Thermage (เทอร์มาจ) เป็นการนำเทคโนโลยีความถี่ของคลื่นวิทยุ (non-invasive Radio Frequency; RF) มาใช้ในการกระชับผิวชั้นลึก เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว คิดค้นโดยแพทย์ผิวหนังจากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับมาตรฐาน US-FDA สำหรับนำมาใช้ในการยกกระชับผิวตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งตัวเครื่องก็ได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงรุ่นล่าสุด คือ Thermage FLX หัวสีม่วง คือ รุ่นล่าสุดที่ถูกพัฒนาต่อยอดและนำออกมาใช้กระชับผิวในปี 2018 และ 2020 ผลิตโดย บริษัท soltamedical
Thermage FLX คืออะไร ?
Thermage FLX คือ เทคโนโลยียกกระชับ ที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุ ทำให้เกิดความร้อนสะสมใต้ผิวที่มากพอและเหมาะสมจนเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ จากการปล่อยพลังงานซ้ำๆ ลงไปบนผิวในชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ทำให้เกิดความร้อนสะสมใต้ผิวประมาณ 50-60 °c โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน เพราะถ้าร้อนกว่านี้ ผิวจะเริ่มไหม้ อันนี้สำคัญ
เพราะหากร้อนน้อยเกินไปก็ไม่ค่อยได้ผล เหมือนเครื่องบ้านๆ ที่ผลิตจากจีนมาขายถูกๆ ในเน็ต แต่หายนะจริงๆ คือร้อนมากเกินไปจนทำลายผิวชั้นบนนั่นแหละ ดังนั้นเครื่องที่ออกแบบมาอย่างดี ควบคุมอุณหภูมิตามที่หน้าจอบอกได้จริงๆ จึงสำคัญมาก เพราะเรากำลังใช้ความร้อนไปกระตุ้นผิวแต่ต้องไม่ทำให้ผิวไหม้ด้วย
เคสที่ประเทศจีน เกิดจากใช้ เทอร์มาจปลอม แล้วผิวไหม้
ภายหลังมีการฟ้องร้องเรื่องเครื่องปลอมและเครื่องหมายการค้าปลอม
ข้อดีอีกอย่างของเทอร์มาจของแท้ คือ
ระหว่างที่เครื่องปล่อยคลื่นความถี่วิทยุลงสู่ผิวด้านล่าง ผิวด้านบนก็จะมีความเย็นจากหัวทิป (Thermage Cool) ที่มีการให้ความเย็นกับผิวอย่างต่อเนื่อง โดยระบบการให้ ความเย็นแก่ผิวนั้นจะเกิดขึ้นทั้งก่อน และหลังการส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุลงสู่ผิว ดังนั้นพลังงานความร้อน ที่ส่งผ่านไปยังเส้นใยคอลลาเจนจึงจำกัดอยู่แค่ในชั้นใต้ผิวเท่านั้น ส่วนบนของผิวยังคงเย็นอยู่ตลอดเวลา
Thermage FLX หัวยิง (Total Tip) แบบใหม่
ผิวของมนุษย์เวลาได้รับการสั่นสะเทือน จะเจ็บน้อยลง แปลกไหม ดังนั้นเวลาพยาบาลที่มีประสบการณ์จะฉีดยาตรงไหน ก็ต้องตบผิวเบาๆ หลายๆ ทีก่อน แล้วค่อยจิ้ม ดังนั้นเทอร์มาจ จึงเอาหลักการนี้มาประยุกต์กับหัวยิง ซึ่งในบางคนจะบ่นว่าเจ็บ
รุ่นใหม่จึงมีระบบสั่นที่หัวทิป (Multi-Directional Vibration) ซึ่งแพทย์สามารถปรับระดับได้ให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิวอย่างจำเพาะ ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับระบบ Thermage Cool ที่ให้ความเย็นช่วยปกป้องผิวด้านบนส่งเสริมให้สามารถให้พลังงาน ลงได้ลึกมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ช่วยลดความเจ็บระหว่างทำ ทั้งเย็น ทั้งสั่น ทำให้สบายและเจ็บน้อยลงมาก แถมปลอดภัยหน้าไม่ไหม้
นอกจากนี้หัว New Total Tip 4.0 ใหม่ของ เทอมาจ ได้ถูกพัฒนาให้สามารถปล่อยพลังงานความร้อน ได้ด้วยประสิทธิภาพที่ดี และเร็วกว่าเดิมถึง 25% สามารถให้การรักษาได้ครอบคลุมพื้นที่ มากกว่าเดิมถึง 33% เมื่อเทียบกับหัวทิปรุ่น 3.0 เดิม และยังช่วยให้แพทย์ให้การรักษาได้เร็วมากขึ้นช่วยให้พลังงานลงได้ดีขึ้น และลดระยะเวลาการทำได้
ร่วมกับมีเทคโนโลยีล่าสุด ที่สามารถตรวจวัดความต้านทานของผิวได้โดยอัตโนมัติ (Automatic Skin Impedance Measurement) ก่อนการปล่อยพลังงานในทุกๆ ช็อต จึงทำให้พลังงานที่ส่งลงไปมีความเหมาะสมกับพื้นที่ ในการรักษาแต่ละบริเวณ การรักษามีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน เมื่อเวลาการทำสั้นลง ก็เลยเจ็บน้อย ทำให้ผลข้างเคียงน้อยลงมากเลยค่ะ
Thermage FLX เหมาะสำหรับใครบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีไขมันที่ใบหน้าและมีริ้วรอยความหย่อนคล้อยของผิว
- ผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่หน้าไม่ได้รูปคม เนื่องจากสูญเสียคอลลาเจนจากวัยที่เพิ่มขึ้น
- กลุ่มคนหลังคลอดบุตรและหลังลดน้ำหนัก ซึ่งมีปัญหาผิวหลวมย้วยไม่กระชับ
บริเวณที่เหมาะกับการรักษา Thermage FLX
- ใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก ริ้วรอยรอบมุมปาก ร่องแก้ม กรอบหน้า
- ลำคอ เหนียงใต้คาง
- ดวงตา ได้แก่ หนังตาตก ริ้วรอยรอบดวงตา ** อันนี้สำคัญมาก เพราะบริเวณนี้ ulthera ทำไม่ได้
- ร่างกาย ได้แก่ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา มือ
ข้อห้ามในการทำ Thermage FLX
- ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่สามารถทำได้ (pacemaker, an implantable cardioverter/defibrillator (ICD), electronic implantable device)
- มีผื่นผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อบนผิวที่ต้องการรักษา
- ตั้งครรภ์
ขั้นตอนในการทำ Thermage FLX
- ปรึกษาแพทย์ให้คำแนะนำ และประเมินผิวหน้า/รูปหน้า ก่อนทำ
- ทำความสะอาดใบหน้าและเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดในบริเวณที่จะทำ และบริเวณที่จะติดแผ่นสื่อ และถอดเครื่องระดับ
- ถ่ายรูปก่อนทำการรักษา
- ทายาชาและรอประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- เช็ดยาชาและทำความสะอาดผิว
- ติด Return Pad บริเวณด้านหลัง (ตัวสื่อที่จะทำให้เครื่องปล่อยพลังงาน และทำงานครบสูตร)
- เริ่มทำการรักษา โดยการติดแผ่นกระดาษลอกลาย เพื่อทำเครื่องหมายในบริเวณที่จะทำแล
- เริ่มรักษาซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
- แพทย์รักษาเสร็จ พนักงานทำความสะอาดผิวให้คนไข้และทาครีมบำรุง
Thermage Eyes
เป็นวิทยาการล่าสุดในการนำมาใช้รักษาเพื่อการลดริ้วรอย ยกกระชับผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย โดยปราศจากร่องรอยหรือบาดแผล ตลอดจนช่วยในการกระตุ้นและสร้างคลอลาเจนใต้ผิวหนังจึงทำให้โครงสร้างผิวดูสด ใสกระชับและเรียบขึ้นแข็งแรงและมีชีวิตชีวา
ซึ่งภายในระยะเวลาต่อมาคอลลาเจนจะถูกสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อในการกระชับผิว เพิ่มเติมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่อง โดยทั้งนี้ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะและวัยของแต่ละบุคคล
โดยในการทำ ThermageEyes จะใช้หัวยิงขนาดเล็ก (Eye Tip) เพื่อช่วยในการปล่อยคลื่น RF (Radio Frequency) ลงไปในความลึกที่เหมาะสม ทําให้เกิดการยกกระชับผิวหนังรอบดวงตา ถุงใต้ตาเล็กลง และเรียบเนียนขึ้น เพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณรอบดวงตากลับมาเรียบเนียน ช่วยยกกระชับเปลือกตาด้านบน เกิดการยกของคิ้ว และเปลือกตา เผยให้เห็นตาสองชั้นให้ชัดขึ้น ทำให้ตาดูโตขึ้น สดใสขึ้น
เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหนังตาตก แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด หรือยังไม่อยากผ่าตัด สามารถช่วยแก้ปัญหานี้และชะลอการผ่าตัดออกไปได้ ซึ่งหลังทำ ThermageEyes 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน
ผลลัพธ์หลังการทำ Thermage FLX
เทอร์มาจ สามารถแก้ปัญหาเส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ส่งผลให้โครงสร้างผิวหนังกระชับตัวดีขึ้น สามารถฟื้นฟู และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ริ้วรอยที่เหี่ยวย่นลดเลือนลงได้ ทั้งยังช่วยให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น ผิวบริเวณที่เคยหย่อนคล้อยก็ตึงกระชับจนสังเกตได้ในการรักษาเพียงครั้งเดียว
อีกทั้งพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นยังลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังช่วยสลายไขมันสะสมส่วนเกินบนใบหน้า เช่น แก้ม เหนียง ช่วยให้การปรับแก้รูปหน้าเล็กเรียวเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถรักษาได้ทุกสภาพผิว ซึ่งยิ่งดูแลผิวเร็วก็ยิ่งยืดอายุความอ่อนเยาว์ให้อยู่คู่กับผิวได้นานขึ้น
การดูแลผิวหลังการรักษา
ไม่มีข้อควรระวังพิเศษในการดูแลผิวหลังรักษาด้วยเทอร์มาจ สามารถทำกิจกรรมและดูแลผิวได้ตามปกติทันที เช่นการแต่งหน้า ทาครีมบำรุงผิว ทาครีมกันแดด หรือทำงานได้ตามปกติ
Thermage FLX กับ Thermage CPT ต่างกันอย่างไร
- Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ส่วน Thermage CPT เป็นเทคโนโลยีเก่า
- การปล่อยคลื่นพลังงาน Thermage FLX แม่นยำกว่า และเป็นแบบ Real Time
- Thermage FLX เป็นหัวทิปแบบใหม่ จะใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าถึง 25%
- Thermage FLX จำนวนช็อตน้อยกว่า แต่ผลลัพธ์ยาวนานกว่า เนื่องจากหัวแบบใหม่ ปล่อยพลังงานได้ลงลึกกว่า
- ตัวเครื่อง Thermage FLX เป็นหน้าจอสัมผัส (Touchscreen)
- Thermage FLX มีระบบ pre&post cooling ที่ช่วยป้องกันผิวไหม้ หรือมีอุณหภูมิใต้ผิวร้อนสะสมมากเกินไป
Thermage ต่างกับ Ulthera อย่างไร
- เครื่องอัลเทอร่า (Micro focus ultrasound) คือ พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ซึ่งจะปล่อยพลังงานออกมาเป็นจุดขนาด 1 มิลลิเมตร เรียงต่อกันเป็นแนวเส้นตรง เกิดความร้อนบริเวณที่พลังงานลงไปถึง โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ 60-70°C
- ส่วน เทอร์มาจ คือ พลังงานคลื่นวิทยุ (monopolar RF) ซึ่งการปล่อยพลังงานจะปล่อยเป็นก้อนพลังงานความร้อนเป็นวงกว้าง อุณหภูมิอยู่ที่ 40-50°C ครอบคลุมทั้งชั้นผิว ขนาดประมาณ 3-4 ตารางเซนติเมตร
โดยที่ทั้งสองเครื่องจะปล่อยพลังงานความร้อนเหมือนกัน แต่เป็นความร้อนที่กระจายต่างกัน จึงลงลึกสู่ชั้นผิวได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงให้ผลลัพธ์คนละอย่าง
- เครื่องอัลเทอร่าออกฤทธิ์ได้ทั้งในชั้นหนังแท้ และชั้น SMAS จะเน้นยกกระชับหน้า ความหย่อนคล้อยรูปหน้า ช่วยเรื่อง lifting เป็นหลัก
- เทอร์มาจ ออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเน้นผิวแน่นกระชับ สลายไขมันได้ดี ช่วยเรื่องความแน่น เด้ง (tightening) ของผิวเป็นหลัก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม
- อัลเทอร่า ไม่แนะนำให้ยิงในเปลือกตาและใต้ได้ ส่วน เทอร์มาจ ทำเปลือกตา ใต้ตาได้ ดังนั้นในการยกกระชับตา ใต้ตา จึงแนะนำ เทอร์มาจ มากกว่า
ซึ่งการจะเลือกว่าจะรักษาด้วยเครื่องชนิดใดใน 2 ชนิดนี้ ก็ต้องดูว่าคนไข้มีปัญหาอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผิวชั้นใดค่ะ
อ่านบทความเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อย
ช่วงเริ่มต้นทำ คนไข้อาจจะไม่รู้สึกอะไรหรือจะรู้สึกอุ่นๆ ใต้ผิว เมื่อทำไปเรื่อยๆ และเกิดพลังงานความร้อนสะสมใต้ผิว จะรู้สึกอุ่นขึ้นหรือร้อนใต้ผิว แต่เป็นความร้อนในระดับที่ทนได้ หากร้อนมากเกิน ให้แจ้งแพทย์ระหว่างที่ทำทันที
ดังนั้นไม่แนะนำการใช้ยาชาที่มากเกินไป หรือ ลางครั้งอาจจะเคยได้ยินการดมยาเพื่อทำเทอร์มาจ อันนั้นดูมากเกินไปค่ะ ความรู้สึกหลังทำ ผิวหลังทำอาจแดงขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกอุ่นๆ ใต้ผิว สามารถล้างหน้า ทาครีมและใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ แนะนำให้ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน
โดยทั่วไปจะเห็นผลทันทีส่วนหนึ่ง หลังการรักษาเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นในเดือนที่ 2 และดีขึ้นเรื่อยๆ โดยผิวจะยกกระชับดีที่สุดในเดือนที่ 6 จากนั้นผลการรักษาอยู่ได้นานต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะผิวและวัยของแต่ละบุคคล โดยผลดังกล่าวนี้เกิดจากการรักษาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
การกระชับตัวของโครงสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยให้สภาพผิวดีขึ้น จนคุณสัมผัสได้ถึงผิวที่เนียนเรียบและยกกระชับอีกครั้ง ความหย่อนคล้อยของผิว บริเวณแก้ม ขากรรไกรและใต้คางยกกระชับและเข้ารูปมากขึ้น ริ้วรอยรอบดวงตา รอบริมฝีปากและหน้าผาก ดูจางลง ร่องแก้มตื้นขึ้น
หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนทำ เทอมาจ แล้วไม่เห็นผล คือ
- จำนวนช็อตในการยิงไม่เพียงพอ เนื่องจากการแบ่งหัวยิง เทอมาจ ยิงจำนวนน้อยในบริเวณที่กว้าง ทำให้ความร้อนสะสมใต้ผิวไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์อยู่ไม่นาน
- ยิงรอบเดียว ไม่ยิงซ้ำ เพราะขายมาในราคาโปร ยิงครบตามจำนวน shots แล้วจบ ทำให้ไม่ได้ผล
- การยิงต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการประเมินรูปหน้า และออกแบบการยิงตาม Vector ที่ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับได้ดี ผลลัพธ์ที่ดีจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ผู้รักษาด้วย
- เครื่องรุ่นเก่า อาจจะไม่ดีเท่าเครื่องรุ่นใหม่ เพราะความเจ็บ จึงทำให้แพทย์ใช้พลังงานน้อยลงมาก จนไม่ได้ผล ดังนั้น FLX จึงดีกว่า CPT
มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่ไม่กี่อย่างเพื่อการเปรียบเทียบ เพื่อจะได้ไม่โดนหลอก
- เป็น รุ่น CPT หรือ FLX เพราะ FLX ใหม่กว่า ดีกว่า ก็ต้องแพงกว่าเป็นธรรมดา
- 1 หัวของ CPT มี 1200 ช็อต แต่ FLX มี 900 ช็อตเพราะหัวและช็อตของ FLX มีขนาดใหญ่กว่า
- 1 ช็อดของ FLX จึงมีราคาสูงกว่าเพราะบริเวณกว้างกว่า
- การยิงทั่วหน้าเฉลี่ย 900-1200 shots เพราะต้องยิงวนไปวนมา ซ้ำๆ จนกว่าจะหด ไม่ใช่ยิง 300 shots ครบทั่วพื้นที่แล้วจบ ซึ่งจะไม่ได้ผล
- ดังนั้นหากเจอโปร 400 shots ทั่วหน้า CPT ราคา 2-3 หมื่น ไม่ได้ถือว่าถูกนัก แถมไม่ค่อยได้ผล
- ดังนั้นหากเจอโฆษณาสองชิ้น อันหนึ่งเป็น Thermage (ไม่บอกว่ารุ่นอะไรบอกแต่ว่า New ) โปรทั่วหน้า 25,000 บาท อีกอันทั่วหน้าเหมือนกัน 70,000 บาท จึงบอกไม่ได้เลยว่าอันไหนแพงกว่ากัน
- ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมการทำ ThermageFLX และไม่ควรทำโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์
- ทำในสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ และใช้เครื่องของแท้ ที่ผ่าน อย. ไทย และ US-FDA
- ไม่หลอกลวงใช้ shot ขนาดน้อย ยิงทั่วหน้าจริงแต่ไม่ได้ผล
- ใช้ thermage ผสมกับเครื่องอื่นที่ถูกกว่า อ้างว่าทำให้ดีขึ้น แต่จริงๆ หน้าไหม้ได้ เพราะความร้อนเกินขนาด เนื่องจากเครื่องทั้งสองไม่ได้ออกแบบให้มาทำงานด้วยกัน
ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์ (Dr. Rattinan Treeratana)รายละเอียดการรักษา
เวลาในการรักษา
1-2 ชั่วโมง
เจ็บน้อยกว่า เพราะมีระบบ
>สั่น Multi-Directional
ผลลัพธื์ชัดเจน ทำครั้ง
เดียวอยู่ได่นาน 1 ปี
พักฟื้นน้อย
ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
Alert : หลังทำ ผิวหลังทำอาจแดงขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกอุ่นๆใต้ผิว สามารถล้างหน้า ทาครีมและใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ แนะนำให้ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 24 ปี
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์ (คุณหมอแต๋ม)
แพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวพรรณและเลเซอร์
เกียรตินิยมด้านเวชศาสตร์ความงามจาก American Academy of Aesthetic Medicine
ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี