การดูแลและรับมือกับอาการท้องเสียเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีความรู้เพื่อป้องกันการเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เรามักพบว่าอาการท้องเสียเกิดจากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหารได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารู้ว่าท้องเสียห้ามกินอะไร ก็สามารถป้องกันการเกิดอาการท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การรับมือกับอาการท้องเสียไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนั้น การระมัดระวังในการเลือกบริโภคอาหารเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดอาการท้องเสียอย่างไม่พึงประสงค์ และเพื่อให้เราสามารถดูแลสุขภาพท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด
อาหารที่คนท้องเสียไม่ควรกิน
เมื่อเรามีอาการท้องเสีย การเลือกที่จะกินอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจอย่างมาก เพราะอาหารบางชนิดอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ขึ้นหรือทำให้มีอาการแสดงอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามตัว ดังนั้น ขอแนะนำท้องเสียห้ามกินอะไร ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเรามีอาการท้องเสียดังนี้
- อาหารที่เป็นกรดและอาหารรสเผ็ด เช่น ยำ ส้มตำ อาหารที่มีส่วนผสมของพริกแกง รวมถึงผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้ม สับปะรด หรือมะนาวด้วย เนื่องจากอาหารที่เป็นกรดและอาหารรสเผ็ดอาจทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เกิดการระคายเคือง และส่งผลให้ลำไส้เกิดการหดตัวเพิ่มมากขึ้นได้
- อาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช การกินอาหารที่มีใยอาหารสูงอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียที่รุนแรงขึ้นได้ เพราะอุจจาระอาจกระชับหรือจับตัวเป็นก้อนมากขึ้น ดังนั้น ในเวลาท้องเสียควรเลือกกินอาหารที่มีใยอาหารต่ำมากกว่าเพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการท้องเสียได้
- อาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น หัวหอม พริก พืชตระกูลถั่ว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รวมถึงผักตระกูลกะหล่ำอย่างกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หรือบรอกโคลี เนื่องจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหารจะทำให้ลำไส้เกิดการบีบตัวมากขึ้น และอาจส่งผลให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่แย่ลงได้
- อาหารที่มีไขมันในปริมาณมาก เช่น อาหารทอด เพิ่มเข้าไปจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องเสียได้
- อาหารที่ระบุว่าปราศจากน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม หรือหมากฝรั่ง ที่อาจมีคำว่าปราศจากน้ำตาล หรือ Sugar-Free บนฉลาก ซึ่งสารให้ความหวานบางชนิดจะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย จึงอาจส่งผลให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่แย่ลงได้
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำอัดลม เนื่องจากอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และกระตุ้นการทำงานของลำไส้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก ซึ่งอาจย่อยได้ยากเมื่อท้องเสียด้วย
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย ชีส ไอศกรีม เพราะผลิตภัณฑ์จากนมจะมีน้ำตาลแลคโตสเป็นส่วนประกอบ ซึ่งในขณะที่ท้องเสียร่างกายจะสามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้น้อยลง จึงอาจส่งผลให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ หรือทำให้อาการท้องเสียที่เป็นอยู่แย่ลงได้
วิธีการดูแลตนเองเมื่ออาหารเป็นพิษ
เมื่อเราพบว่าอาหารที่ทานเป็นพิษ การดูแลตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เราสามารถดูแลและรักษาอาการได้ดังนี้
- การให้รักษาตามอาการ มักจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยให้รักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น ดื่มน้ำเกลือแร่ ORS เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ และรับประทานยาแก้คลื่นไส้
- การเลือกอาหารที่เหมาะสม งดอาหารเผ็ด-เปรี้ยวจัด และอาหารประเภทนม ผลไม้ อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ และอาหารหมักดอง แทนด้วยอาหารปรุงสุกและทานอาหารเหลวที่ย่อยง่าย
- การดื่มน้ำเพิ่มเติม ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอและช่วยล้างพิษออกจากร่างกาย
- การพักผ่อนให้มากขึ้นและงดการทำกิจกรรมหนัก เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสฟื้นตัวและต่อสู้กับอาการที่เกิดขึ้นได้
หากพบว่าอาการไม่ดีขึ้น มีอาการท้องร่วงรุนแรง หรือมีไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาเพิ่มเติม
วิธีหลีกเลี่ยงอาการท้องเสีย
เมื่อเราต้องการป้องกันอาการท้องเสีย เราสามารถหลีกเลี่ยงหรือท้องเสียห้ามกินอะไร ทำได้โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
- ลดการทานอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด หรือ เปรี้ยวจัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเสาะท้อง และป้องกันอาการท้องเสีย
- ลดการทานอาหารหมักดอง อาหารหมักดองมักมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นควรลดการทานหรือหลีกเลี่ยงไปเลย
- เลือกทานอาหารจากร้านอาหารที่มีมาตรฐานความสะอาดและปรุงอาหารให้สุก 100% ก่อนทานเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากอาหารที่ไม่สะอาด
- ไม่ทานอาหารที่ปรุงสุกข้ามวัน และเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ไม่เย็นมากเกินไป เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย
- ไม่ทานอาหารมากเกินไปในครั้งเดียว เช่น การทานบุฟเฟ่ต์ หรือการอดอาหารมื้อหนึ่งแล้วมาทานมื้อหนึ่งอีกมากขึ้น ควรเปลี่ยนมาทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยขึ้นเพื่อลดความกดของกระเพาะอาหาร และช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน และไม่ควรรีบกินเร็วเกินไป เพื่อป้องกันการกระตุ้นกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ทำงานหนักเกินไปทำให้เกิดอาการท้องอืด และอาหารไม่ย่อยได้
วิธีการดูแลตนเองเมื่ออาหารเป็นพิษ
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษและไอเป็นเลือดเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้จักปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถผ่านวันที่ไม่สะดวกนี้ไปได้อย่างสบายใจ ดังนั้น ข้าพเจ้าจะแนะนำวิธีการดูแลตนเองในกรณีที่มีอาการอาหารเป็นพิษอย่างเห็นได้ชัดต่อไปนี้
- รักษาตามอาการ อาการจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยมักจะคลี่คลายลงเอง แต่ในระหว่างรอช่วงเวลานั้น ควรรักษาตามอาการโดยเฉพาะ เช่น ในกรณีท้องเสียควรดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ และรับประทานยาแก้คลื่นไส้ตามที่แพทย์แนะนำ
- การรับประทานอาหาร งดอาหารเผ็ด-เปรี้ยวจัด และอาหารที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้อาการแย่ลง เช่น อาหารประเภทนม ผลไม้ที่กรอบหรือดิบ และอาหารที่หมักดอง เมื่อรับประทานอาหารควรเลือกอาหารปรุงสุกและอาหารเหลวที่ย่อยง่าย เพื่อลดภาระที่ต้องทำงานของกระเพาะอาหาร
- การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยล้างพิษออกจากร่างกายและป้องกันภาวะขาดน้ำ
- การพักผ่อน หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนักและให้ร่างกายพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- หากมีอาการท้องร่วงรุนแรงหรือมีไข้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
ควรกินอาหารอะไรบ้าง หลังจากหยุดกิน 2-4 ชั่วโมง
- ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊ก และควรให้รสชาติของอาหารเป็นจืด อาทิเช่น ขนมปังเปล่าโดยไม่ทาแยม เนย หรือนม
- อาหารในกลุ่ม B-R-A-T เหมาะสำหรับคนที่มีอาการท้องเสีย ประกอบไปด้วย Banana (กล้วย) Rice (ข้าว) Apple (แอปเปิล) และ Toast (ขนมปังปิ้ง) ซึ่งเป็นอาหารที่เป็นมิตรต่อทางเดินอาหารและช่วยในการปรับสมดุลของเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร
- การรับประทานโยเกิร์ตก็เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากมีแบคทีเรียในโยเกิร์ตที่ช่วยปรับสมดุลทางเดินอาหาร และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
บทสรุป
เมื่อคุณรู้แล้วว่าท้องเสียห้ามกินอะไร คุณจะสามารถเลือกกินอาหารในระหว่างที่ท้องเสียได้อย่างเหมาะสมได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ท้องเสียควรรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ และกินบ่อย ๆ แทนการกินอาหารมื้อใหญ่ในคราวเดียว นอกจากนี้ยังควรดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ พร้อมทั้งให้ร่างกายพักผ่อนเพียงพอ เพื่อช่วยให้อาการท้องเสียดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย