แสบร้อนกลางอก สัญญาณเตือนโรคกรดไหลย้อน 

แสบร้อนกลางอก

การ แสบร้อนกลางอก ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เนื่องจากมันอาจเป็นสัญญาณเตือนให้เราทราบว่าเราอาจเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease  GERD) ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการไหลย้อนของสารคัดหลั่งหรืออาหารจากกระเพาะอาหารขึ้นมาสู่หลอดอาหาร คอ หรือปาก ทำให้เกิดอาการแสบร้อน การเรอเปรี้ยว หรือความรู้สึกขมในปาก ซึ่งอาจเป็นเพียงเริ่มต้นของโรคนี้

การระคายเคืองและอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก โรคกรดไหลย้อน นั้นสามารถเกิดขึ้นกับทุกช่วงวัย และมีกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมาก เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักมากเกินไป ผู้ที่ดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังแข็ง (scleroderma) ดังนั้น หากมีอาการ แสบร้อนกลางอก หรืออาการเรอเปรี้ยวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมในขณะเร็วที่สุด

อาการของโรคกรดไหลย้อน

อาการของ โรคกรดไหลย้อน สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทตามพื้นที่ที่เกิดขึ้น ดังนี้

1.อาการของหลอดอาหาร

  • แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ และกลางหน้าอก
  • มีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก

2.อาการนอกหลอดอาหาร (หากมีอาการดังนี้ ควรพบแพทย์เฉพาะทาง)

  • เจ็บหน้าอกโดยที่ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
  • เจ็บคอหรือเสียงแหบเรื้อรัง
  • ไอเรื้อรัง
  • อาการทางช่องปาก เช่น มีกลิ่นปาก หรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน

การรับรักษาของโรคนี้จะต้องพิจารณาจากอาการและความรุนแรงของโรค ซึ่งอาจต้องใช้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษาที่เหมาะสม ปัญหาที่มีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของเรา นั่นก็คือ “มือชา” และ “โรคกระเพาะ” ทั้งสองปัญหานี้อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ทั้งชายและหญิง มือชาทำให้เรารู้สึกไม่สบายและมีความไม่สบายเมื่อต้องใช้มือในกิจกรรมประจำวัน เช่น การถือของหนัก การพิมพ์หนังสือ หรือการใช้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ในขณะที่โรคกระเพาะอาจทำให้เรารู้สึกปวดและไม่สบายใจในท้อง เป็นปัญหาที่ทำให้เราไม่สามารถทานอาหารได้อย่างปกติ ดังนั้น เรามาเริ่มต้นดูแลสุขภาพของเรากันดีกว่า เพื่อให้สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้สะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกันเถอะ

โรคกรดไหลย้อน

สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนมีอะไรบ้าง ?

  • รับประทานอาหารรสจัดและอาหารที่มีไขมันสูง
  • รับประทานอาหารมากเกินไปและนอนทันทีหลังรับประทานเสร็จ
  • สูบบุหรี่
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • ดื่มกาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลตเป็นประจำ
  • ความเครียด
  • ภาวะที่ทำให้หูรูดหลอดอาหารหย่อน เช่น การใช้ยาขยายหลอดลม

ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นบ่อยมากในปัจจุบัน นั่นก็คือ “โรคกระเพาะ” โรคที่ส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของเรา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสบายใจและสุขภาพทั่วไปของเราได้ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศทั้งชายและหญิงทุกวัย ด้วยเหตุนี้เอง การรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับโรคกระเพาะนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถป้องกันและรักษาโรคให้ดียิ่งขึ้นได้

กรดไหลย้อน รักษายังไง

การ รักษาโรคกรดไหลย้อน สามารถแบ่งเป็นหลายวิธีได้ดังนี้

  1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา
    • ลดน้ำหนักในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมาก
    • งดสูบบุหรี่
    • งดดื่มแอลกอฮอล์
    • งดดื่มน้ำอัดลม
    • งดทานอาหารรสจัดหรือมีไขมันสูง
    • หลีกเลี่ยงการทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนนอน
    • นอนศีรษะสูงหรือนอนตะแคงซ้ายในผู้ที่มีอาการตอนกลางคืน
  2. การรักษาโดยใช้ยา
    • ยา H2-blockers  ลดการหลั่งกรดและบรรเทาอาการได้บางส่วน
    • ยา proton-pump inhibitors  ลดกรดได้มากกว่ายากลุ่มแรก การรักษาด้วยยาให้ผลการรักษาที่ดี แต่ต้องรับประทานยาเป็นระยะเวลานานกว่าการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร
  3. การรักษาโดยการผ่าตัด
    • เฉพาะในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือผู้ป่วยที่รักษาด้วยยามาเป็นเวลานาน
    • ผู้ป่วยที่มีผลแทรกซ้อนจากโรคกรดไหลย้อน เช่น มีแผลในหลอดอาหาร หลอดอาหารตีบหรือมีการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุหลอดอาหาร เช่น Barrett’s esophagus

