เป็นตะคริวบ่อย เกิดจากอะไร วิธีแก้และป้องกันทำได้อย่างไรบ้าง

เป็นตะคริวบ่อย

อาการเป็นตะคริวบ่อยครั้งอาจสร้างความรำคาญและความเจ็บปวดให้กับหลายคน ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดระหว่างการออกกำลังกายหรือแม้กระทั่งขณะนอนหลับ สาเหตุของการเป็นตะคริวนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่การขาดน้ำ การขาดแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น โพแทสเซียมและแมกนีเซียม ไปจนถึงการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักเกินไป การรู้จักวิธีแก้ไขและป้องกันอาการเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ 

ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ ในบทความนี้ เราจะสำรวจถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเป็นตะคริว พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขและป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับอาการนี้อีกต่อไป

สาเหตุของการเป็นตะคริวบ่อย

  1. ขาดน้ำและเกลือแร่ : การขาดน้ำหรือเกลือแร่ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม อาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งได้ง่ายขึ้น การดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือเสียเหงื่อมากเกินไประหว่างออกกำลังกายสามารถทำให้ระดับเกลือแร่ในร่างกายลดลง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
  2. การใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป : การออกกำลังกายหนัก หรือใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไปโดยไม่มีการพักผ่อนเพียงพอ สามารถกระตุ้นให้เกิดตะคริวได้ กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานหนักจะเกิดความเมื่อยล้าและหดเกร็งได้ง่าย โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้มีการวอร์มอัพหรือคูลดาวน์อย่างเหมาะสม
  3. การไหลเวียนเลือดไม่ดี : การนั่งหรือยืนในท่าเดิมนาน ๆ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ส่งผลให้เกิดตะคริว การที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่ ทำให้กล้ามเนื้อขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น
  4. อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะสูญเสียความยืดหยุ่น และมีโอกาสเกิดตะคริวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทและระบบไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อยังทำให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
  5. ภาวะทางสุขภาพ : โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดตะคริว ภาวะเหล่านี้สามารถส่งผลต่อระบบประสาทหรือระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ

อาการและผลกระทบของตะคริว

อาการหลักของตะคริวคือความเจ็บปวดและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในกล้ามเนื้อหลายส่วน เช่น น่อง ต้นขา หรือเท้า อาการนี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและอาจกินเวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงหลายนาที ผลกระทบของตะคริวไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวด แต่ยังสามารถรบกวนการนอนหลับ หรือทำให้กิจกรรมประจำวันหยุดชะงักได้เมื่อเกิดตะคริว คุณอาจรู้สึกว่ากล้ามเนื้อแน่นและแข็งตัว ซึ่งอาจทำให้เคลื่อนไหวได้ยาก ในบางกรณี อาการเจ็บปวดอาจรุนแรงจนต้องหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ นอกจากนี้ ตะคริวยังสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงกลางคืน ทำให้นอนหลับไม่สนิทและรู้สึกเหนื่อยล้าในวันถัดไป

วิธีป้องกันการเป็นตะคริวบ่อย

วิธีป้องกันการเป็นตะคริวบ่อย

  1. ดื่มน้ำเพียงพอ : การดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย ป้องกันการเกิดตะคริว ควรตั้งเป้าหมายในการดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน และเพิ่มปริมาณน้ำเมื่อออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพอากาศร้อน
  2. รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน : ควรบริโภคอาหารที่มีแร่ธาตุสำคัญ เช่น กล้วย (โพแทสเซียม) นม (แคลเซียม) และถั่ว (แมกนีเซียม) การรับประทานอาหารที่สมดุลช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อ
  3. ยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกาย : การยืดกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงในการเกิดตะคริว ควรใช้เวลาในการวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายประมาณ 5-10 นาที และคูลดาวน์หลังออกกำลังกายเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ : การพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวและลดโอกาสในการเกิดตะคริว ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง
  5. ใส่รองเท้าที่เหมาะสม : รองเท้าที่รองรับเท้าได้ดีสามารถช่วยลดแรงกดบนกล้ามเนื้อและป้องกันตะคริวได้ เลือกรองเท้าที่เหมาะกับกิจกรรมที่คุณทำ และเปลี่ยนรองเท้าเมื่อเริ่มเสื่อมสภาพ

การรักษาตะคริวด้วยวิธีธรรมชาติ

  1. การนวดและยืดกล้ามเนื้อ : เมื่อเกิดตะคริว การนวดเบา ๆ และยืดกล้ามเนื้อสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ใช้มือกดเบา ๆ บริเวณที่เป็นตะคริว แล้วค่อย ๆ ยืดกล้ามเนื้อออก เพื่อช่วยคลายความตึงเครียด
  2. ประคบร้อนหรือเย็น : การใช้ถุงน้ำร้อนหรือถุงน้ำแข็งประคบบริเวณที่เป็นตะคริวสามารถช่วยลดความเจ็บปวดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ประคบร้อนช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ขณะที่ประคบเย็นช่วยลดการอักเสบ
  3. บริโภคน้ำเกลือแร่ : หากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นตะคริวบ่อย การบริโภคน้ำเกลือแร่หลังออกกำลังกายสามารถช่วยฟื้นฟูสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายได้ เครื่องดื่มเกลือแร่เหล่านี้มีส่วนประกอบของโพแทสเซียม แมกนีเซียม และโซเดียม ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
  4. ใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ : บางคนพบว่าการใช้สมุนไพร เช่น ขิง หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติสามารถลดความถี่ของการเกิดตะคริวได้ ขิงมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนเลือด

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์เกี่ยวกับตะคริว

หากคุณมีอาการตะคริวที่รุนแรงหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนรบกวนชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์ แพทย์อาจตรวจสอบว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือโรคอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุหรือไม่ เช่น โรคเกี่ยวกับระบบประสาท หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดควรพบแพทย์ทันทีหาก

  • ตะคริวยังคงอยู่นานกว่า 10 นาที
  • เกิดขึ้นพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น บวม แดง หรือรู้สึกอบอุ่นบริเวณที่เป็น
  • มีประวัติสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เบาหวาน หรือโรคทางระบบประสาท
  • มีผลกระทบรุนแรงต่อคุณภาพชีวิต เช่น ไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการเป็นตะคริวบ่อย

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการเป็นตะคริวบ่อย

  1. กินกล้วยแล้วจะไม่เป็นตะคริวอีกเลย : แม้ว่ากล้วยจะมีโพแทสเซียมสูง แต่การบริโภคเพียงอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันตะคริวทั้งหมด ต้องมีการดูแลด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย
  2. เฉพาะนักกีฬาที่จะเป็นตะคริว : จริง ๆ แล้วใครก็สามารถเป็นตะคริวได้ ไม่จำกัดเฉพาะนักกีฬาเท่านั้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด
  3. ต้องกินยาเสริมแร่ธาตุเสมอเพื่อป้องกันตะคริว : ยาเสริมแร่ธาตุไม่จำเป็นสำหรับทุกคน หากคุณมีอาหารที่สมดุลและได้รับสารอาหารครบถ้วน ยาเสริมอาจไม่จำเป็นเลย
  4. ทุกครั้งที่เป็นตะคริวต้องหยุดกิจกรรมทันที : แม้ว่าการพักผ่อนจะสำคัญ แต่บางครั้งการเคลื่อนไหวเบา ๆ หรือยืดเหยียดสามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อได้

เคล็ดลับสำหรับผู้ที่เป็นตะคริวบ่อย

  1. จัดกิจวัตรการออกกำลังกายให้เหมาะสม : หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงพัก วางแผนกิจกรรมเพื่อให้มีเวลาพักฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
  2. ฝึกโยคะหรือพิลาทิส : กิจกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและลดโอกาสในการเกิดตะคริว ท่าโยคะบางท่าสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงและปรับปรุงสมาธิ
  3. ตั้งเป้าหมายในการบริโภคน้ำต่อวัน : ใช้ขวดน้ำที่มีมาตรวัดเพื่อช่วยติดตามปริมาณน้ำที่คุณดื่มในแต่ละวัน การตั้งเตือนบนโทรศัพท์มือถือเพื่อเตือนให้คุณจิบน้ำระหว่างวันก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้
  4. ตรวจสุขภาพประจำปี : เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคหรือภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ที่อาจทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นตะคริวง่ายขึ้น การตรวจสุขภาพยังช่วยตรวจสอบระดับสารอาหารในร่างกายว่ามีความสมดุลหรือไม่

สรุป

การเป็นตะคริวบ่อยนั้นแม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ก็สร้างความไม่สะดวกสบายได้ไม่น้อย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และวิธีรักษาจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมดูแลสุขภาพโดยรวม รับประทานอาหารที่เหมาะสม ดื่มน้ำเพียงพอ และออกกำลังกายอย่างถูกวิธี หากคุณพบว่ามีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า