วิธีแก้กรดไหลย้อน แบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งยา ด้วยสมุนไพร

โรคกรดไหลย้อน เป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย  มักเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การกินเร่งรีบ รับประทานอาหารแล้วนอนทันที และการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาการของโรคนี้มักจะแสบร้อนกลางอก การเจ็บหน้าอกเรื้อรัง และกลืนลำบาก ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันที่รุนแรงขึ้น

สำหรับผู้ที่พบว่าตนเองหรือคนที่รักเป็นโรคกรดไหลย้อน ไม่ควรเครียดมากเกินไป เพราะการจัดการโรคนี้สามารถทำได้ด้วยวิธีการทางการแพทย์ วิธีแก้กรดไหลย้อน แบบธรรมชาติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต นอกจากการรับการรักษาทางการแพทย์ การใช้สมุนไพรบางชนิดยังมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการ ตัวอย่างเช่น การดื่มชามะลิ หรือการบรรเทาอาการด้วยสมุนไพรอื่น ๆ ที่มีสมบัติช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับสุขภาพของตนเองได้ง่าย ๆ

กรดไหลย้อน เกิดขึ้นเมื่อสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหาร เมื่อเรากลืนอาหารลงไป กล้ามเนื้อหูรูดที่ตั้งที่ปลายหลอดอาหารจะคลายตัวเพื่อเปิดทางให้อาหารและน้ำไหลเข้าสู่กระเพาะอาหาร ในภาวะปกติ กล้ามเนื้อหูรูดก็จะปิดลงอีกครั้งเพื่อป้องกันการไหลย้อนของน้ำย่อยที่อยู่ในกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ตาม หากกล้ามเนื้อหูรูดหย่อนตัวหรือไม่ทำงานอย่างเหมาะสม กรดในกระเพาะอาหารก็อาจไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหาร นั่นจะทำให้หลอดอาหารมีการอักเสบ ผู้ที่มีปัญหากรดไหลย้อนอาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลในหลอดอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นเรื้อรังได้

ระยะที่ 1 โรคกระเพาะอาหาร ถือเป็นสัญญาณแรกของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งมักแสดงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น และรู้สึกว่ามีลมในกระเพาะอาหาร สำหรับผู้ที่พบว่าตนเองอยู่ในระยะนี้ควรใส่ใจกับการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา

ระยะที่ 2 ปัญหาลำไส้ ทำให้กระบวนการย่อยอาหารไม่เต็มที่ อาหารตกค้างในลำไส้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการท้องผูก ขับถ่ายไม่ปกติ เรอบ่อย รู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก และกลืนลำบาก ผายลมเหม็น

ระยะที่ 3 สารอาหารในเลือดน้อยมีอาการหนักมากขึ้น ร่างกายจะแสดงอาการอ่อนเพลีย รู้สึกจุกแน่นท้องบ่อย แสบหน้าอก เรอมีรสเปรี้ยวและขมคอ ท้องผูก และกลืนอาหารลำบาก น้ำหนักลดลง ในกรณีนี้ควรพบแพทย์เพื่อการตรวจร่างกายและรับการรักษา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินสามารถช่วยบรรเทาอาการ รวมถึงวิธีแก้กรดไหลย้อน แบบธรรมชาติ คือการลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การงดดื่มสุรา การเลิกสูบบุหรี่ และการลดการบริโภคน้ำอัดลม ชา และกาแฟ

วิธีแก้กรดไหลย้อน แบบธรรมชาติ สามารถทำได้ผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการนี้ได้ ต่อไปนี้คือพฤติกรรมที่สามารถช่วยลดอาการกรดไหลย้อนได้ ดังนี้

• เลี่ยงพฤติกรรมกินแล้วนอน การนอนหลังมื้ออาหารสามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดกรดไหลย้อน เพราะนอนนับหนึ่งหลังมื้ออาหารจะทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนได้ ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน
• กินทีละน้อยและช้าลง การกินอาหารทีละน้อยและช้าลงจะช่วยลดแรงกดในกระเพาะ แบ่งมื้ออาหารให้เป็นส่วนเล็กๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
• เลี่ยงอาหารที่กระตุ้นกรดไหลย้อน หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่เป็นปัจจัยกระตุ้น เช่น หัวหอม กระเทียม สะระแหน่ (มินต์) มะเขือเทศ ช็อกโกแลตเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และอาหารที่มีไขมันสูง
• ไม่ออกกำลังกายหลังมื้ออาหาร หลังกินอาหารควรเลี่ยงการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวเร็ว เพราะมันอาจทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมา
• นอนในท่าที่เอียง หนึ่งวิธีที่ช่วยลดการไหลย้อนคือการนอนในท่าที่ศีรษะและหน้าอกอยู่สูงกว่าเท้า 6-8 นิ้ว ทำได้โดยใช้หมอนรองหลังหรือปรับระดับเตียง
• ลดน้ำหนัก หากมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ การลดน้ำหนักอาจช่วยลดแรงกดที่หลอดอาหาร
• งดสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการไหลย้อน
• ลดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มการคลายตัวของหูรูดและเสี่ยงให้เกิดกรดไหลย้อนมากขึ้น
• ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น เสื้อผ้าที่รัดบริเวณรอบเอวอาจสร้างแรงกดที่ท้องและหลอดอาหาร

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้อาจช่วยลดการกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนและเสริมสร้างสุขภาพของระบบทางเดินอาหารของคุณได้

1. ขิง มีสารฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบ เสริมภูมิต้านทานในร่างกาย และบรรเทาอาการต่าง ๆ ตั้งแต่คลื่นไส้ถึงกรดไหลย้อน ซึ่งมีส่วนประกอบที่เรียกว่าฟีนอลิก (Phenolic Compounds) ที่ช่วยลดอาการระคายเคืองในทางเดินอาหารและลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร การจิบน้ำขิงอุ่น ๆ อาจช่วยลดอาการกรดไหลย้อนและทำให้รู้สึกสบายท้อง แต่ควรระมัดระวังในการบริโภคเพราะอาจทำให้อาการแย่ลง และผู้ที่รับประทานยาเบาหวานหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อน
2. ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน เพราะมีฤทธิ์ช่วยลดอาการลำไส้อักเสบ บีบตัวของลำไส้ และโรคกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ขมิ้นชันมีให้เลือกในรูปแบบแคปซูลและเม็ด ทำให้การรับประทานเป็นไปได้ง่าย
3. กล้วย อาจเป็นตัวช่วยในการลดอาการแสบร้อนในกลางอก เนื่องจากมีค่าเป็นด่างและใยอาหารเพคตินสูงที่ช่วยเคลือบเยื่อบุด้านในหลอดอาหาร และส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดี เพียงรับประทานกล้วยสุกเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดอาการกรดไหลย้อนและป้องกันอาการท้องผูก นอกจากนี้ กล้วยยังทำให้รู้สึกอิ่มและสบายท้องอีกด้วย
4. มัสตาร์ด (Mustard) ไม่เพียงเป็นเครื่องเทศที่ให้รสจัดในอาหาร แต่ยังมีสารกลูโคไซโนเลตส์ (Glucosinolates) ด้วยคุณสมบัติที่เป็นด่าง ซึ่งเชื่อว่าช่วยรักษาสมดุลของกรดในกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยเพียงพอที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพของการใช้มัสตาร์ดในการรักษาโรค ควรรับประทานอย่างพอดีและไม่นำมาทดแทนการรักษาหลัก
5. น้ำว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์เย็นและต้านการอักเสบ มีรายงานว่าอาจช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนโดยไม่มีผลข้างเคียง สามารถรับประทานโดยการชงเป็นน้ำดื่มผสมน้ำผลไม้ที่ไม่เป็นกรด เพื่อป้องกันการกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือวิธีแก้กรดไหลย้อนด้วยตัวเอง ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อนยังเป็นสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการนอนหลับทันทีหลังที่ทานอาหาร ลดปริมาณอาหารที่ทานในครั้งเดียว และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการ เช่น บุหรี่ กาแฟ แอลกอฮอล์ อาหารรสจัด และผลไม้ที่มีกรดมาก อย่างไรก็ตาม การปรับพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยให้บรรเทาอาการจากกรดไหลย้อนได้มากขึ้น แม้จะรับประทานสมุนไพรได้เช่นกัน

โรคกรดไหลย้อน เป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ สามารถก่อให้เกิดภาวะทางสุขภาพที่ร้ายแรงได้ วิธีแก้กรดไหลย้อน แบบธรรมชาติ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เราสามารถบรรเทาปัญหากรดไหลย้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงทำให้รู้สึกทำให้อาการดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้สุขภาพทั่วไปของระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรักษาสุขภาพ เพื่อจะได้หมดปัญหาหรือทำให้อาการบรรเทาลงได้ง่าย ๆ นั่นเอง