เป็นไข้ห้ามกินอะไร อาหารต้องห้ามเมื่อเป็นไข้ที่ควรรู้

เมื่อเรามีไข้ การเลือกอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ในขณะที่บางอาหารอาจทำให้อาการแย่ลง เมื่อเป็นไข้ ร่างกายมักจะมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ปวดเนื้อเมื่อตัว และไม่สบายตัว ซึ่งอาจทำให้ไม่อยากอาหาร แต่การอดอาหารไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะร่างกายยังคงต้องการสารอาหารเพื่อฟื้นฟูและต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม มีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจทำให้อาการไข้รุนแรงขึ้นหรือหายช้าลง บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ เป็นไข้ห้ามกินอะไร เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นไข้มีดังนี้

อาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ของทอด และอาหารจานด่วน อาจทำให้อาการอักเสบในร่างกายแย่ลงและย่อยยาก ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากในการย่อยอาหารเหล่านี้ ส่งผลให้อาการไข้หายช้าลง นอกจากนี้ ไขมันสูงยังอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องและอาจทำให้อาการไข้รุนแรงขึ้น

อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม และน้ำหวาน อาจกระตุ้นการอักเสบในร่างกายและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้อาการไข้หายช้าลง น้ำตาลสูงยังอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียและไม่สบาย

อาหารแปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มักมีไขมันอิ่มตัวสูง น้ำตาล และเกลือ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายและทำให้อาการไข้หายช้าลง อาหารแปรรูปยังมักมีสารกันบูดและสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่

นมและผลิตภัณฑ์จากนมอาจทำให้น้ำมูกและเสมหะข้นขึ้น ทำให้เกิดอาการคัดจมูกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพ้นมวัวหรือแพ้แลคโตส นอกจากนี้ การบริโภคนมในปริมาณมากอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ชา และกาแฟ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้อาการไข้หายช้าลง นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่สำคัญ ทำให้ร่างกายอ่อนแอและฟื้นตัวช้า

ผลไม้บางชนิด เช่น ทุเรียน ลำไย และขนุน มีฤทธิ์ร้อนและอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ทำให้อาการไข้แย่ลง การบริโภคผลไม้เหล่านี้ในปริมาณมากอาจทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบายและอาการไข้รุนแรงขึ้น

อาหารรสจัด เช่น อาหารเผ็ด เปรี้ยว หรือเค็ม อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้น อาหารรสจัดยังอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องและอาจทำให้อาการไข้รุนแรงขึ้น

การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนจากไข้ ควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่าย เช่น ผัก ผลไม้ที่มีน้ำมาก ซุป และอาหารที่มีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

อาหารที่ควรรับประทานเมื่อเป็นไข้มีดังนี้

ซุปไก่ร้อน ๆ เป็นอาหารที่มีประโยชน์มากเมื่อเป็นไข้ เนื่องจากช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกและเจ็บคอ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนผสมในซุปไก่ เช่น ไก่ หอมหัวใหญ่ ขึ้นฉ่าย มันฝรั่ง มะเขือเทศ หัวผักกาด ผักชี แครอท พริกไทย และเกลือ มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของปอดและลดอาการไอ

ข้าวต้มและโจ๊กเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและมีสารอาหารครบถ้วน ช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็น การรับประทานข้าวต้มและโจ๊กยังช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากเป็นอาหารที่อ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร

ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว มะขามป้อม และสับปะรด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในร่างกาย วิตามินซีมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดี

ผักใบเขียว เช่น ผักโขม บรอกโคลี และกะหล่ำปลี มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ ผักใบเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ถูกทำลายและเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม

ชาสมุนไพร เช่น ชาขิง ชาคาโมมายล์ และชามะนาว ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและคัดจมูก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย ชาขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนชาคาโมมายล์ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความวิตกกังวล

เคล็ดลับสำหรับการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการดูแลตัวเองดังนี้

การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและลดอุณหภูมิร่างกาย ควรจิบน้ำเปล่าหรือน้ำสมุนไพรตลอดทั้งวัน น้ำสมุนไพรที่แนะนำได้แก่ น้ำขิง น้ำมะนาว หรือชาสมุนไพรต่าง ๆ ที่ไม่มีคาเฟอีน การดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม หรือน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งก็ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการไข้ได้เร็วขึ้น ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน หากเป็นไปได้ควรนอนพักผ่อนในช่วงกลางวันเพิ่มเติมเพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นฟูมากขึ้น การนอนหลับที่มีคุณภาพยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นช่วยลดอุณหภูมิร่างกายและทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ควรเช็ดตัวบ่อย ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและลำตัว การใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวสามารถช่วยลดไข้ได้ดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นเพราะอาจทำให้ร่างกายหนาวสั่น

หากมีไข้สูง ควรรับประทานยาลดไข้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ยาที่นิยมใช้ได้แก่ พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง

การออกกำลังกายหนักอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและทำให้อาการไข้แย่ลง ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก การทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น การเดินเล่นในบ้านหรือการยืดเส้นยืดสายเบา ๆ อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควรเน้นการรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี และผักใบเขียว รวมถึงการรับประทานโปรตีนจากแหล่งที่ดี เช่น เนื้อปลา ไก่ และถั่วต่าง ๆ

สมุนไพรไทยบางชนิดมีสรรพคุณช่วยลดไข้และบรรเทาอาการไข้ เช่น ฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculata) ซึ่งได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่ามีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อไวรัสและลดไข้

ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาไข้ที่เกิดจากไวรัสได้ ควรใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะในกรณีที่แพทย์สั่งเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อดื้อยา

เป็นไข้ห้ามกินอะไร การดูแลสุขภาพเมื่อเป็นไข้เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกอาหารที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้อาการแย่ลงจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้หายจากอาการไข้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