แม้ว่าอาหารที่มีไขมันคอเลสเตอรอลสูงจะถูกบ่งชี้ว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง แต่ควรรู้ไว้ว่าไขมันในอาหารนั้นจะมีทั้งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การบริโภคอาหารที่มี ไขมันดี ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพได้ โดยช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดีในร่างกายและลดความเสี่ยงในการพบปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีไขมันที่ดีนั้น ยังสามารถช่วยกระตุ้นการดูแลน้ำหนักที่เหมาะสมได้ เนื่องจากไขมันจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มตัวในระยะเวลานานขึ้น ลดการบริโภคอาหารในปริมาณมากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำหนักเกิน อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีไขมันในปริมาณมากเกินไป เนื่องจากแม้จะเป็นไขมันที่ดี การบริโภคในปริมาณมาก ๆ ก็อาจส่งผลให้มีปัญหาน้ำหนักเกิดขึ้นได้
ทำความรู้จักกับ ไขมันดี
ไขมันดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากมีหน้าที่สำคัญในการกำจัดไขมันชนิดไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ที่สะสมในหลอดเลือด โดยส่งไปยังตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย การบริโภคไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสมมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจได้ เพื่อเป็นการรักษาหลอดเลือดให้แข็งแรง ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปควรเริ่มเข้ารับการตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด โดยระดับไขมันที่ดีจะต้องอยู่ในช่วงประมาณ 40-60 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากอยู่ในระดับสูงกว่า 60 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะส่งผลดีต่อร่างกาย เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ แต่หากอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรจะถือว่ามีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพได้
ข้อดีของไขมันดี (HDL) ที่ควรทราบ
สำหรับไขมันดี คือไขมันที่มีความหนาแน่นในตัวสูง ซึ่งดีต่อหลอดเลือดแดง เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันชนิดที่ไม่ดี อย่างคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL ไปพอกสะสมในหลอดเลือดแดง โดย HDL จะนำไขมันไม่ดีส่งคืนสู่ตับ เพื่อให้ตับทำหน้าที่ขจัดหรือทำลายออกจากร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และยังเป็นการช่วยลดคอเลสเตอรอล (Total Cholesterol) ในร่างกายได้อีกด้วย
แนะนำอาหารที่มีไขมันดี ที่ควรรับประทาน
- น้ำมันมะกอก การใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันชนิดอื่นจะช่วยเพิ่มไขมันชนิดที่ดีให้กับร่างกายได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานน้ำมันมะกอกคู่กับสลัดผัก เพราะจะช่วยให้รับประทานน้ำมันมะกอกได้ง่ายขึ้น แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในการทอดอาหาร หรือหากต้องการใช้ก็ควรมีการจำกัดปริมาณให้เหมาะสม
- อะโวคาโด การรับประทานอะโวคาโดจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวายเฉียบพลันได้ เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและยังอุดมไปด้วยกากใยอาหารที่จะทำให้ระดับคลอเรสเตอรอลภายในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ปลาทะเลน้ำลึก การที่ได้รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของปลาทะเลน้ำลึกอย่าง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เป็นต้น จะช่วยลดอัตราไขมันเลว (LDL) ในร่างกายลงได้และยังเสริมไขมันชนิดดีเพิ่มในร่างกายได้ด้วย
- ถั่ว การรับประทานถั่วชนิดต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มกากใย ลดระดับคลอเรสเตอรอลภายในร่างกายได้ เนื่องจากถั่วชนิดต่าง ๆ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถรับประทานเป็นเมนูของว่างได้
- เมล็ดเซีย ในเมล็ดเซียจะประกอบไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 กากใยอาหาร และอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย ซึ่งไม่ได้แค่เพิ่มค่าไขมันที่ดีในร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยลดระดับความดันเลือดอีกด้วย
- ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ นมถั่วเหลือง อาหารประเภทนี้จะช่วยเพิ่มค่าไขมันที่ดีให้กับร่างกาย ซึ่งหาซื้อได้ง่าย จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับใครหลาย ๆ คน
รับประทานไขมันดีอย่างไรให้เกิดประโยชน์
- รับประทานในประมาณที่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย
- ควรรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลัก และเน้นรับประทานอาหารที่มีไขมันธรรมชาติ
- หากต้องการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในระยะยาว แนะนำให้รับประทานไขมันที่มาจากพืช
- ควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้
โทษของการรับประทานอาหารที่มีไขมัน
- หากรับประทานอาหารที่มีไขมันที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐานได้
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้เกิดโรคบางอย่างได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
เมื่อร่างกายของคนเรามีไขมันที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคอ้วน หรือรูปร่างที่ไม่สมส่วน มีไขมันใต้คางเยอะทำให้หน้าบวม จึงต้องหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองมีรูปร่างที่ดูดี และการที่จะให้ร่างกายของตัวเองมีรูปร่างที่ดีและสมส่วนได้นั้นอาจจะต้องพึ่งพาวงการแพทย์ให้เข้ามาช่วยปรับเปลี่ยน ซึ่งจะมีทั้งการดูดไขมัน การผ่าตัดกระเพาะ แต่ในที่นี้เราขอกล่าวถึงการดูดไขมันเป็นหลัก ดังนี้
การดูดไขมันคืออะไร ?
การดูดไขมัน (Liposuction) วงการแพทย์ถือได้ว่าเป็นการศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในการกำจัดไขมันส่วนเกิน ได้อย่างตรงจุด ซึ่งสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ บางคนอาจมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว หรือเหนียง เป็นต้น การดูดไขมันถือได้ว่าเป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยลดสัดส่วนที่มีความปลอดภัยและเห็นผลได้ชัดเจนหลังทำ ในการดูดไขมันนั้นถึงแม้ว่าจะทำให้สัดส่วนดูเล็กลง รูปร่างดูผอม แต่วิธีนี้ก็ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักที่หลายคนเข้าใจ
ก่อนดูดไขมันควรรู้เรื่องอะไรบ้าง ?
ก่อนที่จะทำการดูดไขมันต้องทราบก่อนว่า การดูดไขมันไม่ใช่การลดความอ้วน เป็นแค่การกระชับสัดส่วนเท่านั้น เพราะไขมันจะมีน้ำหนักที่เบามาก หากเทียบกับกระดูกและกล้ามเนื้อ เมื่อได้ทำการดูดไขมันออกแล้วน้ำหนักอาจลดลงเพียงแค่ 1 กิโลกรัมเท่านั้น หากรับประทานอาหารเข้าไปน้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม หากต้องการลดความอ้วนต้องออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหารร่วมด้วย
รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายมีไขมันเยอะ
หลายคนอาจมีคำถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของตัวเองนั้นมีไขมันสะสมที่ใต้ชั้นผิวหนังจริงหรือไม่ วันนี้เรามีวิธีการตรวจเช็คไขมันว่าเยอะจนต้องทำการดูดไขมันหรือไม่ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง และการใช้เครื่องมือทางการแพทย์โดยจะต้องไปทำการเช็คที่โรงพยาบาล ดังนี้
- การเช็กด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่บ้าน โดยใช้มือของเราบีบหยิบไขมันในส่วนที่ตัวเองมีความกังวล เช่นหน้าท้อง ถ้าบีบขึ้นมาแล้วหนา ยิ่งหนาเท่าไหร่ นั่นแสดงให้เห็นว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะเท่านั้น
- การใช้ที่วัดไขมันอย่าง Body Fat ส่วนใหญ่มักจะเห็นอยู่ตามฟิตเนส โดยที่แต่ละรุ่นนั้นจะให้ความแม่นยำที่แตกต่างกันไป
- การใช้ที่วัดไขมัน Fat Caliper เพื่อดูว่าไขมันที่ทำให้ดูด้วยขึ้นนั้นเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หรือเป็นไขมันในช่องท้องกันแน่ ถ้าหนีบแล้วหนา ก็แปลว่ามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะ สามารถเข้ามาพบแพทย์ เพื่อประเมินการดูดไขมันได้
- อัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูว่าชั้นไขมันมีความหนาขนาดไหน
ใครบ้างที่ควรเข้ารับการดูดไขมัน ?
- คนที่มีไขมันส่วนเกิน สัดส่วนไม่เท่ากัน
- คนที่ออกกำลังกายแล้วไขมันไม่ลด ต้องการลดสัดส่วนให้ลดลงทันที
ตำแหน่งของการดูดไขมัน
การดูดไขมันออกจากร่างกายของเรานั้น สามารถทำได้ทุกส่วนที่มีไขมันส่วนเกิน ที่อยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง ดูดไขมันแผ่นหลัง ดูดไขมันต้นขา ดูดไขมันสะโพก ดูดไขมันก้น ดูดไขมันต้นแขน ดูดไขมันเหนียง ดูดไขมันร่องแก้ม ดูดไขมันน่อง ดูดไขมันปีกหลัง ดูดไขมัน Sexy Line รวมไปการดูดไขมันข้อเท้า ก็สามารถดูดไขมันออกมา เพื่อให้มีรูปร่างดูสมส่วนเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง
ข้อดีของการดูดไขมัน
การดูดไขมันนั้นจะทำให้สัดส่วนดูเล็กลงทันที สามารถลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้ ช่วยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกัน ลดขนาดไซส์ของเสื้อผ้า เพิ่มความมั่นใจ แต่งตัวได้ง่ายขึ้นใส่ชุดไหนก็ดูดี ช่วยให้หุ่นดูเป๊ะขึ้นกว่าเดิม เมื่อทำการดูดไขมันไม่ต้องกังวลในเรื่องของขนาดแผล เพราะจะมีขนาดแผลที่เล็กมาก ไม่เป็นคีลอยด์ ในส่วนของไขมันที่ถูกดูดออกไปนั้นยังสามารถนำไปเติมส่วนที่ขาดได้
ทีมแพทย์ดูดไขมัน ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สรุป
ไขมันถือได้ว่าเป็นบ่อเกิดของปัญหาด้านสุขภาพหลาย ๆ ด้าน ทำให้ความมั่นใจในการใช้ชีวิตลดลง เมื่อมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน การเลือกรับประทานไขมันดีเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ หากต้องการลดน้ำหนักแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี สามารถปรึกษาได้ที่ คลินิกเสริมความงาม รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เพื่อรับคำแนะนำและแผนการลดน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคุณ เมื่อเข้ามารับคำปรึกษาจากที่นี่จะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม และสร้างเป้าหมายในการลดน้ำหนักให้สำเร็จได้
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย