ศัลยกรรมดูดไขมัน ในปัจจุบันนั้น สามารถเลือดทำโดยใช้ ดูดไขมัน แบบใช้ยาชาเฉพาะจุด หรือ ดมยาสลบ ก็ได้ แต่จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและการวินิจฉัยของแพทย์ผู้ที่ทำการรักษา เราจะอธิบายให้ฟังว่า การดูดไขมันด้วย ยาชาเฉพาะจุด กับ ดมยาสลบ นั้นต่างกันอย่างไร?
การเลือกใช้ ยาชา ฉีดเฉพาะจุด เพียงอย่างเดียวนั้นสามารถทำได้ ซึ่งจะเหมาะกับการดูดไขมันในบริเวณเล็กๆ แค่ 1-2 จุด และใช้เวลาการดูดไขมันไม่นาน เช่น ดูดไขมันเหนียง , ดูดไขมันต้นแขน , ดูดไขมันน่อง , ดูดไขมันหนอกคอ เป็นต้น
ขั้นตอนการเตรียมตัว ดูดไขมันแบบฉีดยาชาเฉพาะจุด
- ในกรณีให้ยาชาเฉพาะจุด ต้องงดอาหารก่อนทำหัตถการอย่างน้อย 3 ชม. (สามารถจิบน้ำได้ตามปรกติก่อนดูดไขมัน)
- งดทานวิตามิน / อาหารเสริม / งดยาต้านแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin , Plavix หรือตัวอื่นๆ ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน หรือถ้ามียาที่รับประทานประจำ กรุณาปรึกษาแพทย์ก่อน ว่าสามารถทานต่อได้หรือไม่
- งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุรี่ ก่อนและหลังทำการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน
- หากในระหว่างวันที่มาตรวจจนถึงวันที่ทำหัตถการ มีการใช้ยาหรือการรักษาใดๆ เพิ่มเติม กรุณารีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบล่วงหน้า โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ไม่ควรมีรอบเดือน ณ วันที่หัตถการ
- ควรงดชาและกาแฟตั้งแต่เช้า เนื่องจากยาชาที่ใช้อาจทำให้มีอาการใจสั่นเล็กน้อย
- ในกรณีใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดมาให้เรียบร้อย
- ชุดที่มาใส่ในวันทำหัตถการ ควรเป็นชุดหลวมๆ ที่สามารถถอดออกได้ง่าย เช่นกระดุมหน้า กระโปรง หรือเสื้อเชิ้ตกลัดกระดุม เป็นต้น
- ชุดกระชับจำเป็นต้องใช้หลังการทำทันที ถ้าไม่มีสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำตัวเพื่อจะได้ทำการซื้อและลองขนาดได้ที่คลินิก
- งดแต่งหน้า และไม่ควรนำทรัพย์สินที่มีค่าใดๆมาด้วยในวันที่ทำหัตถการ
- อาบน้ำ สระผม มาให้เรียบร้อย เพราะหลังทำเสร็จห้ามอาบน้ำ 1 คืนจนกว่าจะทำแผลเสร็จวันรุ่งขึ้น
- กรณีดูดไขมันเหมาต้นขา หน้าท้อง เอว และสะโพก ให้โกนขนหรือตัดให้สั้นในบริเวณจุดซ่อนเร้นมาด้วย
- หลังทำหัตถการจะมีของว่างให้และเครื่องดื่มให้บริการ
- หากต้องการปรึกษาเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรึกษาด้านความงามประจำตัวของท่าน
ข้อดีของการฉีด ยาชา ฉีดเฉพาะจุด
- คนไข้รู้สึกตัวตลอดเวลา
- ยาชาที่ให้มีส่วนผสมและความเข้มข้นที่เพียงพอ จะสามารถช่วยลดความเจ็บขณะให้ยาชาและในระหว่างที่ดูดไขมันได้
- ยาชาออกฤทธิ์ได้นานต่อเนื่อง 8-10 ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดความเจ็บหลังจากดูดไขมันเสร็จได้ด้วย
- ในบริเวณที่ต้องมีการพลิกตัวหรือเปลี่ยนท่าทาง เนื่องจากบางตำแหน่งเช่น ต้นแขน หรือต้นขา มีหลายมุมที่จะต้องดูด ก็จะสามารถทำได้ง่าย และช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- หลังทำเสร็จสามารถลุกขึ้นมาได้เลย ไม่ต้องนอนพัก และกลับบ้านได้ทันที
- ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร ก่อนดูดไขมัน
- ไม่ต้องเอ็กซเรย์ปอด ตรวจการทำงานของตับและไต
- ใช้เวลารวดเร็วกว่าการดูดไขมันด้วยการดมยาสลบ
ข้อเสียของการฉีด ยาชา ฉีดเฉพาะจุด
หากทำโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญและไม่มีประสบการณ์ จะเป็นอันตรายต่อร่างกายคนไข้ได้ เช่น
- เลือกใช้และคำนวณปริมาณยาชาไม่เหมาะสมกับคนไข้ อาจส่งผลให้เกิด ยาชาเป็นพิษ (over does)
- คนไข้รู้สึกเจ็บมาก เพราะแพทย์ฉีดยาชาไม่ลงลึกถึงชั้นผิวที่ทำการดูดไขมัน และทำให้การดูดไขมันไม่ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าถึงพอใจ
อย่างไรก็ตาม ดูดไขมัน แบบใช้ยาชา ฉีดเฉพาะที่นั้น จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะต้องมีการเลือกใช้ยาชาที่มีความเข้มข้นสูง และต้องมีการคำนวณอัตราส่วนในการใช้ให้เหมาะสมในคนไข้แต่ละคน เพื่อเกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และเพื่อความปลอดภัยของคนไข้เป็นสำคัญ รวมถึงการให้ยาชาที่ลงลึกถึงชั้นผิวที่ทำการดูดไขมันได้จริง ๆ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้การดูดไขมันเจ็บมาก จนคนไข้ทนไม่ไหว และทนทำต่อจนเสร็จได้
การดูดไขมันโดยการ ดมยาสลบ
การดูดไขมันโดยวิธี ดมยาสลบ เหมาะกับการดูดไขมันบริเวณกว้างและหลายจุดพร้อมกัน เช่น ดูดไขมันหน้าท้อง หรือ ดูดไขมันขา แบบรอบขา หรือเหมาขา ซึ่งคนไข้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของวิสัญญีแพทย์
ขั้นตอนก่อนดูดไขมันด้วยการดมยาสลบ
- วิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา)
ก่อนที่จะทำการดูดไขมัน วิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา) จะประเมินและตรวจเช็กร่างกายคนไข้อย่างละเอียด เพราะสิ่งสำคัญที่จำเป็นมากที่สุดรองลงมาจากศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการที่จะทำการดูดไขมันนั้น ก็คือวิสัญญีแพทย์ ซึ่งหน้าที่ในการควบคุมและวางแผนเกี่ยวกับการใช้ยาในขณะทำการดูดไขมัน
วิสัญญีแพทย์จะอยู่ใกล้ชิดกับคนไข้ตลอดระยะเวลาที่ดูดไขมัน เพื่อตรวจเช็คคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความดันเลือด ดูการหายใจ และเช็คระดับออกซิเจนเพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติของร่างกาย โดยไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวคนไข้ในระหว่างทำการดูดไขมัน
2. คนไข้จะต้องงดน้ำ งดอาหาร ทุกชนิด 8 ชม. งดน้ำเปล่า 3 ชม. ก่อนทำการผ่าตัด
3. งดทานวิตามิน / อาหารเสริม / งดยาต้านแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin , Plavix หรือตัวอื่นๆ ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน หรือถ้ามียาที่รับประทานประจำ กรุณาปรึกษาแพทย์ก่อน ว่าสามารถทานต่อได้หรือไม่
4. งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุรี่ ก่อนและหลังทำการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน และควรงดชาและกาแฟตั้งแต่เช้าเนื่องจากยาชาที่ใช้อาจทำให้มีอาการใจสั่นเล็กน้อย
5. หากในระหว่างวันที่มาตรวจจนถึงวันที่ผ่าตัด คุณลูกค้ามีการใช้ยาหรือการรักษาใดๆ เพิ่มเติม กรุณารีบแจ้งให้ที่ปรึกษาด้านความงามประจำตัวของคุณลูกค้าให้ทราบล่วงหน้า โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
6. ผลตรวจเลือดและ LAB ต่างๆ ควรส่งให้ทางที่ปรึกษาด้านความงามประจำตัวของคุณลูกค้าอย่างน้อย 3 วันก่อนการผ่าตัด
7. ในวันที่นัดหมายผ่าตัด คุณลูกค้าควรเช็ครอบเดือน ว่ามีช่วงนั้นหรือไม่ (ไม่ควรมีรอบเดือน ณ วันผ่าตัด หรือถ้ามีให้รับแจ้งที่ปรึกษาความงาม เพื่อทางทีมงาน จะได้เตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติม)
8. ดูดไขมันโดยใช้การ ดมยาสลบ นั้นคนไข้จะรู้สึกผ่อนคลาย เพราะจะไม่มีความเจ็บปวดระหว่างการดูดไขมัน ทำให้การดูดไขมันง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
9. ศัลยแพทย์สามารถดูดไขมันออกมาได้เต็มที่ และสามารถออกแบบสรีระให้สวยงามตามต้องการได้
10. วิสัญญีแพทย์ก็จะยังเฝ้าสังเกตอาการ ในขณะที่คนไข้ยังไม่ได้สติอยู่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการหลังการดูดไขมันอีกระยะในกรณีที่คนไข้ยังมีอาการปวด และยังไม่ได้สติกลับคืนมาเต็มที่
11. หากขณะดมยา จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ หลังตื่นแล้ว อาจจะมีอาการระคายคอหรือเจ็บคอได้
12. หลังทำหัตถการ เราจะมีห้องพัก เพื่อให้คุณลูกค้าพัก โดยจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมในการพักฟื้น และจะมีของว่างให้
13. หากต้องการปรึกษาเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรึกษาด้านความงามประจำตัวของท่าน
ในปัจจุบันการดมยาสลบนั้นไม่ได้อันตรายอย่างที่เราเคยคิดกัน แต่ต้องควบคุมโดยวิสัญญีแพทย์ หรือหมอดมยา ที่มีความชำนาญสูง ในการทำหัตถการแต่ละอย่างวิสัญญีแพทย์เองก็จะมีวิธีที่จะให้ยาระงับความรู้สึกที่เหมาะกับการทำหัตถการชนิดนั้นๆ ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเคยคิดกันว่าต้องเป็นการทำผ่าตัดใหญ่ๆ เท่านั้นถึงจะดมยาสลบได้
ดมยาสลบ เพื่อ ดูดไขมันทั้งตัว อันตราย!
การดูดไขมันด้วยการวางยาสลบ ถึงแม้ว่าจะได้รับการนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถทำให้ชาได้ทั้งตัว เพราะคนไข้อยู่ในอาการสลบ ทำให้สามารถดูดได้หลายจุดในครั้งเดียว หรือที่เรียกว่า “การดูดไขมันทั้งตัว” ซึ่งมักจะเป็นที่นิยมของหลายๆท่าน ที่ต้องการหุ่นสวยฉบับเร่งด่วน
แต่อย่างไรก็ตาม จากการการศึกษาพบว่าการ ดูดไขมันในแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 3.5 ลิตร เนื่องจากการดูดไขมันปริมาณมากเพียงครั้งเดียว จะทำให้เกิดอันตรายกับผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันเป็นอย่างมาก การดูดไขมันทั้งตัวจึงเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง
เนื่องจากหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นระหว่างการผ่าตัดดูดไขมัน ไม่ว่าจะด้วยความประมาทเลิ่นเล่อของแพทย์ หรืออันตรายแอบแฝงที่มากับการวางยาสลบ เช่น กรณีการแทงเข็มทะลุตับ ขณะทำการดูดไขมัน เนื่องจากการวางยาสลบทำให้คนไข้ไม่สามารถรู้ตัวได้เลย ในขณะเดียวกันหมอก็ไม่สามารถทราบได้
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ทางรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ลือกที่จะทำการผ่าตัดดูดไขมัน BodyTite ด้วยการวางยาสลบ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกับผู้ที่เข้ารับการทำมากที่สุด นอกจากนี้เรายังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างดีทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันแผลที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ กับคุณหมอฝีมือเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับจากระดับนานาชาติ หรือการเลือกใช้เครื่องมืออัลตราซาวน์ในขณะทำแบบเรียลไทม์ เพื่อที่จะสามารถควบคุม และลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดลงไปได้แน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง
*นมน้อย หรือ ก้อนไขมันใต้รักแร้ คืออะไร? แก้ด้วยการดูดไขมันใต้รักแร้ได้ไหม
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 24 ปี
แพทย์ผู้ก่อตั้ง รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
Biography