สัญญาณเตือนโรคกรดไหลย้อน

สัญญาณเตือนของ โรคกรดไหลย้อน มีดังนี้

  1. คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้า โรคกรดไหลย้อนสามารถทำให้เกิดคลื่นไส้และรสเปรี้ยวในปาก โดยมักเกิดในช่วงเช้าเพราะมีช่วงเวลาที่ยาวนานระหว่างมื้ออาหารเย็นกับมื้ออาหารเช้าในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
  2. มีอาการเสียดท้องอยู่บ่อย ๆ หากมีอาการเสียดท้องมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำ อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ โดยเริ่มจากบริเวณหน้าท้องและขยายไปถึงลำคอ มักเกิดหลังจากทานอาหาร
  3. อาการไอแห้งเรื้อรัง หรือ เสียงแหบ หากมีอาการไอโดยไม่ทราบสาเหตุและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในช่วงกลางคืน อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากอาการไอแห้งเรื้อรังเป็นอาการหลักของโรคนี้
  4. อาการเจ็บหน้าอก ปวดที่เริ่มสูงขึ้นในช่องท้องเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งของโรคกรดไหลย้อน หากมีอาการเจ็บหน้าอกเพิ่มขึ้นโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
  5. กลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ หากมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์แม้ว่าจะมีการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม อาจจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากการไหลย้อนของกรดอาจทำให้เกิดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ได้

โรคกรดไหลย้อน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมาก ดังนั้นหากมีปัญหาเกี่ยวกับสัญญาณเตือนดังกล่าวควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาเพิ่มเติมในขณะที่อาการยังไม่รุนแรงเกินไป

วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อน

เพื่อบรรเทาอาการกรดไหลย้อน นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำได้

  1. นอนในท่าตะแคงซ้าย การนอนในท่าตะแคงซ้ายจะช่วยลดการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหาร เนื่องจากท้องของคุณจะอยู่ด้านล่างของหลอดอาหาร ซึ่งทำให้กรดไหลย้อนมีความยากต่อการเกิดขึ้นมากขึ้น หากมีกรดในกระเพาะหลุดออกมา แรงโน้มถ่วงจะช่วยให้กรดย้อนไปยังกระเพาะอาหารได้เร็วขึ้นเมื่อคุณนอนในท่าตะแคงซ้าย
  2. ยกศีรษะของเตียง การยกศีรษะของเตียงให้สูงขึ้นสามารถช่วยลดการไหลย้อนของกรดได้ คุณสามารถใช้หมอนที่ช่วยยกศีรษะเพื่อให้มันสูงขึ้น หรือปรับเปลี่ยนแผ่นฐานเตียงเพื่อให้สูงขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน
  3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์อาจช่วยลดอาการกรดไหลย้อนและอาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรักษาน้ำหนักให้เหมาะสมและการรักษาสุขภาพที่ดี เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดการดึงดูดต่อสิ่งที่เป็นสารต้านเสพติด เพื่อช่วยลดการอาการกรดไหลย้อน นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นโดยเฉพาะในบริเวณท้อง รับประทานอาหารมื้อเล็กแต่บ่อย และลดการบริโภคอาหารที่มีความเผ็ดหรือเป็นสาเหตุของการระคายเคืองอื่น ๆ

ดังนั้น หากคุณมีอาการแสบร้อนในกลางอก หายใจไม่สะดวก และสงสัยว่าเป็นอาการกรดไหลย้อน ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณตามที่กล่าวไว้ข้างต้นและอย่าละเลยกับอาการนี้ เพื่อให้สุขภาพของคุณดีขึ้นและคุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้นไปด้วย

การป้องกันโรคแสบร้อนกลางหน้าอก

การป้องกันอาการ แสบร้อนกลางอก หรือโรคกรดไหลย้อน (Acid Reflux) สามารถทำได้ดังนี้

  1. ควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนักตัวหากอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน เพราะน้ำหนักมากจะเพิ่มแรงดันในช่องท้องส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย
  2. หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการ เช่น อาหารมัน เผ็ด เปรี้ยว กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต
  3. งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะผ่อนคลายคอหอยและกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ
  4. กินอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ บ่อยครั้ง แทนการกินมื้อใหญ่ เพื่อลดแรงดันภายในช่องท้อง
  5. อย่านอนหลังจากรับประทานอาหารทันที ควรรอประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารย่อยก่อน
  6. นอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย จะช่วยลดการไหลย้อนของกรด
  7. หากมีอาการรุนแรง อาจต้องรับประทานยาลดกรดบางชนิด แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

การปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดและป้องกันอาการ แสบร้อนกลางอก จาก กรดไหลย้อน ได้ระดับหนึ่ง แต่หากอาการมากหรือรุนแรงขึ้นควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาที่ถูกต้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า