เหนื่อยง่าย ปัญหาของโรคอ้วน แก้ปัญหาด้วยการผ่าตัดกระเพาะ

เหนื่อยง่าย

การวินิจฉัยอาการเหนื่อยง่าย

เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์เนื่องจากอาการเหนื่อยง่ายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์และไม่มีการดีขึ้น แพทย์จะทำการวินิจฉัยเบื้องต้นโดยการสอบถามประวัติการเป็นโรค อาการ รวมถึงระดับความรุนแรงของอาการเหนื่อย และการซักถามเกี่ยวกับรูปแบบการนอน กิจกรรมในแต่ละวัน รวมถึงการออกกำลังกาย นอกจากนี้ การตรวจเพิ่มเติมอาจมีการจำเป็นตามความเหมาะสมของแพทย์ ตัวอย่างเช่น

  • การตรวจร่างกาย แพทย์อาจตรวจวัดน้ำหนักและส่วนสูงเพื่อประเมินค่าดัชนีมวลกาย รวมถึงการตรวจสอบอาการส่วนอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับอาการเหนื่อย โดยอาจมีการตรวจตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจต่อมไทรอยด์ที่คอ การตรวจต่อมน้ำเหลือง การตรวจดวงตา การตรวจกล้ามเนื้อและข้อต่อ เป็นต้น
  • การฟังเสียง แพทย์อาจฟังเสียงหน้าอก คลำและฟังเสียงช่องท้อง เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของระบบหายใจ ระบบหัวใจ และอวัยวะอื่น ๆ ในช่องท้อง
  • การตรวจเลือด อาจมีการตรวจเลือดเพื่อวัดค่าทางชีวเคมี เช่น ระดับฮีโมโกลบิน คอเลสเตอรอล ระดับฮีโมโกลบิน A1c หรือการตรวจสารเคมีในเลือดเพื่อตรวจสอบภาวะขาดธาตุหรือภาวะเปลี่ยนแปลงทางสารเคมีที่อาจส่งผลต่อระบบร่างกาย

การวินิจฉัยอาการเหนื่อยง่ายจำเป็นต้องพิจารณาคำแนะนำของแพทย์และการตรวจเพิ่มเติมตามความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับอาการและประวัติส่วนตัวของผู้ป่วยคนนั้น ๆ อย่างเป็นรายบุคคล

อาการเหนื่อยง่าย

อาการของภาวะโรคอ้วน

ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนมักจะประสบกับอาการต่อไปนี้

  • มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่มากในร่างกายโดยเฉพาะที่รอบเอว
  • การอ้วนมีผลต่อการหายใจโดยทั่วไป เป็นที่รู้กันว่าผู้ที่อ้วนมักจะมีอาการเหนื่อยง่าย หอบง่ายและหายใจติดขัด
  • ประสบกับปัญหาในการนอน อาจมีอาการนอนกรนหรือในกรณีหนึ่งอาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • อาจส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหนัง เช่น ริ้วรอยการเสียดสีตามข้อพับ หลังคอ และรักแร้
  • อาจพบรอยแตกลายที่บริเวณหน้าท้อง สะโพก หลัง หรือก้น
  • ส่งผลให้ร่างกายร้อนง่ายและมีการออกเหงื่อมากกว่าปกติ
  • ความอึดอัดและการเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก
  • ทำให้ลำบากในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้ที่มีภาวะอ้วน
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วนอาจประสบกับอาการปวดตามกระดูกข้อต่อและหลังได้ง่าย

ผู้ที่มีภาวะอ้วนจะประสบกับอาการเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพทั่วไป ดังนั้น การดูแลรักษาน้ำหนักตัวและการรักษาสุขภาพให้ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ที่มีภาวะอ้วนควรใส่ใจ

การป้องกันอาการ เหนื่อยง่าย

เพื่อป้องกันอาการเหนื่อยง่าย คุณสามารถดูแลตนเองและปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพดี ดังนี้

  • บันทึกอาการเหนื่อยล้าระหว่างวันเพื่อสังเกตตนเองว่าช่วงไหนมีอาการเหนื่อยมากหรือน้อย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกทำกิจกรรมที่ให้ความสนุกสนานและไม่น่าเบื่อ อาจเป็นการเดินเร็วหรือวิ่ง เล่นกีฬา หรือเล่นกิจกรรมร่างกายต่าง ๆ ที่คุณชื่นชอบ
  • เลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพที่ส่งผลให้มีโอกาสเกิดโรคหลายชนิด ซึ่งอาจทำให้คุณมีอาการเหนื่อยง่าย
  • หลีกเลี่ยงการงีบหลับนานกว่า 30 นาทีในช่วงบ่ายของวัน เพราะอาจทำให้คุณรู้สึกมึนงงและมีอาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน

ทำไมการลดน้ำหนักโดยวิธีทั่วไปถึงไม่ได้ผล

การลดน้ำหนักโดยวิธีทั่วไปอาจไม่ได้ผลเนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการควบคุมน้ำหนักของร่างกาย ในความเป็นจริงแล้วการออกกำลังกายอย่างมีวินัยและการควบคุมพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่มีการวิจัยพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ลดน้ำหนักได้เพียง 5-10% เท่านั้นจากน้ำหนักตัวเดิม เนื่องจากร่างกายเริ่มปรับสภาพเพื่ออยู่ในสภาพที่ดูเหมือนอดอาหาร ทำให้การควบคุมอาหารไม่ได้ผล

นอกจากนี้ยิ่งกว่านั้น ในกลุ่มผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร พบว่ามีกลุ่มผู้ที่น้ำหนักกลับขึ้นมาใหม่ถึง 50% ในระยะเวลาเพียง 2 ปี และสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวสูง การออกกำลังกายตามปกตินั้นไม่ง่าย เนื่องจากนอกจากจะเหนื่อยง่ายแล้ว การออกกำลังกายของผู้ที่มีน้ำหนักมากยังมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้อีกด้วย

การรักษาโรคอ้วน

การรักษาโรคอ้วนโดยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร

การรักษาโรคอ้วนโดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีปกติ วิธีนี้ถือเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัย และเป็นมาตรฐานทางการแพทย์ทั่วโลก การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักช่วยให้ผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถลดน้ำหนักลงมาได้และสามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างง่ายดาย ทั้งในการออกกำลังกายและควบคุมการทานอาหาร

จะทำให้ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงแรก และในเวลาเพียง 1 เดือนก็สามารถกลับมาออกกำลังกายได้ตามปกติ นอกจากนี้ เมื่อลดน้ำหนักลงมาแล้ว โรคที่มีอยู่และมีผลต่อร่างกายอาจดีขึ้นหรือหายไปเป็นปกติได้

การผ่าตัดกระเพาะ วิธีการอย่างไร ?

วิธีการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อลดน้ำหนักนั้นเน้นในการลดปริมาณอาหารที่เข้าสู่ร่างกาย โดยการลดขนาดกระเพาะอาหารจะช่วยให้การรับประทานอาหารน้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น รวมถึงการลดการดูดซึมอาหารและปรับฮอร์โมน เรามาดูวิธีการผ่าตัดลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน 2 วิธีดังนี้

1. การผ่าลดขนาดกระเพาะ (Restrictive Procedure)

การผ่าลดขนาดกระเพาะเป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้ในการลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง โดยการลดเหลือกระเพาะอาหารส่วนที่จำเป็นและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้อย่างดีคือการส่องกล้องตัดกระเพาะอาหารเบาหวาน (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy) แพทย์จะส่องกล้องเข้าไปในร่างกายและทำการตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออก ส่วนที่ถูกตัดออกคือกระเพาะส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิว วิธีนี้จะช่วยควบคุมความรู้สึกหิวและการรับประทานอาหารของผู้ที่ผ่าตัดแล้ว

2. การลดการดูดซึมของกระเพาะ (Mal-absorptive Procedure)

การลดการดูดซึมของกระเพาะ เช่นการทำ Roux-en-Y Gastric Bypass เป็นวิธีการลดการดูดซึมอาหารโดยการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารร่วมกับการบายพาส เพื่อให้ข้ามส่วนของการดูดซึมอาหารอย่างกระเพาะอาหารส่วนใหญ่และลำไส้เล็กบางส่วนที่มีการดูดซึมสูง วิธีนี้อาจจะทำการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะลงร่วมกับการบายพาสทางเดินอาหาร วิธีนี้ช่วยลดการดูดซึมอาหารและลดความอยากอาหารอีกด้วย

ดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกระเพาะ

วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกระเพาะ

เนื่องจากการผ่าตัดผ่าตัดกระเพาะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรักษา แพทย์จะคอยให้คำแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด พร้อมทั้งคอยติดตามอาการของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด และแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • สัปดาห์ที่ 1 ในระยะแรกหลังผ่าตัดลดน้ำหนัก แพทย์แนะนำให้รับประทานอาหารเหลวใสที่รับประทานได้ง่ายเพื่อปรับสภาพกระเพาะอาหาร
  • สัปดาห์ที่ 2 แพทย์แนะนำให้รับประทานอาหารที่ข้นขึ้น เช่น ซุป เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูร่างกาย
  • สัปดาห์ที่ 3 แพทย์แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนนุ่ม เช่น เยลลี่ คัสตาร์ด ไข่ตุ๋น เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและการดูแลร่างกายให้เหมาะสม
  • สัปดาห์ที่ 4 สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยไม่มีข้อจำกัดเฉพาะ เพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาพปกติ

บทสรุป

ปัญหาโรคอ้วน ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างไม่น่าเชื่อว่า มันก่อให้เกิดอาการเหนื่อยง่ายขึ้น ทำให้ร่างกายไม่คล่องตัวและเคลื่อนไหวได้ลำบาก การออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องยาก และน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง จนสุขภาพและคุณภาพชีวิตถูกทำลายลง โดยเฉพาะไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้องหรือที่เราเรียกกันว่าอ้วนลงพุง ถือเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลต่อสุขภาพที่อันตรายได้ การผ่าตัดกระเพาะ เป็นวิธีการที่ช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า