ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าดวงตาทั้งสองข้างของคนเรานั้น โดยทั่วไปมักจะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน แต่ความแตกต่างนี้มักจะไม่เด่นชัดจนกระทั่งสังเกตเห็นได้ยาก สำหรับบางคนอาจจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองและอาจส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาวได้ และวันนี้จะพาคุณไปรู้จักกับภาวะตาไม่เท่ากัน รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น และวิธีการแก้ไข ทั้งในแบบที่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับปัญหานี้
ทำความรู้จัก ตาไม่เท่ากัน คืออะไร ?
ตาไม่เท่ากันหมายถึงการที่โครงสร้างใบหน้ามีความไม่สมดุลกันระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง อาจเกิดจากกระดูกกระบอกตาที่แตกต่างกัน หรือความไม่เท่ากันของเปลือกตาและคิ้ว ซึ่งทำให้มองเห็นดวงตาสองข้างมีขนาดไม่เท่ากัน สาเหตุของปัญหานี้มีหลายประการ เช่น โครงหน้าที่ไม่สมดุลกัน ความสูงหรือต่ำของคิ้ว ความลึกของเบ้าตา รวมถึงขนาดและการเปิดของหนังตาที่ไม่เท่ากัน ปัญหานี้อาจส่งผลต่อความสวยงาม ทำให้ใบหน้าขาดความสมดุลและดูไม่มีมิติ ส่งผลให้ผู้ที่มีปัญหาอาจรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง
สาเหตุที่ทำให้ตาไม่เท่ากัน
- ตาไม่เท่ากันโดยกำเนิด เกิดจากโครงสร้างกระดูกเบ้าตาที่ผิดปกติ เช่น ชั้นตาสูงเกินไปทำให้ดูตาปรือ ตาสามชั้น หรือเบ้าตาลึก ซึ่งไม่ได้เกิดจากการผ่าตัดศัลยกรรม
- ตาไม่เท่ากันจากอายุที่มากขึ้น ไขมันบริเวณเปลือกตาหายไปทำให้เบ้าตาลึก ตาโหล หนังตาตก และผิวบริเวณรอบดวงตาหย่อนคล้อยตามวัย ทำให้ชั้นตาดูไม่เท่ากันทั้งสองข้าง
- ตาไม่เท่ากันจากโรคทางตา เกิดจากกล้ามเนื้อยกตามีการทำงานผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแต่กำเนิด ไม่สามารถลืมตาได้เต็มที่ ทำให้การเปิดชั้นตาไม่เท่ากัน หนังตาตกปิดตาดำมากเกินไป
- ตาไม่เท่ากันจากอุบัติเหตุ การบาดเจ็บบริเวณรอบดวงตาทำให้ไขมันบริเวณเปลือกตากระจายตัวไม่สม่ำเสมอ หรือโครงสร้างกระดูกที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ตาทั้งสองข้างดูไม่เท่ากัน
- ตาไม่เท่ากันจากการผ่าตัดศัลยกรรม อาจเกิดจากการกะชั้นตาผิดพลาดหรือนำไขมันบริเวณเปลือกตาออกไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดชั้นพับตาที่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในคนที่มีอายุมากและไขมันบริเวณเปลือกตาน้อย อาจพบปัญหาตาสามชั้นหรือเบ้าตาลึกหลังการผ่าตัด
- ตาไม่เท่ากันจากใบหน้าที่ไม่สมมาตร ความไม่เท่ากันของกระดูกโครงหน้าที่เป็นตั้งแต่กำเนิดทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ส่งผลให้ตาดูไม่เท่ากัน
- ตาไม่เท่ากันจากระดับคิ้วที่ไม่เท่ากัน คิ้วที่อยู่ในระดับสูงหรือต่ำกว่าคิ้วอีกข้างจะทำให้ดวงตาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เท่ากัน
- ตาไม่เท่ากันจากการแสดงสีหน้า การแสดงสีหน้าเช่นการเลิกคิ้วหรือเลิกหน้าผากบ่อยๆ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและดึงรั้ง จนเกิดริ้วรอยถาวรและทำให้ตาดูไม่เท่ากัน
ผลเสียของตาไม่เท่ากัน ต้องทำการแก้ไข
การมีดวงตาที่ไม่เท่ากันสามารถส่งผลกระทบต่อความสวยงามของใบหน้าได้อย่างมาก ทำให้เกิดความไม่มั่นใจหรือรู้สึกไม่สะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ดวงตาที่ไม่เท่ากันอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส หรือดูไม่เป็นมิตร เนื่องจากตาดูปรือเหมือนคนที่เหนื่อยล้าหรือง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังต้องใช้เวลาในการแต่งหน้ามากขึ้น เช่น การติดสติกเกอร์เพื่อทำให้ดวงตาดูเท่ากัน
นอกจากผลกระทบด้านความสวยงามแล้ว การมีดวงตาที่ไม่เท่ากันยังส่งผลต่อการมองเห็นอีกด้วย ในบางกรณี หนังตาอาจตกลงมาปิดตาดำมากเกินไป ทำให้ต้องเพ่งหรือเลิกคิ้วบ่อยครั้ง เพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปัญหานี้มักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ หากคุณมีปัญหาดวงตาไม่เท่ากัน ควรพิจารณาการแก้ไขเพื่อเพิ่มความมั่นใจและประสิทธิภาพในการมองเห็นในชีวิตประจำวัน
วิธีแก้ปัญหาตาไม่เท่ากันแบบไม่ต้องผ่าตัด
- การฉีดโบท็อกซ์ เป็นวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาตาไม่เท่ากันที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การเลิกคิ้ว หรือการย่นหน้าผาก รวมถึงการลดริ้วรอยขนาดเล็กบริเวณดวงตา เช่น รอยตีนกา รอยย่นใต้ตา หรือรอยขมวดคิ้ว โดยแพทย์จะฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อหน้าผาก หรือหางตา เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว
ข้อดี : ช่วยให้ผิวไม่เกิดรอยพับหรือริ้วรอย
ข้อเสีย : ถ้าฉีดมากเกินไปบริเวณดวงตาอาจทำให้ตาดูแข็งได้
- การฉีดฟิลเลอร์ เป็นวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาตาโหล เบ้าตาลึก หรือชั้นตาไม่เท่ากัน โดยแพทย์จะฉีดสารไฮยาลูรอนเข้าไปบริเวณเปลือกตาหรือชั้นตา เพื่อทดแทนไขมันหรือตกแต่งให้ชั้นตาดูชัดเจนขึ้น
ข้อดี : เห็นผลเร็ว ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
ข้อเสีย : มีอายุอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี แล้วสลายไปตามธรรมชาติ, อาจมีอาการบวมในช่วงแรกที่ฉีด และมีภาวะแทรกซ้อนต่อระบบเส้นเลือดรอบตาและการมองเห็น
- การร้อยไหม เป็นวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาตาตก ยกหางตา หรือยกคิ้ว มักใช้กับผู้ที่มีหนังตาหย่อนคล้อยและตาไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด โดยแพทย์จะสอดไหมละลายแบบเงี่ยงลงไปที่ชั้นผิวหนังเพื่อดึงให้ผิวหนังตึงและเป็นทรงตามแนวเส้นไหม
ข้อดี : เห็นผลได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน, ไหมสามารถละลายไปเองภายใน 4-5 เดือน
ข้อเสีย : หากแพทย์ขาดความชำนาญอาจทำให้ผิวไม่เรียบ เป็นก้อน หรือเป็นอันตรายกับอวัยวะใกล้เคียงได้, เป็นการแก้ไขที่ไม่คงทนถาวร
- การทำหัตถการยกกระชับ เช่น Ulthera และ Thermage เป็นอีกวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาตาไม่เท่ากันได้ เพราะสามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยและลดริ้วรอยรอบดวงตา รวมถึงกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงมากขึ้น
ข้อดี : เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด
ข้อเสีย : ราคาค่อนข้างสูง, อาจรู้สึกเจ็บตอนทำ, อาจมีผลข้างเคียง เช่น บวมแดง ช้ำ หรือชา ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังทำ และผลอาจไม่ชัดเจน หรือต้องทำซ้ำหลายครั้ง
วิธีแก้ไขปัญหาตาไม่เท่ากันแบบผ่าตัด
แก้ไขปัญหาตาไม่เท่ากันด้วยการผ่าตัดหรือศัลยกรรมตา ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและการประเมินของแพทย์ร่วมกับการพูดคุยกับคนไข้ ตัวอย่างเช่น การศัลยกรรมตาสองชั้น (Upper Blepharoplasty) เป็นการผ่าตัดเพื่อสร้างชั้นหนังตาใหม่ ช่วยให้ตาดูโต สดใส และได้รูปทรงตามต้องการ รวมถึงแก้ไขปัญหาตาไม่เท่ากันที่เกิดจากการเกาะของชั้นตา การศัลยกรรมตาสองชั้นมีหลายเทคนิค เช่น การกรีดสั้น การกรีดยาว การเปิดหัวตา หรือการเย็บ 3 จุด
ข้อดี : ใช้เวลาพักฟื้นน้อย, สามารถปรับรูปทรงตาได้ตามต้องการ
ข้อเสีย : จำเป็นต้องตัดไหม, บางเทคนิคอาจเสี่ยงที่ชั้นหนังตาจะหลุด
ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อแก้ไขตาไม่เท่ากันแล้ว
หลังจากแก้ไขปัญหาตาไม่เท่ากัน สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเองให้ดีเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ เริ่มจากการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การใช้ยาหยอดตาหรือยาปฏิชีวนะเพื่อลดการอักเสบ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้ตา และพักผ่อนให้เพียงพอ ควรใส่แว่นกันแดดเมื่อออกนอกบ้านเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงแดดและฝุ่นละออง
การทานอาหารที่มีประโยชน์เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ จะช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพตาได้ดี นอกจากนี้ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นที่เหมาะสม หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาบวมแดงหรือปวด ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที การดูแลตัวเองหลังการแก้ไขตาไม่เท่ากันนั้นสำคัญมากเพื่อให้ดวงตาของคุณกลับมาเป็นปกติและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ
สรุป
การมีตาไม่เท่ากันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากพันธุกรรม การใช้ชีวิต หรือปัญหาสุขภาพต่างๆ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดรวมถึงกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การบวมอักเสบ หรือแม้กระทั่งการใช้สายตามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวล เนื่องจากมีวิธีการแก้ไขที่หลากหลายตั้งแต่การดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
การใช้ยาลดบวม การบริหารกล้ามเนื้อตา ไปจนถึงการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ในกรณีที่มีอาการรุนแรง การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ไขที่เหมาะสม ดังนั้น หากคุณพบว่าตาของคุณมีขนาดไม่เท่ากัน อย่าละเลย รีบดำเนินการเพื่อรักษาและป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปไกลกว่าเดิม
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย