ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 (Covid-19 Antibody Level Test) หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับประเด็นนี้กันว่า คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร? จำเป็นต้องตรวจหรือไม่? ไปหาคำตอบกัน
สารบัญ
1. ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 (Covid-19 Antibody Level Test) คืออะไร?
2. ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 มีกี่ประเภท
- การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด ด้วยวิธี CMIA
- การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด ด้วยวิธี ELISA
- การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด ด้วยวิธี PRNT
3. ข้อดีของการตรวจภูมิคุ้มกันโควิ-19
4. ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด สามารถตรวจได้ตอนไหนบ้าง?
5. ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 มีขั้นตอนอย่างไร? และใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะทราบผล?
6. เมื่อตรวจแล้วพบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันโควิด-19 สูงดีอย่างไร?
7. หลังได้รับการฉีดวัคซีน ระดับภูมิคุ้มกันโควิด-19 หรือแอนติบอดี จะขึ้นทันทีเลยหรือไม่?
8. คำถามที่พบบ่อย การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 คืออะไร?
เป็นการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดีต่อเชื้อ SARS-CoV2 (COVID-19) ในร่างกาย ก่อน/หลังการฉีดวัคซีน หรือหลังการติดเชื้อโควิด-19 ว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากร่างกายมีการสร้างภูมิหรือมีระดับของภูมิต้านทานที่มากเพียงพอ ก็สามารถช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโควิด และความรุนแรงของโรค รวมถึงลดความเสี่ยงการเสียชีวิตลงได้
การตรวจภูมินี้ไม่สามารถสร้างหรือเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้ ภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีจะเพิ่มก็ต่อเมื่อร่างกายเกิดการสร้างขึ้นมาตามธรรมชาติ หรือได้รับการฉีดวัคซีนเข้าไปกระตุ้น อีกทั้งการตรวจภูมิคุ้มกันโควิดไม่ใช่การตรวจหาเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด หากอยากตรวจหาเชื้อ Covid-19 โดยตรงจะต้องใช้วิธีการตรวจแบบ RT-PCR หรือ Rapid Antigen Test (ATK) เป็นการสวอปโพรงจมูก หรือลำคอเท่านั้น
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 มีกี่ประเภท
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 หรือ ตรวจหาแอนติบอดีต่อสไปค์โปรตีนของเชื้อไวรัสโควิด-19 (spike protein หรือ s-protien) มี 2 ประเภท คือ
- Binding Antibody : ตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 หรือ แอนติบอดีที่จับกับโปรตีนแอนติเจนของเชื้อไวรัส (Spike Protein) ที่ร่างกายสร้างขึ้นภายหลังการติดเชื้อ หรือการฉีดวัคซีน สามารถด้วย 2 วิธีคือ CMIA (ตรวจหาค่า IgG) หรือ ELISA (ตรวจหาค่า IgG และ IgM)
- Neutralizing Antibody : เป็นการตรวจภูมิคุ้มกัน หรือ แอนติบอดี ที่สามารถลบล้างฤทธิ์ของเชื้อไวรัส ทดสอบความสามารถของแอนติบอดีในการยับยั้งไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์โดยการเจาะเลือดและนำเข้าสู่กระบวนการ ปั่น-เพาะเชื้อ-วิเคราะห์ผล ทำภายในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับสูง หรือที่เรียกว่า Plaque Reduction Neutrazation (PRNT)
*Spike Protien หรือ โปรตีนหนาม ของไวรัสโควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งที่มีความจำเพาะของเชื้อไวรัส ใช้จับกับตัวรับบนผิวเซลล์ของร่างกาย (RBD = Receptor Binding Domain)
การ ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 ด้วยวิธี CMIA
วิธีการตรวจแบบ CMIA หรือ Chemiluminescent Microparticle Immunoassay เป็นประเภท Binding Antibody คือการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดี ชนิด IgG (ภูมิคุ้มกันระยะยาว) ต่อ Spike Protien ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงปริมาณ ต่อการตอบสนองหลังการฉีดวัคซีน โดยการเจาะเลือดและส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการ เพื่อหาค่าระดับของภูมิคุ้มกัน โดยรายงานผลเป็นหน่วย AU/mL ซึ่งวิธี CMIA เป็นหนึ่งในวิธีที่นิยม ให้ผลลัพธ์แม่นยำ ได้มาตรฐานของ WHO อีกทั้งเป็นวิธีที่ รพ.ศิริราช นำมาทดสอบหาภูมิ รวมถึงในงานวิจัยต่างประเทศด้วย
การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด ด้วยวิธี CMIA สามารถตรวจวัดระดับแอนติบอดีได้ละเอียดกว่าการตรวจด้วย ชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Diagnostic Test) ที่เป็นการตรวจแบบเชิงคุณภาพ บนตลับจะแสดงผลแค่ Positive = พบภูมิคุ้มกัน หรือ Negative = ไม่พบภูมิคุ้มกัน หรือบางยี่ห้อบอกผลตรวจแบบแถบรวม (Total Antibody) เท่านั้น
การอ่านค่าผลตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 วิธี CMIA
การตรวจภูมิคุ้มกันด้วยวิธี CMIA จะรายงานผลเป็นหน่วย AU/mL ซึ่งอ่านค่าได้ดังนี้
- ปริมาณ IgG มากกว่าหรือเท่ากับ 50 AU/mL แปลว่า มีการตอบสนองหรือมีการสร้างของระบบภูมิต้านทานต่อ Spike Protein ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ วันที่ตรวจวิเคราะห์
- ปริมาณ IgG น้อยกว่า 50 AU /mL แปลว่า ยังไม่มีการตอบสนอง หรือยังไม่มีการสร้างระบบภูมิต้านทาน ณ วันที่ตรวจวิเคราะห์
การ ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 ด้วยวิธี ELISA
วิธีการตรวจแบบ ELISA เป็นประเภท Binding Antibody เช่นเดียวกันกับ CMIA คือการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิดเชิงปริมาณ แต่จะเป็นการตรวจวัดระดับแอนติบอดีรวม (ชนิด IgG’ และ igM) ต่อ Spike Protien ของเชื้อไวรัสโควิด-19 และรายงานผลเป็นหน่วย U/mL (เป็นวิธีที่ รพ.จุฬา นำมาทดสอบหาภูมิ)
การอ่านค่าผลตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 วิธี ELISA
การตรวจภูมิคุ้มกันด้วยวิธี ELISA จะรายงานผลเป็นหน่วย U/mL ซึ่งอ่านค่าได้ดังนี้
- ปริมาณ igG < 1.0 U/mL แปลว่า ยังไม่มีการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ณ วันที่ตรวจวิเคราะห์
- ปริมาณ igG ≥ 1.0 U/mL แปลว่า มีการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อ Spike Protein ณ วันที่ตรวจวิเคราะห์
การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด ด้วยวิธี PRNT
การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 หรือหาแอนติบอดี้ต่อสไปค์โปรตีน ด้วยวิธี PRNT หรือ Plaque Reduction Neutrazation เป็นการตรวจประเภท Neutralizing Antibody คือการลบล้างฤทธิ์ของไวรัส ซึ่งจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าแบบ CMIA และ ECLIA เนื่องจากต้องนำเลือดไปเข้ากระบวนการ ปั่น เพาะเชื้อ จำลองไวรัสขึ้นมาให้คล้ายกับไวรัสโควิด (pVNT) แล้วดูว่าสามารถลบล้างไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ที่เพาะเลี้ยงได้ในระดับใด และจะต้องทำในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยที่มีความปลอดภัยสูงระดับ 3 (BSL 3)
ข้อดีของการตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันโควิด-19
- เพื่อวินิจฉัยว่าเคยติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่และติดมานานหรือยัง ในกรณีที่ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิดมาก่อน แต่วิธีนี้อาจจะทำให้วินิจฉัยโรคได้ช้ากว่าการตรวจแบบ ATK หรือ RT-PCR วิธีนี้จึงไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ก็ยังมีประโยชน์ในบางกรณี
- ติดตามระดับภูมิต้านทานโควิด-19 หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เพื่อหาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับ
- เพื่อให้ทราบว่าร่างกายมีการตอบสนองต่อวัคซีนที่ได้รับดีมากน้อยเพียงใด และนำไปวางแผนการรับวัคซีนเข็มที่สามต่อไป
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด สามารถตรวจได้ตอนไหนบ้าง?
- ก่อนการฉีดวัคซีน : เป็นการตรวจเช็คเบื้องต้น ในกรณีสงสัยว่าตนเองติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ หรืออาจมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติแล้วว่ามีปริมาณมากน้อยแค่ไหน
- หลังการฉีดวัคซีน : ต้องการตรวจเช็คระดับภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดีภายในร่างกายว่ามีปริมาณเท่าไหร่ โดยสามารถตรวจหาภูมิตอบสนองหลังฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สองแล้ว 2-4 สัปดาห์ แต่เพื่อให้ระบบภูมิตอบสนองทำงานได้อย่างเต็มที่ แนะนำให้ตรวจหลังฉีดวัคซีนเข็มที่สองไปแล้วประมาณ 4 สัปดาห์
- หลังการติดเชื้อโควิด-19 : ต้องการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี ในกรณีเคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว (1 เดือน) หรือในกรณีสงสัยว่าตนเองได้รับเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 มีขั้นตอนอย่างไร? และใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะทราบผล?
การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 จะเป็นการเจาะเลือดและส่งไปยังห้องปฏิบัติการ เพื่อทำการตรวจหาภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้เชิงลึก ซึ่งใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30 นาที (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ส่วนระยะเวลาที่ผลตรวจออกนั้น จะขึ้นอยู่กับว่าตรวจด้วยวิธีไหน? หากตรวจเชิงปริมาณแบบ CMIA หรือ ELICIA ก็จะทราบผลไม่เกิน 24 ชม. ส่วนการตรวจแบบ PRNT ที่เป็นการตรวจเชิงคุณภาพจะใช้เวลานานกว่า ทราบผลตรวจไม่เกิน 7 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแลปที่ส่งตรวจด้วย หากที่ผู้ใช้บริการเยอะก็จะทราบผลช้ากว่าปกติเล็กน้อย
เมื่อตรวจแล้วพบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันโควิด-19 สูงดีอย่างไร?
เมื่อตรวจแล้วพบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันโควิด-19 (Covid-19)ในปริมาณที่สูงมากพอ ก็จะสามารถช่วยลดโอกาสและลดความรุนแรง รวมถึงการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ แต่หากหลังการตรวจภูมิแล้วพบว่า ระดับภูมิคุ้มกันมีปริมาณที่น้อย อาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น สุขภาพไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อน การรับประทานยาบางชนิด มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น จึงทำให้การตอบสนองภูมิคุ้มกันระดับเซลล์หลังการฉีดวัคซีนทำงานได้ไม่ดีพอ
หลังได้รับการฉีดวัคซีน ระดับภูมิคุ้มกันโควิด-19 หรือแอนติบอดี จะขึ้นทันทีเลยหรือไม่?
หลังได้รับการฉีดวัคซีน ระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายจะไม่ขึ้นโดยทันที แต่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลังการฉีดวัคซีนประมาณ 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ถ้าหากได้รับการวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 2 จะยิ่งทำให้เกิดการกระตุ้นของระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้น ข้อควรระวังก็คือถึงแม้หลังการตรวจจะพบว่ามีภูมิที่สูงขึ้น แต่ไม่ได้การันตีว่าจะป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ยังสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้ เพียงแต่อาการจะไม่หนักเท่ากับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัดในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 คือการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด พกสเปรย์แอลกอฮอล์ และรักษาระยะห่าง ในระหว่างที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19
FAQ : คำถามที่พบบ่อย การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19
การตรวจภูมิคุ้มกันไม่จำเป็นต้องงดข้าวหรือน้ำ สามารถตรวจได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
- ขึ้นอยู่กับผู้ตรวจว่า ต้องการตรวจเช็คระดับแอนติบอดี้ในร่างกายว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใดหรือไม่
- เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนที่ได้รับดีหรือไม่ได้เช่นกัน
- เป็นการตรวจเช็คระดับภูมิคุ้มกัน โควิด-19 เพื่อที่จะวางแผนในการรับวัคซีนเข็มที่สามหรือรับวัคซีนเข็มใหม่เพิ่มเติม
การตรวจภูมิคุ้มกัน ควรตรวจหลังจากที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เดือน และไม่ควรนานเกิน 3 เดือน
ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ให้บริการ ว่าตรวจด้วยวิธีไหน ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกัน
การตรวจภูมิโควิด มีสถานที่ให้บริการอยู่หลายแห่ง ซึ่งที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ นั้น มีการตรวจภูมิโควิด ด้วยวิธี CMIA (ตรวจเชิงปริมาณ) และวิธี PRNT (ตรวจเชิงคุณภาพ) ซึ่งเป็นวิธีสากล ผลแม่นยำ และรู้ผลเร็ว โดยราคาอยู่ที่ 2,400 บาท
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์ (คุณหมอแต๋ม)
แพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวพรรณและเลเซอร์
เกียรตินิยมด้านเวชศาสตร์ความงามจาก American Academy of Aesthetic Medicine
ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี