E-Matrix คืออะไร?
E-Matrix คือ เลเซอร์สำหรับผิวหน้า หลุมสิว ริ้วรอย เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยกระชับผิวหน้า เม็ดสีบนใบหน้าสม่ำเสมอเรียบเนียน รักษาหลุมสิวได้อย่างเห็นผล
ถ้าหากมีการปล่อยสิวจนถึงขั้นอักเสบ ยากต่อการรักษา ทำให้เกิดหลุมสิว เป็นพื้นที่ลึกเข้าไปถึงชั้นในของผิวหนัง ส่งผลเนื้อบางส่วนหายไปจนเกิดเป็นหลุมขึ้นมาบนใบหน้า โดยการฟื้นฟูให้หน้ากลับเป็นเหมือนเดิม นั้นไม่ง่ายแบบตอนเริ่มเป็นสิว อีกทั้งระดับความรุนแรงและลักษณะของหลุมสิว อาจต้องใช้การรักษาด้วยเลเซอร์เข้าช่วยด้วยนั่นเอง
หลุมสิวมีกี่แบบ?
- Icepick Scars (รุนแรงสุด) หลุมสิวลึกไปถึงรูขุมขน แต่ไม่ถึงพังผืดใต้ผิวหนัง ปากสิวแคบกว่าแบบอื่น ทายารักษาทั่วไปไม่ได้ผล รักษายาก ใช้เวลานานในการฟื้นฟูให้ดีขึ้น วิธีรักษาส่วนใหญ่ทำให้ตื้นขึ้น อาจไม่หายขาด
- Box scars (ปานกลาง) หลุมบ่อ ปากสิวกว้างกว่าแบบอื่น ไม่ลึกเท่าแบบแรก (Icepick Scars) ใช้ยาร่วมกับรักษาด้วยวิธีอื่นพอรักษาได้
- Rolling Scars (ทั่วไป) แบบที่พบบ่อย หลุมตื้น รักษาง่ายกว่าแบบอื่น โดยทั่วไปใช้ยารักษาพอได้
นอกจากนี้ยังมีอีกแบบที่เห็นบ่อย คือ รอยแผลเป็นนูน (Hypertrophic scar หรือ Keloid Scars) ซึ่งจะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากระดับผิวหนัง
ภาพประกอบจาก Derma Roller Shop
รักษาหลุมสิวแบบไหนดี?
- ทายารักษา สกินแคร์ต่าง ๆ สารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงผิว เหมาะกับหลุมสิวที่ไม่ลึกมากแบบ Rolling Scars
- รับประทานยาสารสกัด ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรักษาแบบอื่นๆ ให้เห็นผลดีขึ้น
- ศัลยกรรมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เหมาะกับการรักษาแบบ Icepick Scars และ Box Scars ซึ่งส่วนใหญ่ทายาไม่ได้ผล รอยแผลดูแคบลง หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ
ขั้นตอนการรักษาหลุมสิว แบ่งแยกย่อยถึง 10 – 20 วิธี โดยทั่วไปควรเริ่มจากการทายารักษาสิว ถ้าไม่ได้ผลหรือระดับหลุมสิวอยู่ในขั้นปานกลางถึงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังโดยเฉพาะทาง หนึ่งในวิธีรักษาหลุมสิวที่ได้รับการยอมรับว่ามีผลดีต่อผิวหน้า คือ รักษาด้วยเครื่อง E-Matrix ทั้งปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน และดีต่อผิวหน้า ราคาไม่แพงมาก
หลักการทำงานของ E-Matrix เป็นอย่างไร?
กลไกของเครื่อง E-Matrix จะส่งกระแสพลังงาน RF (Radiofrequency) ลงไปใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนลงไปใต้ผิวที่ความลึกแตกต่างกันในแต่ละโปรแกรม ความร้อนจากกระแส RF จะลงไปที่ผิวชั้นบน (epidermis) และชั้นล่าง (dermis) โดยจะทำให้เกิดการทำลายผิวหนังด้านบนและลอกออก (Ablation and Resurfacing) ในขณะที่ความร้อนบางส่วนจะลงไปบริเวณผิวชั้นล่าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้เม็ดสีจางลง ผิวตึง กระชับรูขุมขน รักษาหลุมสิว กระชับผิวหน้าให้เรียบเนียน
ข้อดีของคลื่น RF เมื่อเทียบกับ Fractional Laser อื่น ๆ คือ พลังงาน RF ไม่มีผลต่อสีผิว ไม่เกิดรอยไหม้แบบเลเซอร์ คนที่มีสีผิวคล้ำจะทำ Fractional CO2 ได้ไม่ดี เพราะถึงหลุมสิวจะตื้นขึ้น แต่กลายเป็นหน้าดำ ต่างจาก RF eMatrix ที่ไม่มีผลต่อสีผิว หน้าใส ลบริ้วรอย ปลอดภัยแม้จะบริเวณรอบดวงตา โดยไม่ส่งผลต่อขนตา หรือ เปลือกตา กระชับผิวใต้ดวงตาให้ดูกลมโตขึ้น ดีต่อผิวหนังใบหน้า
สรุปหลักการทำงานของ E-Matrix
- E-Matrix ส่งกระแสพลังงาน RF (Radiofrequency) ลงไปใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนลงไปใต้ผิวที่ความลึกแตกต่างกัน
- ความร้อนจากกระแส RF จะลงไปที่ผิวชั้นบน (epidermis) และชั้นล่าง (dermis) โดยจะทำให้เกิดการทำลายผิวหนังด้านบนและลอกออก (Ablation and Resurfacing)
- ความร้อนบางส่วนจะลงไปบริเวณผิวชั้นล่างเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่
ผลลัพธ์ของการทำ E-Matrix
ผลลัพธ์ของการทำ E-Matrix คือ ทำให้เม็ดสีจางลง ผิวตึง กระชับรูขุมขน รักษาหลุมสิว กระชับผิวหน้าให้เรียบเนียน
ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนทำ E-Matrix
- พลังงาน RF ไม่มีผลต่อสีผิว จึงไม่เกิดรอยไหม้แบบเลเซอร์
- คนที่มีสีผิวคล้ำจะทำ Fractional CO2 ได้ไม่ดี เพราะถึงแม้หลุมสิวจะตื้นขึ้น แต่จะกลายเป็นหน้าดำขึ้น คล้ำขึ้น ต่างจาก RF eMatrix ที่ไม่มีผลต่อสีผิว
- ช่วยทำให้หน้าใส ลบริ้วรอย ปลอดภัยแม้จะบริเวณรอบดวงตา โดยไม่ส่งผลต่อขนตา หรือ เปลือกตา กระชับผิวใต้ดวงตาให้ดูกลมโตขึ้น ดีต่อผิวหนังใบหน้า
ก่อนเข้ารับการรักษาด้วย E-Matrix ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์
คำแนะนำก่อนเข้ารับการรักษา
- หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ก่อนทำ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, Retinol ประมาณ 5-7 วัน
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์อื่น ๆ หรือทรีตเมนต์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว ซึ่งก่อนเข้ารับการทำ E-Matrix แพทย์จะประเมินสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการรักษา เพื่อกำหนดระดับพลังงานที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการทำ E-Matrix
- ทำความสะอาดผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอาง
- ทายาชาบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์ ประมาณ 30-45 นาที เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ
- เริ่มยิงเลเซอร์ E-Matrix แพทย์จะใช้หัวเลเซอร์สัมผัสผิวเป็นจุด ๆ โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ต่อครั้ง
- ผู้เข้ารับการรักษาอาจรู้สึกอุ่น ๆ หรือจี๊ด ๆ ที่ผิว แต่ไม่เจ็บมาก เนื่องจากมีการใช้ยาชาช่วยลดความเจ็บ
การดูแลหลังทำ E-Matrix
หลังทำ E-Matrix ผิวจะอยู่ในช่วงฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนใหม่ ดังนั้น การดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดผลข้างเคียง และทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
- ประคบเย็นหลังทำทันที
- 24 ชม.แรกหลังทำ ควรทาด้วยวาสลีนหรือยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นตลอดเวลา
- หลังจาก 24 ชม.แรก สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หลีกเลี่ยงการใช้สครับ วิตามินเอชนิดทา กรดผลไม้
- หลังจาก 24 ชม.แรก สามารถแต่งหน้าได้บางๆ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการรักษา
- ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+
รีวิวหลังทำ E-Matrix
E-Matrix เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว
- ผู้ที่มีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
E-Matrix ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรงหรือภาวะผิวอักเสบ
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่เกิดแผลเป็นคีลอยด์ง่าย
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน, SLE
ความแตกต่างระหว่าง E-Matrix และเลเซอร์อื่น ๆ
- พลังงาน RF ไม่มีผลต่อสีผิว จึงไม่เกิดรอยไหม้แบบเลเซอร์
- คนที่มีสีผิวคล้ำจะทำ Fractional CO2 ได้ไม่ดี เพราะถึงแม้หลุมสิวจะตื้นขึ้น แต่จะกลายเป็นหน้าดำขึ้น คล้ำขึ้น ต่างจาก RF eMatrix ที่ไม่มีผลต่อสีผิว
- ช่วยทำให้หน้าใส ลบริ้วรอย ปลอดภัยแม้จะบริเวณรอบดวงตา โดยไม่ส่งผลต่อขนตา หรือ เปลือกตา กระชับผิวใต้ดวงตาให้ดูกลมโตขึ้น ดีต่อผิวหนังใบหน้า
ทำ E-Matrix ราคาเท่าไหร่?
การทำ Ematrix ราคาขึ้นอยู่กับจำนวน shot ที่ยิง เมื่อเราแกะหัวใหม่ออกมาจากกล่องแล้วต่อเข้าเครื่อง เครื่องจะเริ่มนับถอยหลังทันที โดยทั่วไปหากจะทำทั้งหน้า จะต้องใช้ราว ๆ 200 กว่า shots ซึ่งจะเป็น ราคา E-matrix ประมาณ 20,000 กว่าบาทต่อทั้งหน้า แต่หากมีหลุมสิวเพียงบางส่วน ก็จะลดจำนวน shot ที่ยิงลงได้ และ ราคา E-matrix ก็จะลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว
ทำ E-Matrix กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
ผลการรักษาจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากทำในแต่ละครั้ง โดยส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแนะนำทำ 3-5 ครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ E-Matrix (FAQs)
ผลการรักษาจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทำในแต่ละครั้ง โดยส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแนะนำทำ 3-5 ครั้ง
ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ เมื่อครบคอร์สแล้วสามารถมาทำซ้ำได้ทุก 6 เดือน
E-Matrix ไม่ได้เจ็บมาก แต่รู้สึกจี๊ด ๆ อุ่น ๆ ที่ผิว หรือแสบร้อนเล็กน้อย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีผิวบาง เช่น ใต้ตา รอบปาก หรือบริเวณที่มีปัญหาผิวมาก เนื่องจาก E-Matrix ใช้ พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ในการกระตุ้นคอลลาเจน แทนที่จะเป็นแสงเลเซอร์ที่เผาผิวโดยตรง ทำให้เกิด ความร้อนใต้ผิว แต่ ไม่ทำลายผิวชั้นนอกมากนัก
ระดับความเจ็บ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับพลังงานที่ใช้ ถ้าพลังงานสูงขึ้นก็อาจรู้สึกมากขึ้นเล็กน้อย
ประมาณ 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มสังเกตว่ารูขุมขนกระชับ เรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยดูจางลง และจะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นเมื่อทำครบคอร์ส
ผลการรักษาขึ้นอยู่กับการดูแลผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลจะคงอยู่เรื่อยๆ แนะนำอาจกระตุ้นซ้ำทุก 6-12 เดือน
E-Matrix เป็นเครื่องมือที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่ามีความปลอดภัย และได้ผลจริง หลังการรักษาอาจเกิดอาการบวม แดง เจ็บเล็กน้อย อาจมีตุ่มน้ำหรือสะเก็ดหลังทำ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิดปกติ (เกิดขึ้นได้น้อย)
ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์ (Dr. Rattinan Treeratana)รายละเอียดการรักษา
เวลาในการรักษา
1-2 ชั่วโมง
ทายาชาก่อนการรักษา
ไม่ผ่าตัด
เริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา
ไม่มีผลต่อสีผิว ไม่เกิดรอยไหม้แบบเลเซอร์
Alert : ผลการรักษาขึ้นอยู่กับการดูแลผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลจะคงอยู่เรื่อยๆ แนะนำอาจกระตุ้นซ้ำทุก 6-12 เดือน
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการเพื่อลูกค้าทุกท่าน ได้รับความพึงพอใจสูงสุด เราพัฒนาคุณภาพการรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง