ถั่งเช่า จักรพรรดิเบอร์หนึ่งแห่งเมืองจีน

พูดถึงสมุนไพรหลาย ๆ คนก็อาจจะนึกถึงสมุนไพรไทยอย่าง ว่าน ขมิ้น รวมถึงสมุนไพรอื่น ๆ แต่วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับสมุนไพรที่มีชื่อว่า ถั่งเช่า ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ก่อนเป็นพืชนั้นเป็นหนอนชนิดหนึ่งมาก่อน น่าสนใจใช่ไหม เราไปหาคำตอบและรู้จักกับถั่งเช่าให้มากขึ้นกันดีกว่า

สารบัญ

1. รู้จักกับถั่งเช่า
2. ทำไมถั่งเช่าถึงมีราคาแพง
3. ถั่งเช่ากับทางการเกษตร
4. ประโยชน์ของถั่งเช่า
5. ถั่งเช่ากับกาแฟ ไม่ควรทานร่วมกัน
6. ถั่งเช่าน้ำ หรือ ถั่งเช่าเม็ด
7. ถั่งเช่ากับการแข่งขันกีฬา
8. วิธีเลือกถังเช่าแบบแคปซูล ต้องดูอะไรบ้าง
9. ทานถั่งเช่าต้องระวังอะไรบ้าง
10. ถั่งเช่ากับวิถีกลลวงโลก

รู้จักกับ ถั่งเช่า

วัฏจักรหรือวงจรของมันต้องผ่านการผสมผสานโดยบังเอิญระหว่างพืชและสัตว์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าน่าอัศจรรย์มากๆ ในช่วงฤดูหนาวบนเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีน ทิเบต เนปาลและภูฏาน มีตัวอ่อนของหนอนชนิดหนึ่งอาศัยอยู่บนหิมะ ในช่วงที่น้ำแข็งเริ่มใกล้ละลายก็มีเห็ดอีกชนิดปรากฏขึ้น ปล่อยสปอร์กระจัดกระจายไปทั่วเพื่อขยายพันธุ์ ทำให้หนอนเลือกกินเป็นอาหาร

เมื่อถึงฤดูร้อนสปอร์ของเห็ดก็ถือโอกาสเจริญเติบโตด้วยการดูดน้ำ แร่ธาตุและสารอาหารจากหนอน โดยธรรมชาติแล้วเห็ดต้องการแสงแดดเพื่อการเจริญเติบโตมันเลยงอกออกมาทางปากของหนอน ในที่สุดก็กลายมาเป็นถั่งเช่าที่มีส่วนผสมเป็นหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเอง

ทำไมถั่งเช่า ถึงมีราคาแพง

จากผลงานการวิจัย ถั่งเช่ามีสารสำคัญในการช่วยออกฤทธิ์ในการทำงานของเม็ดเลือดขาวการฆ่าเชื้อมะเร็งและไวรัส ช่วยลดความหนืดของเลือดทำให้เลือดไหลเวียนดี

เมื่อระบบไหลเวียนคล่องตัว เลือดก็นำส่งออกซิเจนไปให้กับอวัยวะอื่นๆ ได้ดี มีพลังในการซ่อมแซมอวัยวะไม่ว่าจะเป็น หัวใจ ไต และสมอง ที่ล้วนแล้วก็เป็นอวัยวะสำคัญในการไหลเวียนเลือดให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายรับมือกับปัญหาสุขภาพได้ นอกจากนี้ก็ยังมีการวิจัยออกมารองรับอยู่เรื่อย ๆ ถั่งเช่าก็เลยมีราคาที่แพงและสูงขึ้น

กลับสู่สารบัญ

ถั่งเช่า กับทางการเกษตร

ในโลกที่ไม่หยุดหมุนก็ได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นตัวช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทางการเกษตรด้วย โดยการใช้หนอนไหมที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกมาก ในราคาต้นทุนที่ต่ำลงมาถึง 30 เท่า ผู้เชี่ยวชาญด้านหนอนไหมเล่าว่าการสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัวที่มีแล้วนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกคนควรจะมี

ประเทศไทยมีทรัพยากรไหมอยู่เป็นจำนวนมากจนเรียกได้ว่าเหลือทิ้ง การจะปล่อยผ่านไปก็จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย จึงคิดหาวิธีเพิ่มคุณค่าให้กับพวกมัน บวกกับการเห็นสัตว์ทุกวันนี้ต้องมาป่วยสารพัดโรค เกษตรกรต้องพึ่งพาการใช้ยาปฏิชีวนะและฮอร์โมน จึงได้ฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์ใกล้ตัวที่เผชิญอยู่จนได้ออกมาเป็นถังเช่าอาหารเสริมสำหรับสัตว์

ด้วยเหตุผลหากเราสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับสัตว์ได้เกษตรกรก็จะใช้สารเคมีน้อยลงสารตกค้างในเนื้อสัตว์ก็น้อยลงตามไปด้วยซึ่งถือเป็นการช่วยโอบอุ้มสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ไปในตัว

ประโยชน์ของ ถั่งเช่า

ข้อดีของถั่งเช่าเลย คือ ถั่งเช่าเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารที่มีคุณประโยชน์มากกว่า 20 ชนิด หลัก ๆ สารสำคัญก็จะมี Cordycepin Adenosine Cordycepic acid และพวก Polysaccharide เนื่องจากมีสารสำคัญพิเศษอยู่หลายตัวก็เลยทำให้ถั่งเช่ามีสรรพคุณที่ช่วยเรื่องของสุขภาพอยู่หลายเรื่อง ประโยชน์ของถั่งเช่าซึ่งมีรายงานการวิจัย ดังนี้

1.มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง

ช่วยลด TNF alpha หรือตัวก่อมะเร็งไม่ให้เกิดขึ้น ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่เป็นนักฆ่าธรรมชาติที่ชื่อว่า Natural Killer Cell

นี่เป็นประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของถั่งเช่าที่ช่วยในการป้องกันมะเร็ง เพราะทำให้เม็ดเลือดขาวไล่ฆ่าเซลล์เนื้องอกได้ไวกว่าเดิม

2.กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ช่วยลดหรือต้านการอักเสบ ในทางการแพทย์เรียกว่า Interleukin 6 และ Interleukin 10 ที่เป็นสารสื่อกลางส่งสัญญาณระหว่างเม็ดเลือดขาวที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

3.ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ช่วยการทำงานของอินซูลินให้ทำงานได้ดีขึ้น อ่านเรื่อง สมุนไพรต้านเบาหวานเพิ่มเติม ที่นี่

4.ฟื้นฟูในการทำงานของไต

ทำให้คนไข้ที่เป็นเบาหวาน น้ำตาลจะลด ไตจะดีการปัสสาวะจะคลอง เนื้อไตกลับมาทำงานดีขึ้น กรณีโรคเบาหวานสามารถช่วยเพิ่มเบต้าเซลล์ให้กับตับอ่อนได้ ทำให้การจับตัวของน้ำตาลดีขึ้น น้ำตาลก็ลด

อ่านบทความเพิ่มเติม

8 สมุนไพรแก้เบาหวาน แก้ได้ก็ไกลเสี่ยง

กลับสู่สารบัญ

ประโยชน์ของถั่งเช่า ในด้านกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ

นับว่าเป็นอีกชื่อที่คนจีนเขาเรียกกันว่า ‘ไวอาก้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย’ ก็คือยาปลุกสมรรถเพศ ซึ่งในยุโรปมีการวิจัยอยู่ไม่น้อยชิ้นเลยที่การรับประทาน ถั่งเช่า หรือ Cordyceps Sinensis สามารถช่วยเพิ่มสเปิร์มได้ถึง 300 เปอร์เซ็นต์

เพิ่มอารมณ์ทางเพศให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงได้ด้วย

เมื่อออกซิเจนเยอะ หลาย ๆ คนแอบสงสัยว่าจะออกฤทธิ์เหมือนยาไวอาก้าเลยไหม ซึ่งถั่วเช่าไม่ใช่ยากระตุ้นแต่เป็นตัวทำให้หลอดเลือดสูบฉีดได้มากขึ้น

เพราะฉะนั้นข้อดีของการเรียกว่าเป็นไวอาก้าไม่ใช่การกระตุ้นหัวใจแต่เป็นการทำให้ประสิทธิภาพของร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ฉะนั้นไม่ต้องกังวลความเสี่ยงในเรื่องหัวใจวายเลย

ถั่งเช่าสำหรับผู้หญิง

ช่วยในเรื่องของการมีบุตร ใช้เป็นตัวช่วยบำรุงระบบภายใน เช่น ประจำเดือน และฮอร์โมน

1. ป้องกันการเกิดไขมันชนิดเลว: ลดช่วยลดการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด

2. ต่อต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยลดโอกาสในการที่เซลล์ผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณปากมดลูก ปากมดลูกอักเสบและ เนื้องอก

คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ถั่งเช่า

ถั่งเช่ากับกาแฟ ไม่ควรทานร่วมกัน

ด้วย Polysaccharide เป็นสารช่วยให้ระบบภายในร่างกายและเซลล์ต่าง ๆ พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะไปแย้งกับ Caffeine ที่ไปช่วยให้ระบบประสาทตื่นตัว ซึ่งเป็นการทำงานที่สวนทางกันและทำให้ประสิทธิภาพของถั่งเช่าไม่เป็นผลดี

ถั่งเช่าน้ำ หรือ ถั่งเช่าเม็ด

โบราณจีนอธิบายไว้ว่า ส่วนมากแล้วการบำรุงรักษาด้วยยาหรืออาหารเสริมชนิดน้ำจุดเด่นเลย คือ ความเข้มข้นสูง รับประทานง่าย และดูดซึมที่ง่ายด้วย

ส่วนชนิดเม็ดหรือแบบสำเร็จรูปก็จะมีกระบวนการไม่ต่างกัน คือ ต้องต้ม และสกัดส่วนประกอบที่มีประโยชน์ออกมาทำให้เข้มข้นจากนั้นผสมแป้งเข้าเครื่องเพื่ออัดให้ขึ้นรูปและในที่สุดก็กลายเป็นเม็ดที่รับประทานง่าย พกพาสะดวกและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

ถั่งเช่ากับการแข่งขันกีฬา

เมื่อมีสาร Polysaccharide, Nucleotide และตัวออกฤทธิ์ที่มากมาย ทำให้มีส่วนของการฟอกออกซิเจน เมื่อฟอกออกซิเจนเยอะ เพิ่มเม็ดเลือดแดงได้เยอะ มีการขนส่งได้เยอะ ทำให้ถูกใช้ไปในทิศทางที่หลากหลาย เช่น การแข่งขันกีฬา เมื่อรับประทานทำให้ไม่เหนื่อย มีความฟิต มีกำลังวังชา มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี และ แข่งขันกีฬาได้มาก‘ถั่วเช่าชนิด

กลับสู่สารบัญ

วิธีเลือกถังเช่า แบบแคปซูล ต้องดูอะไรบ้าง

1.ส่วนประกอบ

ในส่วนประกอบควรที่จะมีวิตามินผสมอยู่ด้วย เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึม ยกตัวอย่างเช่น วิตามินซี ให้สังเกตว่าบางยี่ห้ออาจมีสารสำคัญมีวิตามินอยู่มากมายหลายชนิดมากเกินไป ถ้าดูดี ๆ แล้วปริมาณของถั่งเช่าไม่ได้เยอะยี่ห้อนี้ก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนที่จะทานถั่งเช่าเพื่อให้ได้ปริมาณของถั่งเช่าที่เยอะขึ้น

เพราะฉะนั้นต้องดูตามความเหมาะสมว่าถ้าต้องการทาน ถั่งเช่า ก็ควรจะเลือกยี่ห้อที่ผสมวิตามินหรือส่วนประกอบอื่นในปริมาณที่น้อย แต่เน้นไปที่ปริมาณของถังเช่า

2.ผู้ผลิต

ให้ดูว่ามีความน่าเชื่อถือหรือเปล่า โดยความน่าเชื่อถือเราก็จะดูว่ามีการได้รับรองมาตรฐานอะไรไหม มี GMP ไหม หรือมีISOไหม

3.แคปซูล

ในส่วนของแคปซูลให้ดู 2 ข้อด้วยกัน คือ

ข้อหนึ่ง : ให้ดูลักษณะของแคปซูลว่ามีการละลาย เยิ้ม เหนียวหรือไม่ ซึ่งจะบ่งบอกถึงการเก็บว่ามีการเก็บที่ดีมากพอไหม เพราะว่าบางที่เก็บไม่ดี อาจจะร้อนเกินไป ทำให้สูญเสียสารสำคัญได้

ข้อสอง :สำหรับผู้ที่รับประทานเจหรือนับถือศาสนาอิสลามก็ควรเลือกแคปซูลที่ทำมาจากพืช เพราะแคปซูลบางอย่างก็ทำมาจากสัตว์ที่ไม่มั่นใจว่าทำมาจากหมูหรือไม่

4.ได้รับเลขที่ อย.

เพื่อให้รู้ว่าได้รับการจดแจ้งอย่างถูกต้องและปลอดภัยจริง

ทานถั่งเช่า ต้องระวังอะไรบ้าง

1.ผู้ที่ทานยาลดน้ำตาล

ถังเช่ามีฤทธิ์ในการลดน้ำตาลเพราะฉะนั้นอาจไปเสริมกับยาทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจนเกินไปได้

2.ผู้ที่แพ้เห็ด

ถั่งเช่าก็จัดว่าเป็นเห็ดชนิดหนึ่งเสี่ยงได้รับอันตรายต่อชีวิต (กรณีที่แพ้รุนแรง)

3.ผู้ที่ทานยากดภูมิคุ้มกัน

เพราะว่า ถั่งเช่า มีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน

4.ผู้ที่ทานยาป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด

เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน เพราะถั่งเช่ามีฤทธิ์ในการต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดซึ่งอาจไปทำให้เลือดไหลหยุดช้าหรือเลือดไม่หยุดไหล

5.ผู้ที่ติดแอลกอฮอล์

สำหรับผู้ที่อยากจะให้คนใกล้ตัวมีสุขภาพที่ดีโดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อายุยังน้อย แต่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และรับประทานถั่งเช่าด้วย ซึ่งอาจจะทำให้การบำรุงนั้นไม่เห็นผลฤทธิ์ของถั่งเช่าก็ลดลงด้วย

6.ผู้หญิงตั้งครรภ์

โดยที่ทราบกันแล้วว่าในขณะตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานอาหารเสริม ซึ่งถั่งเช่าก็อาจเป็นอันตรายต่อตัวเด็กที่อยู่ในท้องได้

กลับสู่สารบัญ

ถั่งเช่า กับวิถีกลลวงโลก

แน่นอนว่าการจะรักสุขภาพต้องพบและเจอกับความเสี่ยงมากมายในการเลือก แต่จะเลือกให้ดีบางทีก็ดูยากจากการที่ราคาดีเป็นเหตุ

• ทำให้ได้มาแค่กากที่ผ่านการต้มแล้วมาขายต่อซ้ำ
• พบเจอถั่งเช่าที่มีสารปนเปื้อน เช่น สารหนู, สารปรอท, สารตะกั่ว และ ผสมสารอันตรายบางอย่างที่ให้แสดงการฤทธิ์ที่ชัดเจน
• บางแห่งใช้ถั่งเช่าไม่ได้มาตรฐาน ก็ส่งผลให้ประโยชน์ที่ควรได้นั้นลดน้อยลง
• ถั่งเช่า เกรดดี แต่ราคาถูก (ของปลอม)

สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะได้ถั่งเช่ามาจากไหนก็ตามแต่ แนะนำให้พบแพทย์ เพื่อเจาะเลือดตรวจโลหะ ตรวจสารปรอท หาสารหนู หาตะกั่ว การตรวจหาโลหะที่เป็นพิษควรทำประมาณ 3 เดือน/ครั้ง เท่านี้ก็พอจะทราบผลที่ชัดเจนแล้ว

References: