผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนและความร่วมมือของผู้ป่วยในการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
5. เสริมด้วยทีมสนับสนุนการลดน้ำหนัก
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารไม่ได้เป็นเพียงการใส่อุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังมีการดูแลและสนับสนุนโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น
- นักโภชนาการ ช่วยออกแบบแผนการกินอาหารที่เหมาะสม
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญติดตามผลน้ำหนักและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
- ทีมให้คำปรึกษาเพื่อช่วยป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม
เหมาะสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยที่ปลอดภัย
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะกับผู้ที่มี BMI อยู่ในช่วง 27-35 และต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว
เปรียบเทียบการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารกับวิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ
การลดน้ำหนักมีหลากหลายวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาวะสุขภาพของแต่ละคน ตั้งแต่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการใช้เทคนิคทางการแพทย์ เช่น การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) และการผ่าตัดลดน้ำหนัก ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารกับวิธีอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักในระยะปานกลางถึงระยะสั้น โดยไม่ต้องการผ่าตัดหรือใช้ยา ทั้งนี้ การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพ เป้าหมายการลดน้ำหนัก และคำแนะนำของแพทย์ ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ศัลยแพทย์จะช่วยประเมินและเลือกแนวทางที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคุณ
ทีมแพทย์ลดขนาดกระเพาะ ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
นพ. ปณต ยิ้มเจริญ
ศัลยแพทย์
น.ท.นพ. เสรษฐสิริ
พันธุ์ธนากุล
ศัลยแพทย์
ร.อ.นพ. ดุษฎี สุรกิจบวร
ศัลยแพทย์
นพ. กฤติน อู่สิริมณีชัย
อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม
พญ. ณัฐกานต์ หุ่นธานี
วิสัญญีแพทย์
พญ. สุชาดา
ประพฤติธรรม
วิสัญญีแพทย์
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารใช้เวลานานแค่ไหน?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) มีระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนที่เลือกใช้ โดยทั่วไป ระยะเวลาในการใส่บอลลูนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ระยะเวลาของกระบวนการติดตั้งบอลลูน, ระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ, และ ระยะเวลาการติดตามผล ดังนี้:
1. ระยะเวลาของกระบวนการใส่บอลลูน
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นกระบวนการที่รวดเร็วและไม่ซับซ้อน
สำหรับบอลลูนแบบ Orbera และ Spatz
- ใช้การส่องกล้อง (Endoscopy) เพื่อนำบอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร กระบวนการนี้ใช้เวลาเพียง 20-30 นาที โดยผู้ป่วยจะได้รับยาชาเฉพาะที่ หรือในบางกรณีอาจมีการให้ยาสลบเบา ๆ เพื่อความสะดวก
สำหรับบอลลูนแบบ Allurion
- ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้ป่วยสามารถกลืนแคปซูลที่มีบอลลูนอยู่ด้านในเอง โดยไม่ต้องส่องกล้องหรือวางยาสลบ
หลังจากการใส่บอลลูน คนไข้สามารถพักฟื้นที่คลินิกเพียง 1-2 ชั่วโมง และกลับบ้านได้
2. ระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะอาหาร
บอลลูนในกระเพาะอาหารมีระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนที่เลือก
- Spatz (Spatz Adjustable Balloon System)
- ใช้งานได้นานถึง 12 เดือน เป็นบอลลูนชนิดปรับขนาดได้ระหว่างการรักษา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
- Orbera (Orbera Managed Weight Loss System)
- ใช้งานได้นาน 12 เดือน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
- Allurion (Allurion Balloon)
- บอลลูนจะอยู่ในกระเพาะอาหารประมาณ 16 สัปดาห์ (4 เดือน) ก่อนที่บอลลูนจะสลายตัวเองและถูกขับออกจากร่างกายทางธรรมชาติ
3. ระยะเวลาการติดตามผล
หลังจากถอดบอลลูนออก (หรือบอลลูน Allurion สลายตัวเอง) ผู้ป่วยควรมีการติดตามผลต่อเนื่องเพื่อรักษาน้ำหนักที่ลดลงและป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่ม
- การพบแพทย์หรือนักโภชนาการตามกำหนด เช่น ทุกเดือนหรือตามแผนที่วางไว้
- การปรับแผนโภชนาการและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ค่าใช้จ่ายในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เราให้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารด้วยมาตรฐานระดับ AACI ในราคาที่โปร่งใสและคุ้มค่า โดยค่าบริการเริ่มต้นสำหรับการรักษา รวมถึงการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ มีรายละเอียดดังนี้
1. ค่าบริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
เริ่มต้นที่ 140,000 บาท
ค่าบริการนี้ครอบคลุม
- การประเมินสุขภาพและคำปรึกษาเบื้องต้นจากแพทย์
- กระบวนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (รวมค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์และการส่องกล้อง)
- คำแนะนำด้านโภชนาการโดยนักโภชนาการที่มีประสบการณ์
- การติดตามผลตลอดระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ
2. ค่าถอดบอลลูนหรือเติมน้ำในบอลลูน
ค่าถอดบอลลูน 50,000 บาท
- สำหรับบอลลูนที่ต้องถอดออก การถอดจะดำเนินการด้วยการส่องกล้องโดยศัลยแพทย์
3. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ถ้ามี)
- ค่าตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจเลือดหรือการตรวจเพิ่มเติมอื่น ๆ หากแพทย์พิจารณาว่าจำเป็น
- ค่าอาหารเสริมหรือยาที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยลดอาการไม่สบายในช่วงแรก
ความคุ้มค่าในการรักษาที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
- คุณจะได้รับการดูแลจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ หรือ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ซึ่งมีประสบการณ์ในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- การติดตามผลอย่างใกล้ชิดจากทั้งแพทย์และนักโภชนาการ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายในการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
ทำไมต้องเลือก รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ สำหรับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร?
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เป็นคลินิกที่มีความโดดเด่นด้านการลดน้ำหนักและการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) ด้วยประสบการณ์และมาตรฐาน AACI ทำให้เราเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่มองหาวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และดูแลครบวงจร
1. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เชื่อถือได้
- ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีชื่อเสียง เช่น นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการลดน้ำหนัก และ นพ. เสรษฐสิริ พันธุ์ธนากุล ศัลยแพทย์ด้านการผ่าตัดและลดน้ำหนักที่ได้รับการยอมรับ
- ทีมงานมีประสบการณ์สูงในการใส่บอลลูนหลากหลายประเภท
- มีเคสผู้ป่วยที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักจำนวนมาก
2. มาตรฐานระดับสากลและเทคโนโลยีล้ำสมัย
- ห้องผ่าตัดผ่านมาตรฐาน AACI, กระทรวงสาธารณสุขและมาตรฐาน ISO
- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กล้องส่องกระเพาะอาหาร และบอลลูนผ่านการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA
- การรักษาใช้วิธีที่ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐาน
3. การดูแลจนครบการรักษา
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้การดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการติดตามผล โดยมีบริการดังนี้
- การประเมินสุขภาพเบื้องต้น ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
- การให้คำแนะนำด้านโภชนาการ นักโภชนาการที่เชี่ยวชาญจะช่วยออกแบบแผนการกินที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน
- การติดตามผลหลังการใส่บอลลูน มีการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม
4. บรรยากาศและบริการที่เป็นมิตร
- คลินิกมีบรรยากาศที่สะอาด ทันสมัย และเป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการรักษา
- ทีมงานทุกคนพร้อมให้คำปรึกษาและดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจและสบายใจ
5. ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้
- การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ช่วยให้ผู้ป่วยลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายใน 6-12 เดือน
- มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักและเปลี่ยนแปลงสุขภาพในทางที่ดีขึ้น
6. ความโปร่งใสด้านค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเริ่มต้นที่ 140,000 บาท พร้อมการดูแลแบบครบ
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การถอดบอลลูน ได้รับการแจ้งอย่างชัดเจน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใส่บอลลูนในกระเพาะ
1. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 27-35 และต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วไม่ได้ผล
2. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเจ็บหรือไม่?
การใส่บอลลูนไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในระหว่างกระบวนการ เนื่องจากใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบเบา ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกไม่สบาย เช่น คลื่นไส้หรือปวดท้องในช่วง 2-3 วันแรกหลังใส่บอลลูน ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยยา
3. บอลลูนอยู่ในกระเพาะอาหารได้นานแค่ไหน?
- Spatz, Orberaใช้งานได้สูงสุด 12 เดือน
- Allurion อยู่ในกระเพาะอาหารประมาณ 4 เดือนก่อนสลายตัวเอง
4. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารมีผลข้างเคียงหรือไม่?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดท้อง หรืออาการไม่สบายในช่วงแรก ซึ่งมักหายไปภายในไม่กี่วัน หากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บอลลูนรั่ว (พบได้น้อยมาก) แพทย์สามารถถอดบอลลูนออกได้ทันที
5. ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้เท่าไรหลังใส่บอลลูน?
ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 10-15% ของน้ำหนักตัว ภายในระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะ ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านโภชนาการและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
6. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารปลอดภัยหรือไม่?
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นวิธีที่ปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้บอลลูนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น US FDA และ Thai FDA โดยที่ Rattinan Medical Center มีมาตรการดูแลที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน
7. หลังใส่บอลลูนต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ
- รับประทานอาหารเหลวในช่วงแรกก่อนเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ
- เข้ารับการติดตามผลตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
8. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
ค่าบริการเริ่มต้นที่ 140,000 บาท รวมการดูแลก่อนและหลังการใส่บอลลูน ค่าถอดบอลลูนหรือการปรับน้ำในบอลลูน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ประมาณ 50,000 บาท
9. การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารสามารถทำซ้ำได้หรือไม่?
สามารถทำซ้ำได้หากแพทย์ประเมินว่าผู้ป่วยยังคงต้องการการรักษาเพิ่มเติม และร่างกายอยู่ในภาวะที่เหมาะสม
10. ทำไมต้องเลือก Rattinan Medical Center?
Rattinan Medical Center มีทีมแพทย์ในการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเพื่อชีวิตที่เบาสบาย
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และได้รับการยอมรับในระดับสากล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการผ่าตัดใหญ่ กระบวนการนี้ช่วยให้คุณปรับพฤติกรรมการกิน ลดความอยากอาหาร และควบคุมการบริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมด้วยทีมแพทย์ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ คุณจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การประเมินสุขภาพ การใส่บอลลูน ไปจนถึงการติดตามผลเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงสุขภาพและสร้างชีวิตใหม่ที่เบาสบาย การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารอาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ ติดต่อ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ วันนี้เพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่สุขภาพที่ดีขึ้นและชีวิตที่สดใสกว่าเดิม
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการด้านความงามและการรักษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทางระดับอาจารย์หลากหลายสาขา ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับรองมาตรฐานจาก AACI สหรัฐอเมริกา ด้านศูนย์ศัลยกรรมผู้ป่วยนอกแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก 2 ปีซ้อน รวมถึงรางวัลจาก WhatClinic ด้านบริการลูกค้ายอดเยี่ยมระดับสากล เป็นปีที่4 จากลูกค้ากว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความไว้วางใจและใช้บริการอย่างต่อเนื่อง