โรคแพนิค เกิดจากอะไร สาเหตุ อาการ และวิธีการดูแลรักษา 

โรคแพนิค

โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลและการเกิดอาการตื่นตระหนก (Panic Attack) อย่างฉับพลัน โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน อาการของโรคนี้อาจรุนแรงจนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียชีวิต หรือต้องการหลีกหนีจากสถานการณ์ที่ตนเองรู้สึกไม่ปลอดภัย โรคแพนิคไม่ได้มีเพียงแค่ผลกระทบทางจิตใจเท่านั้น แต่ยังแสดงออกมาทางร่างกาย เช่น หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก หรือหายใจไม่อิ่ม 

การทำความเข้าใจว่า โรคแพนิค เกิดจากอะไร รวมถึงสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย วิธีการรักษา และการป้องกัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ที่ป่วยหรือคนใกล้ชิดรับมือกับโรคนี้ได้อย่างเหมาะสม บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่ครบถ้วนและละเอียดเพื่อให้คุณเข้าใจโรคแพนิคอย่างรอบด้าน 

โรคแพนิคคืออะไร

โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของ “แพนิคแอทแทค” (Panic Attack) ซึ่งหมายถึงอาการตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวอย่างรุนแรงและฉับพลัน โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือเกิดซ้ำบ่อยจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิต โรคนี้แตกต่างจากความกังวลหรือความกลัวทั่วไป เพราะอาการที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้

ปัญหาสำคัญของผู้ป่วยโรคแพนิคคือความกลัวว่าจะเกิดอาการในสถานการณ์หรือสถานที่เดิม ๆ (เช่น ที่ทำงาน หรือระหว่างเดินทาง) จนทำให้หลีกเลี่ยงออกจากบ้าน ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการเข้าสังคมในระยะยาว

สาเหตุหลักของโรคแพนิค 

สาเหตุหลักของโรคแพนิค

แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคแพนิค แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคแพนิค เกิดจากอะไร ได้แก่

  • พันธุกรรม หากมีบุคคลในครอบครัวที่เป็นโรคแพนิคหรือโรควิตกกังวล โอกาสที่คุณจะเป็นโรคแพนิคอาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน 
  • การไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง ความผิดปกติของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และความเครียด อาจเป็นตัวกระตุ้นให้อาการแพนิคเกิดขึ้น 
  • ปัจจัยด้านจิตใจ ผู้ที่มีลักษณะนิสัยกังวลหรือวิตกง่าย มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแพนิคมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้รับประสบการณ์ที่ตึงเครียดในชีวิต เช่น การสูญเสียคนรัก หรือประสบเหตุการณ์ร้ายแรง 
  • ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม การตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันสูงหรือการเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น อุบัติเหตุร้ายแรง การถูกล่วงละเมิด หรือการต้องเผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตซ้ำ ๆ อาจนำไปสู่โรคแพนิคได้ 

วินิจฉัยโรคแพนิค

  • การซักประวัติ ผู้ป่วยต้องเล่าถึงอาการที่เกิดขึ้น เช่น ระยะเวลาของอาการ ความถี่ ความรุนแรง และสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ
  • การตรวจร่างกาย แพทย์อาจตรวจร่างกายเพื่อแยกโรคที่มีอาการคล้ายคลึง เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือภาวะไทรอยด์เป็นพิษ
  • การประเมินด้านจิตใจ ใช้แบบทดสอบทางจิตเวช เช่น แบบประเมิน DSM-5 เพื่อยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นโรคแพนิค

อาการของโรคแพนิค

อาการของโรคแพนิค (Panic Disorder) มีดังนี้

  • อาการทางกาย ผู้ป่วยมักมีอาการใจสั่น หายใจเร็ว เหงื่อออก มือสั่น คลื่นไส้ วิงเวียน หน้ามืด และรู้สึกเจ็บหน้าอก อาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
  • ความรู้สึกสูญเสียการควบคุม ผู้ป่วยมักรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เหมือนกำลังจะเป็นบ้าหรือตาย มีความรู้สึกแปลกแยกจากความเป็นจริง
  • ความกลัวที่จะเกิดอาการซ้ำ หลังจากประสบกับอาการแพนิคครั้งแรก ผู้ป่วยมักเกิดความกลัวว่าจะเกิดอาการขึ้นอีก ทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อเนื่อง
  • การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ ผู้ป่วยมักพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่เคยเกิดอาการแพนิค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • อาการทางจิตใจ ผู้ป่วยอาจมีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล หรือมีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองมากเกินไป ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง

การป้องกันโรคแพนิค

  1. จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม 

ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การฝึกโยคะ หรือการหายใจลึก ๆ เพื่อช่วยลดความเครียดในชีวิตประจำวัน หมั่นสังเกตตนเอง หากพบว่ามีความเครียด หน้ามืด หรือความกังวลเพิ่มขึ้น ควรหาวิธีคลายเครียดที่เหมาะสม เช่น การทำกิจกรรมที่ชอบ การพูดคุยกับเพื่อน หรือการเขียนบันทึกเพื่อระบายอารมณ์ 

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

การออกกำลังกายช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย และเสริมสร้างระบบประสาทให้แข็งแรง เลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดินเร็ว ปั่นจักรยาน วิ่ง หรือเล่นกีฬา ซึ่งช่วยให้จิตใจและร่างกายผ่อนคลาย 

  1. นอนหลับให้เพียงพอ 

การพักผ่อนอย่างเพียงพอมีผลต่อสุขภาพจิตโดยรวม หากนอนน้อยเกินไปอาจทำให้ระบบประสาทไวต่อความเครียดมากขึ้น สร้างกิจวัตรก่อนนอน เช่น งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนเข้านอน ดื่มชาอุ่น ๆ ที่ช่วยผ่อนคลาย หรืออ่านหนังสือเบา ๆ 

  1. หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นและปัจจัยเสี่ยง งดหรือจำกัดการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เนื่องจากสารเหล่านี้อาจกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วและเพิ่มความวิตกกังวล หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดหรือยาบางชนิดที่สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท 
  2. เรียนรู้และฝึกทักษะการเผชิญปัญหา เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือเรียนรู้วิธีการควบคุมอารมณ์และความคิดในสถานการณ์เครียด ฝึกการคิดเชิงบวก เช่น การมองปัญหาในมุมที่สร้างสรรค์ การใช้เหตุผล และหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นกับความวิตกกังวล 

หากเริ่มมีอาการหรือสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคแพนิค ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสม

วิธีการรักษาโรคแพนิค

วิธีการรักษาโรคแพนิค

  • การรักษาด้วยยา แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านอาการซึมเศร้าหรือยาคลายกังวล เช่น SSRIs หรือ benzodiazepines เพื่อช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการแพนิค
  • การบำบัดด้วยการรู้คิด-พฤติกรรม (CBT) เป็นวิธีการรักษาทางจิตวิทยาที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีจัดการกับความคิดและพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการแพนิค
  • เทคนิคการผ่อนคลาย การฝึกหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ หรือโยคะ สามารถช่วยลดความเครียดและควบคุมอาการแพนิคได้
  • การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับให้เพียงพอ การลดการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการแพนิค
  • การเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กลัว การค่อย ๆ เผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอาการแพนิคภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยลดความกลัวและเพิ่มความมั่นใจในการจัดการกับอาการได้

การรักษาที่มีประสิทธิภาพมักจะเป็นการผสมผสานวิธีการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

สรุปเกี่ยวกับโรคแพนิค

โรคแพนิคเป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งจิตใจและร่างกาย แต่หากได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ การทำความเข้าใจว่า โรคแพนิค เกิดจากอะไร พร้อมทั้งสังเกตอาการต่าง ๆ จะช่วยให้คุณและคนใกล้ชิดสามารถรับมือได้อย่างเป็นระบบและปลอดภัย หากมีความกังวลหรือมีอาการที่เข้าข่าย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันทีเพื่อรับการดูแลอย่างถูกต้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า