อันตรายของ “ยาลดความอ้วน” วิธีลดน้ำหนักทางลัดต้องระวัง!

อันตราย ยาลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วน

‘โรคอ้วน’ ภาวะน้ำหนักตัวเกิน ส่งผลเสียต่อสุขภาพ!

ความอ้วนเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดปัญหาสำคัญต่อสุขภาพ ที่พบได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในสภาวะสังคมปัจจุบัน ซึ่งเกิดมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดภาวะความอ้วนได้ ทั้งจากพฤติกรรมการกิน การรับประทานอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกาย รับประทานอาหารจุกจิก หลายมื้อ หรือรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง การมีวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่มีกิจกรรมทางกายลดลง หันไปใช้เครื่องอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตมากขึ้น

เช่น การใช้บันไดเลื่อนหรือลิฟท์แทนการขึ้นบันได การใช้ยานพาหนะ ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์เพื่อเดินทางแทนการใช้จักรยานและการเดิน เป็นต้น รวมไปถึงการขาดเอาใจใส่ในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ร่างกายเกิดภาวะอ้วนได้

ยาลดความอ้วน กับ โยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect)

โดยภาวะอ้วนนี้สามารถเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย ทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานและวัยสูงอายุ ซึ่งการเกิดภาวะอ้วนในวัยรุ่นและวัยทำงาน หนุ่มๆสาวๆ ในวัยดังกล่าวบางคนแทนที่จะหาวิธีลดความอ้วนด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หันมาออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ แต่กลับเลือกใช้วิธีอดอาหาร หนักสุดบางรายเลือกใช้วิธีลดความอ้วนทางลัดหันไปใช้ยาลดความอ้วน ทำให้น้ำหนักลดได้จริงในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็เกิด โยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect) น้ำหนักที่เคยลดกลับเด้งขึ้นมามากกว่าตอนที่จะเริ่มลดน้ำหนักเสียอีก

และสำหรับคนที่ใช้ยาลดความอ้วนก็ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายอย่างใหญ่หลวง จนบางคนเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิตได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังจะพยายามลดน้ำหนัก วันนี้เราจะนำเสนอบทความเกี่ยวกับอันตรายอันเกิดจากการใช้ยาลดความอ้วน และขอแนะนำวิธีการลดความอ้วนที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อให้ทุกท่านนำไปประยุกต์ใช้ในการลดความอ้วนกันค่ะ

อ่านเพิ่มเติม : 

วิธีแก้อาการ 'โยโย่เอฟเฟกต์'
อันตราย ยาลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วน

ยาลดความอ้วนคืออะไร?
อันตรายจากยาลดความอ้วนมีอะไรบ้าง?

ยาลดความอ้วนที่มีขายทั่วไปตามสื่อโซเชี่ยล ตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือคลินิกที่ไม่ได้รับการรับรอง อาจจะมีการใช้ส่วนผสมที่เป็นสารที่มีอันตราย มีส่วนผสมของยาหลายๆ ตัว ซึ่งมีผลเสียต่อร่างกายของเรา เนื่องจากผู้ผลิตหรือผู้ขายต้องการที่จะให้ยาลดความอ้วนมีประสิทธิภาพเห็นผลรวดเร็ว น้ำหนักลดได้รวดเร็ว แต่ผู้ผลิตหรือผู้ขายเองไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา ซึ่งสารที่มักจะพบในยาลดน้ำหนักและมีอันตรายได้แก่

1. ยาไซบูทรามีน (sibutramine)

เป็นยาที่ออกฤทธ์ต่อระบบประสาทลดความอยากอาหาร ทำให้เบื่ออาหารปัจจุบันถูกถอนจากทะเบียนยาและไม่อนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว เนื่องจากมีผลวิจัยที่ชัดเจนแล้วว่าผู้ที่ได้รับสารไซบูทรามีนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดสมองเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังคงมีการตรวจพบว่ามีการลักลอบใส่ไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณในการลดน้ำหนัก ซึ่งมีรายงานการเกิดอันตรายรุนแรงต่อผู้บริโภค ถึงขั้นเสียชีวิต

2. ยาเฟนเทอร์มีน (phentermine)

ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสารแอมเฟตามีน ออกฤทธิ์ต่อสมองกระตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่ม ทำให้ลดความอยากอาหารและเกิดการเบื่ออาหารได้ มีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ปากและคอแห้ง ใจสั่น นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งยาเฟนเทอร์มีนนี้มีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคอ้วนโดยตรง แต่ให้ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น

เช่น ไม่ควรใช้เกิน 3-6 เดือน และหากรับประทานยาลดความอ้วนกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการติดยาได้ เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้เคลิ้มมีความสุข และถ้าหากหยุดยาทันทีทันใด อาจเกิดภาวะถอนยาได้ อาการถอนยาดังกล่าวได้แก่ สับสน หวาดระแวง ประสาทหลอน เป็นต้น ยากลุ่มนี้จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

3. ยาระบายบิสซาโคดิล (Bisacodyl) และ ยาขับปัสสาวะฟูโรซีไมด์ (Furosemide)

เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้าและอาการในกลุ่มวิตกกังวล มีผลในการช่วยทำให้ไม่อยากอาหาร แต่มีผลข้างเคียง คือทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่

อันตราย ยาลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วน

4. ไทรอยด์ฮอร์โมน

เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ ซึ่งยามีผลเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลงเร็ว โดยยากลุ่มนี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง

เช่น น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่ลดลงที่เกิดจากน้ำหนักตัวที่ปราศจากไขมัน (lean body mass) แทนที่จะเป็นไขมัน ซึ่งเป็นการทำลายโปรตีนของกล้ามเนื้อ มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ เช่น ทำให้ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น

5. ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร

ยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลดความอยากอาหารที่มีผลทำให้ไม่หิว ดังนั้นร่างกายจึงไม่ได้รับอาหารหรืออาจได้รับอาหารเพียงเล็กน้อย ซึ่งการที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารแต่ยังมีกรดในกระเพาะอาหารหลั่งเพื่อย่อยอาหารอยู่ อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคกระเพาะได้ จึงให้ยานี้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

6. ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ

เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol) ปกติจะใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ การใช้ร่วมกับยาชุดลดความอ้วนนั้น เพื่อลดอาการใจสั่นที่เป็นผลข้างเคียงของยาลดความอยากอาหาร และไทรอยด์ฮอร์โมน ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาลดอัตราการเต้นของหัวใจได้แก่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น

7. ยานอนหลับหรือยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงทำให้ง่วงนอน

เช่น ไดอะซีแพม (Diazepam) ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากยาลดความอยากอาหารซึ่งกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งยาในกลุ่มยานอนหลับนี้ยังจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2

ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ นอกจากนี้หากรับประทานยากลุ่มนี้ในขนาดที่สูงเกินไป อาจมีผลทำให้เกิดการกดการหายใจและความดันโลหิตต่ำได้

จะเห็นได้ว่ายาชุดลดความอ้วนดังกล่าว ประกอบด้วยยาที่มีผลลดน้ำหนักโดยตรงและยาอื่นๆ ที่ไม่มีผลลดน้ำหนักโดยตรง แต่เป็นยารักษาโรคอื่นที่นำมาใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาลดความอ้วน แต่กลับส่งผลให้ได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงมากมาย ดังนั้นการหาซื้อยาลดความอ้วนมาใช้เองโดยที่ไม่มีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด อาจส่งผลเสียต่อร่างกายต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

อยากลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน! ทำอย่างไรดี?

ในปัจจุบันหลายคนหันมาให้ความสนใจรูปร่างและสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร, ออกกำลังกาย รวมถึงการทำศัลยกรรมความงาม เพราะมีแพทย์ให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยกว่า การทานยาลดน้ำหนัก

ลดสัดส่วนด้วยการดูดไขมัน 

ดูดไขมัน เป็นการเอาไขมันสะสมที่เป็นส่วนเกินออกในบางบริเวณของร่างกาย เช่น มีไขมันหน้าท้อง มีพุงหมาน้อย สามารถดูดไขมันหน้าท้องให้แบนเรียบได้ , ต้นขาใหญ่มาก ดูดไขมันเหมาขา ก็จะทำให้ขาเรียว ฯลฯ แต่การดูดไขมันนั้นมีจุดประสงค์เพื่อลดสัดส่วน ปรับรูปร่างให้เข้ารูปสวยงามเฉพาะส่วน เพิ่มความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าและการใช้ชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่การลดน้ำหนัก

การดูดไขมันในปัจจุบันก็ไม่น่ากลัวและไม่เจ็บอย่างที่คิด เพราะมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นที่น่าพอใจในเวลาเร่งด่วน ดูดไขมันเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น 

อ่านเพิ่มเติม :

ดูดไขมันเจ็บไหม? แผลดูดไขมันอยู่ตรงไหน? ดูดไขมันแล้วน้ำหนักลดลงไหม?

ลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน

ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน เหมาะกับคนที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน เป็นโรคอ้วน ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยตัวเองได้ หรือมีโรคแทรกซ้อนจากความอ้วนร่วมด้วย ซึ่งการดูดไขมันอาจไม่ตอบโจทย์ แพทย์อาจจะแนะนำการ ‘ผ่าตัดกระเพาะ’ แทน เพราะให้ผลลัพธ์คือ ได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ รวมถึงลดอาการหรือโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความอ้วนได้อีกด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น

ในปัจจุบันการผ่าตัดกระเพาะมีหลายวิธี ทั้ง ผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (ตัดกระเพาะอย่างเดียว), บายพาส (ตัดกระเพาะร่วมกับตัดต่อลำไส้), การเย็บกระเพาะแบบส่องกล้อง, single port ผ่าตัดกระเพาะแผลหน้าท้องรูเดียว, การใส่บอลลูนกระเพาะอาหาร แต่ละวิธีนั้นจะมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน คนที่สนใจผ่าตัดกระเพาะ จะต้องได้รับคำแนะนำและปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญก่อนเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์ผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก ที่สามารถทำได้ทุกวิธี รักษาโดยทีมแพทย์ศัลยศาสตร์ส่องกล้อง และผ่าตัดกระเพาะรักษาโรคอ้วน จากสหรัฐอเมริกา ประสบการณ์กว่า 30 ปี ทำการรักษาในโรงพยาบาลชั้นนำมาตรฐานสากล พร้อมด้วยเทคนิคเฉพาะที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจนและปลอยภัย

อ่านเพิ่มเติม :

ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วน หยุดหายใจขณะหลับ (SLEEP APNEA) ร่วมกับนอนกรน
มั่นใจในมาตรฐาน ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ (ฺBest Bariatric Surgery in thailand)
ผ่าตัดกระเพาะ รักษาโรคอ้วน ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลชั้นนำ เครือ BDMS
ผ่าตัดกระเพาะ รักษาโรคอ้วน ลดน้ำหนักที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ติดตามผลหลังการรักษาทุกเคส

ดังนั้นการลดน้ำหนักที่ดีและปลอดภัย คือ การควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย อีกทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารร่วมด้วย ซึ่งถึงแม้การใช้ยาลดความอ้วนจะเป็นวิธีเห็นผลเร็ว น้ำหนักลดลงได้เร็วก็จริง แต่หากไม่ได้มีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย เมื่อหยุดยาลดความอ้วนน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดิมได้ อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้หากใช้ยาในขนาดที่สูงเกินไป ดังนั้นหากต้องการใช้ยาลดความอ้วน ควรปรึกษาแพทย์และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการใช้ยาได้มากที่สุด      

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาแพทย์
ผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพท์

086-570-7040
CTA Lipo 2
CTA Lipo 1
QR code surgery

สแกน QR Code เพื่อแอดไลน์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า