อาการคันของคนท้องเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่หลายคนต้องเผชิญ แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็อาจสร้างความรำคาญและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประจำวันของคุณแม่ได้ โดยเฉพาะเมื่ออาการคันเกิดขึ้นในเวลากลางคืนหรือในบริเวณที่ยากต่อการดูแล ความรู้สึกคันที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ผิวหนังที่ยืดขยาย และการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาการคันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแล เช่น โรคคันในคนท้องที่เรียกว่า ICP (Intrahepatic Cholestasis of Pregnancy) เพื่อให้คุณแม่มีความสุขและสุขภาพแข็งแรง การเข้าใจถึงสาเหตุของอาการคัน วิธีบรรเทาที่ปลอดภัย รวมถึงแนวทางป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะช่วยคุณแม่เรียนรู้วิธีจัดการกับอาการคันอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาตั้งครรภ์ได้อย่างราบรื่นและมีความสุขยิ่งขึ้น
สาเหตุของอาการคันของคนท้อง
ผิวหนังยืดขยาย (Stretching Skin)
- ในช่วงตั้งครรภ์ ผิวหนังบริเวณท้อง หน้าอก และสะโพกจะยืดตัวออก ทำให้ผิวแห้งและคันได้
- อาการนี้มักเกิดในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคัน โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า
ผิวแห้ง (Dry Skin)
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้ผิวขาดน้ำและแห้งง่าย ส่งผลให้เกิดอาการคัน
โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
- PUPPP (Pruritic Urticarial Papules and Plaques of Pregnancy): ผื่นคันที่มักขึ้นบริเวณท้อง สะโพก หรือขา พบบ่อยในไตรมาสสุดท้าย
- Pemphigoid Gestationis: โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติที่ทำให้เกิดผื่นคันรุนแรง
- Prurigo of Pregnancy: ผื่นแดงเล็ก ๆ บนแขนหรือขา มักมาพร้อมอาการคัน
คอเลสตาซิสของการตั้งครรภ์ (Intrahepatic Cholestasis of Pregnancy – ICP)
- เป็นภาวะที่เกิดจากน้ำดีไหลเวียนผิดปกติ ทำให้เกิดอาการคันรุนแรง โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า
- เป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายต่อแม่และลูกในครรภ์ หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา
อาการคันแบบไหนควรพบแพทย์ทันที
มีอาการคันที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์
1. อาการคันรุนแรง โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า
หากคุณรู้สึกคันอย่างรุนแรงในบริเวณฝ่ามือหรือฝ่าเท้า อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติของตับ เช่น ภาวะคอเลสเตซิสในคนตั้งครรภ์ (Intrahepatic Cholestasis of Pregnancy : ICP) หรือโรคตับอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจส่งผลต่อสุขภาพของแม่และเด็กในครรภ์ (หากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์) หรือส่งผลกระทบต่อระบบการกรองสารพิษของร่างกายในกรณีทั่วไป สำหรับผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อาการนี้อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาตับหรือระบบน้ำดี
2. อาการคันที่มาพร้อมอาการอื่น เช่น ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ผิวและตาเหลือง
อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาการทำงานของตับ เช่น โรคดีซ่าน (Jaundice) หรือโรคทางเดินน้ำดีอุดตัน ซึ่งอาจเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี เนื้องอกในตับ หรือการติดเชื้อ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ตับวาย
3. มีผื่นแดง ตุ่มน้ำ หรือการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่รุนแรงและลุกลาม
หากอาการคันมีลักษณะร่วมกับผื่นลุกลามทั่วร่างกาย มีตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือมีบาดแผล ลักษณะมูกใสก่อนคลอด อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อในชั้นผิวหนัง เช่น โรคเซลลูไลติส (Cellulitis) หรือเป็นอาการแพ้ยาหรือสารเคมีบางชนิดที่รุนแรง เช่น ภาวะ SJS/TEN (Stevens-Johnson Syndrome/Toxic Epidermal Necrolysis) ซึ่งเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต ต้องรักษาในโรงพยาบาลทันที
4. อาการคันที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น
หากอาการคันยังคงอยู่แม้จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นสาเหตุต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ระคายเคือง หรือการใช้ยาทาบรรเทาอาการ หากอาการยังคงมีต่อเนื่องหลายวันหรือแย่ลง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจมีปัจจัยที่ซ่อนอยู่อีกมากที่เป็นสาเหตุ เช่น ปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะโลหิตจาง หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง
5. อาการคันร่วมกับปัญหาสุขภาพระบบอื่น
- หากคันร่วมกับอาการหายใจลำบาก หรือบวมในบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก หรือลำคอ อาการนี้อาจเป็นสัญญาณของภูมิแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
- คันร่วมกับเหงื่อออกมากตอนกลางคืน น้ำหนักลด หรือมีไข้ต่ำติดต่อกัน อาจเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหรือโรคทางระบบอื่น ๆ
วิธีบรรเทาอาการคันของคนท้องอย่างปลอดภัย
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์
- เลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายที่ไม่มีน้ำหอม เช่น โลชั่นที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์ หรืออโลเวรา เพื่อลดความแห้งของผิว
อาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวแห้งและคันมากขึ้น น้ำเย็นสามารถช่วยลดการอักเสบและผื่นคันได้
หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีน้ำหอม สารเคมี หรือน้ำยาซักผ้าที่มีส่วนผสมของสารแรง ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
ใช้ผ้าประคบเย็น
- ใช้ผ้าเย็นประคบบริเวณที่คันเพื่อบรรเทาอาการ
รับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานวิตามิน เช่น วิตามินอี หรือโอเมก้า-3 ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวได้
ปรึกษาแพทย์หากจำเป็น
- หากอาการคันรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ครีมหรือยาทาเฉพาะที่ เช่น ครีมไฮโดรคอร์ติโซนในปริมาณที่ปลอดภัย
วิธีป้องกันอาการคันในระหว่างตั้งครรภ์
รักษาความชุ่มชื้นของผิว
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากอาบน้ำ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากภายใน
สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าเนื้อบาง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้แพ้
- หากคุณมีประวัติการแพ้อาหารบางชนิด ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้อาการคันแย่ลง
ดูแลสุขภาพโดยรวม
- รับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายเบา ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
อาการคันหลังคลอด อันตรายหรือไม่
- อาการคันหลังคลอด อาจเกิดจากการฟื้นตัวของร่างกาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการแห้งของผิวหนัง
- หากเป็นผื่นหรือมีอาการคันรุนแรง อาจเกิดจากการแพ้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้หลังคลอด หรือปัญหาสุขภาพ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
- หากมีอาการคันที่เกี่ยวกับตับ (เช่น ICP ที่ยังหลงเหลือ) ควรตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
สรุป
อาการคันในคนท้องเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการยืดตัวของผิวหนัง อย่างไรก็ตาม หากอาการคันรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางสุขภาพ เช่น ICP ที่อาจอันตรายต่อแม่และลูกในครรภ์ หรือ ขี้กลาก การดูแลตนเองอย่างเหมาะสม เช่น ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ อาบน้ำเย็น และดื่มน้ำมาก ๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย