“ฮ่องกงฟุต” หรือ “น้ำกัดเท้า” เป็นชื่อทั่วไปที่ใช้เรียกโรคเชื้อราที่เกิดขึ้นบนเท้า โดยส่วนมากพบได้ในผู้ที่มีกิจกรรมการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอยู่เป็นประจำ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Athlete’s Foot” ลักษณะการติดเชื้อนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในประชากรทั่วไปที่มีความชื้นบริเวณเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งมักพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง การรักษาเชื้อราที่เท้าให้หายนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายโดยที่ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์
อาการเชื้อราที่เท้า
อาการของ เชื้อราที่เท้า ที่พบได้บ่อย ดังนี้
- มีอาการคันรุนแรงและมีผื่นแดงหรือขุยบริเวณง่ามนิ้วเท้าหลังจากถอดรองเท้าหรือถุงเท้า
- เกิดตุ่มน้ำเล็ก ๆ สีแดงที่บริเวณฝ่าเท้าหรือง่ามนิ้วเท้า
- ฝ่าเท้าและบริเวณด้านข้างของเท้าแห้งและตกสะเก็ด
- มีแผลหรือมีของเหลวกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากแผล ผิวหนังบริเวณดังกล่าวมักจะมีสีแดง
ผู้ป่วยควรพบแพทย์หากผื่นที่เท้าไม่หายไปหรือมีอาการของการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย เช่น อาการบวมแดงผิดปกติ มีหนอง มีไข้ เป็นต้น รวมถึงผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่องที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อราที่เท้าด้วย
สาเหตุของเชื้อราที่เท้า
เชื้อราที่เท้ามักมีสาเหตุมาจากการเพิ่มจำนวนของเชื้อราบนผิวหนัง ซึ่งสภาพแวดล้อมที่อับชื้นจะช่วยกระตุ้นให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีขึ้น การติดเชื้อราสามารถเกิดขึ้นโดยตรงจากการสัมผัสผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อหรือผ่านการสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราที่เท้าดังนี้
- มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อรา เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
- การปล่อยให้เท้าชื้นและเหงื่อสกปรก
- การสวมใส่รองเท้าและถุงเท้าที่ชื้น
- การสวมรองเท้าที่ไม่ระบายอากาศ ซึ่งทำให้เท้าร้อนและมีเหงื่อออก
- การเดินเท้าเปล่าในสถานที่ที่มีความชื้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อรา เช่น ห้องอาบน้ำรวม ห้องล็อกเกอร์ หรือโรงยิม
- การใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ถุงเท้า หรือรองเท้า
การวินิจฉัยเชื้อราที่เท้า
การวินิจฉัยเชื้อราที่เท้าสามารถทำได้ในเบื้องต้นโดยการสังเกตอาการผิดปกติ เช่น คันเท้า หรือผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อแดงโดยไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วเท้า แต่ในกรณีที่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นการติดเชื้อราหรือไม่ ผู้ป่วยควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำยิ่งขึ้น
แพทย์สามารถทำการวินิจฉัยโดยการเก็บตัวอย่างผิวหนังบริเวณที่มีความผิดปกติไปตรวจหาเชื้อรา โดยใช้วิธีการส่องกล้องจุลทรรศน์หรืออาจใช้วิธีการเพาะเชื้อเพื่อยืนยันการติดเชื้อราอย่างแม่นยำ
การรักษาเชื้อราที่เท้า
การ รักษาเชื้อรา ที่เท้าสามารถทำได้โดยใช้ยาต้านเชื้อราที่หาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องไปพบแพทย์ ยาชนิดนี้มักจะมีส่วนประกอบที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและกำจัดเชื้อราในบริเวณที่ติดเชื้อ
วิธีการใช้ยาได้แก่
- ล้างผิวหนังบริเวณที่มีอาการให้สะอาดก่อนทายา
- ทายาบริเวณแผลโดยตรงและรอบ ๆ แผล
- ล้างมือหลังการทายาทุกครั้ง
- ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำบนฉลากยาเพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อราถูกกำจัดจนหมด แม้อาการคันหรือผื่นแดงจะหายไปแล้ว
หากมีอาการรุนแรงหรือเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา ควรรีบพบเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาเสริมด้วยครีมสเตียรอยด์ชนิดอ่อน และควรแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยาต้านเชื้อรา
ในระหว่างการรักษา ควรรักษาความสะอาดของเท้าเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้รักษาเชื้อราได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากใช้วิธีการรักษาด้วยตนเองอย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านเชื้อราที่มีฤทธิ์รุนแรงขึ้น เช่น ยาเทอร์บินาฟีนและยาไอทราโคนาโซล
โรคเชื้อราที่เท้า ป้องกันได้ง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้
อย่างที่รู้กันว่า เชื้อราที่เท้า เกิดจากความอับชื้น ดังนั้นเราจึงควรระมัดระวังและป้องกันตัวเอง ดังนี้
- ล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งเสมอ โดยเฉพาะตามบริเวณง่ามนิ้ว
- เลือกสวมถุงเท้าหรือรองเท้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงรองเท้าที่ปิดมิดชิดหรือรัดแน่นเกินไป
- ควรซักถุงเท้าและเปลี่ยนใหม่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรก เช่น การเดินในบริเวณที่น้ำท่วมขัง
- หลีกเลี่ยงไม่ให้เท้าเปียกชื้นโดยใช้แป้งฝุ่นทาป้องกันเหงื่อออก และหลีกเลี่ยงการทาครีมบำรุงผิวบริเวณซอกนิ้วเท้า
- สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรคเชื้อราที่เท้า คือการดูแลรักษาและทำความสะอาดเท้าของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้อาการดังกล่าวหายได้เร็วขึ้น และป้องกันการกลับไปติดเชื้อราซ้ำ หากรักษาด้วยตัวเองอย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างละเอียดต่อไป
เชื้อราที่เท้าอันตรายไหม
เชื้อราที่เท้า ไม่ได้เป็นอันตรายและสามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องพบแพทย์ เช่น “โรคน้ำกัดเท้า” หรือ “ฮ่องกงฟุต” ที่เกิดจากการติดเชื้อราบริเวณเท้าและง่ามนิ้วเท้าเนื่องจากความชื้นในบริเวณดังกล่าว แต่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงขึ้นได้ แต่สำหรับผู้ป่วยทั่วไปส่วนใหญ่สามารถรักษาโรคนี้ด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์
สรุป
เชื้อราที่เท้า ไม่เป็นอันตรายและสามารถรักษาได้ด้วยตนเองโดยการรักษาความสะอาดและความอบอุ่นของเท้า โดยการล้างเท้าให้สะอาดและรักษาความสะอาดของรองเท้า หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เท้าชื้น และใช้ยาต้านเชื้อราในบางกรณี หากมีภาวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อการรักษาเพิ่มเติม แต่สำหรับผู้ป่วยทั่วไปส่วนใหญ่สามารถรักษาด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย