Radiesse คือตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการปัญหาผิวที่แสดงอาการแก่ก่อนวัย เช่น หน้าตอบ ผิวแห้งกร้านขาดน้ำ มีริ้วรอยร่องลึกและผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ช่วยเติมวอลุ่มให้ผิวในทันทีและเห็นผลยาวนานด้วยองค์ประกอบจาก CaHA การฟื้นฟูหรือชะลอวัยด้วยวิธีนี้ มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ตามมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ทำความเข้าใจ Radiesse คืออะไร
Radiesse (เรเดียสซ์) เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายของเรา จึงเป็นผลให้สารประกอบชนิดนี้ปราศจากอันตรายและปลอดภัย
CaHA เป็นสารในกลุ่มของ mineral ที่พบได้ในร่างกายได้โดยธรรมชาติ จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี มีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายไปตามธรรมชาติด้วยระบบตามปกติของร่างกาย
โดย CaHA (คา-ฮ่า) จะมีปริมาตร 30% และกระจายตัวอยู่ในเจลโซเดียมคาร์บอกชีเมทิลเซลลูโลส 70% หลังจากเจลได้ถูกฉีดลงในชั้นผิว ส่วนนี้จะถูกเนื้อเยื่ออ่อนเจริญเติบโตแทนที่ในภายหลังและสลายไปใน 6-8 สัปดาห์ ในขณะที่ CaHA จะยังคงอยู่ในบริเวณที่ฉีดไม่ถูกทดแทนด้วยสิ่งใด ๆ ในร่างกาย ผลลัพธ์ที่ได้คือ การฟื้นฟูสภาพผิวและการเติมเต็มเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผิวหนังจึงเป็นแบบระยะยาวกึ่งถาวร
สำหรับเจลโซเดียมคาร์บอกชีเมทิลเซลลูโลส จัดว่าเป็นสาร GRAS ที่ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาว่าปลอดภัยสามารถนำไปใช้ได้ ส่งผลให้ในทุก ๆ ขั้นตอนการผลิตของเรเดียสซ์ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต สามารถนำมาใช้เป็นสารฉีดในคนได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
CaHA กับประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิว 5 ประการ
CaHA มีคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูผิวโดยการเข้าไปกระตุ้นยึดโยงโครงสร้างภายในชั้นผิวให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ถึง 150% ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 3 ได้ถึง 130% ช่วยเสริมประสิทธิภาพทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงร่วมกับชนิดที่ 1
- กระตุ้นการสร้างอิลาสตินได้ถึง 260% ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น
- กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็ก ทำให้มีสารอาหารหล่อเลี้ยงผิวเพิ่มขึ้น หรือเรียกว่า กระบวนการAngiogenesis
- กระตุ้นการสร้างสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว Proteoglycan ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี
3 ผลลัพธ์หลังรับ เรเดียสซ์ ที่เห็นผลได้ในทันที
หลังการฉีดเรเดียสซ์เข้าสู่ชั้นผิว ผลลัพธ์ที่สามารถพบเจอได้ทันที มีดังนี้
- Healthier ผิวมีสุขภาพดี ชั้นผิวแข็งแรง แน่นกระชับ เด้งและอิ่มฟู
- Younger ริ้วรอยลดลง ใบหน้ายกกระชับ ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย
- Longer สามารถคงผลลัพธ์ยาวนานกว่า 24 เดือน ไม่สิ้นเปลือง ไม่อันตราย
ผิว Young ดี ดู Healthy ไปอีกนาน
5 จุดเด่นที่ทำไม เรเดียสซ์ จึงเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน
- มีความสะดวก ผลิตภัณฑ์อยู่ในรูปแบบเจลในไซริงค์พร้อมฉีด (Pre-Filled Syringe)
- ได้รับความนิยม จากยอดขายกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก
- มีการใช้มาเป็นเวลานาน โดยแพทย์ทั่วโลกได้ใช้งานมาแล้วกว่า 17 ปี และยังมีวิจัยรองรับมากกว่า 245 ชิ้น
- ได้รับการไว้วางใจ ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้ง US FDA และอย. ไทย
- ถูกใจผู้ใช้จริง จากผลสำรวจพบว่าลูกค้ากว่า 90% พึงพอใจในผลลัพธ์หลังจากการใช้ใน 1 ปี
Radiesse เหมาะกับใคร
เรเดียสซ์ เหมาะกับกลุ่มคนที่มีอายุ 30 – 55 ปี หรือมีปัญหาด้านผิวพรรณ ดังนี้
มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ เริ่มเห็นการสูญเสียวอลุ่มเล็กน้อย-ปานกลาง
- มีริ้วรอยแห่งวัยเกิดขึ้น
- ผิวโทรม แห้ง แลดูหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
บริเวณที่สามารถใช้ Radiesse ได้ มีตรงไหนบ้าง
ข้อบ่งใช้ของเรเดียสซ์ที่ได้การรับรองจาก US FDA เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผิวหนัง มีดังนี้
- เติมเต็มบริเวณร่องแก้ม ส่วนแก้ม
- รักษาร่องน้ำหมาก
- รักษารูปกราม
- เติมเต็มบริเวณมือ แก้มือเหี่ยวย่น
- เติมเต็มผิวที่ยุบลงบนบริเวณใบหน้าของผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน
เรเดียสซ์สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ 1 เดือนแรกที่รับบริการ เห็นชัดเจนขึ้นใน 3 – 6 เดือน และคงอยู่บนร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพนาน 12 – 24 เดือน โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวรวมถึงการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล หลังจากนั้นจะสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
สำหรับการฉีดซ้ำ ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน สำหรับความถี่ในการรักษาแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและประเมินสภาพผิวได้อย่างถูกต้อง
- โดยส่วนใหญ่ในคนที่มีปัญหาชัดเจนจะใช้ 2 กล่องต่อการรับบริการ 1 ครั้ง
- ในกลุ่มคนที่มีปัญหาน้อยสามารถใช้เพียง 1 กล่องได้โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
สามารถทำเรเดียสซ์พร้อมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม
- หากเลือกทำในวันเดียวกันกับการหัตการเลเซอร์ต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานความร้อน สามารถทำร่วมกันได้ โดยให้ทำเลเซอร์ Ultherapy SPT, Therma FLX หรืออื่น ๆ ก่อนค่อยฉีดเรเดียสซ์ตามหลัง และถ้าทำกันคนละวัน แนะนำควรทำห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน ไม่ว่าจะทำอะไรก่อนก็ตาม
- สำหรับผู้ที่เคยฉีด Biostimulator ตัวอื่นมาก่อน สามารถฉีดเรเดียสซ์ได้โดยให้เว้นหลังจากการฉีดตัวเดิมห่างกัน 3-6 เดือน
- ในกรณีสารเติมเต็มฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิก เอซิด (HA) สามารถฉีดร่วมกันได้ ในกรณีที่ฉีดคนละบริเวณกัน เช่นเดียวกันกับ Toxin, Mesotherapy, PRP, Exosome และ Mesofat
- หัตถการนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ผ่านการร้อยไหมมาแล้ว (ระยะเวลาที่ทำมาแล้วและประเภทของไหมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์)
- ในกรณีที่มีซิลิโคนบนใบหน้า สามารถฉีดได้โดยเว้นบริเวณที่มีซิลิโคน
ทีมแพทย์ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
ข้อปฏิบัติก่อนรับ Radiesse เพื่อการฟื้นฟูผิว
- ควรมีสุขภาพร่างกายที่ดี แข็งแรงและไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือการแพ้ยาที่มีอยู่ หรือการรักษาทางการแพทย์ที่ผ่านมา
- หลีกเลี่ยงการทานยาที่อาจมีผลต่อการขาดสารละลายในเลือด หากจำเป็นต้องใช้ยาเช่นนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคำแนะนำเกี่ยวกับยาเหล่านี้
- งดการบริโภควิตามินหรืออาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดสารละลายในเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา และน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับเรเดียสซ์จากผู้ผลิตแท้และการรักษาถูกดำเนินการโดยผู้ชำนาญการทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรอง คุณสามารถตรวจสอบได้ผ่าน Radiesse Certified Injector ที่คลินิกหรือ Merz Check
ข้อปฏิบัติหลังรับ Radiesse เพื่อการฟื้นฟูผิว
- อาจบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดและมักหายเองภายใน 72 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส การนวดหรือการกดบริเวณที่ถูกฉีด
- งดการแต่งหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังการฉีด
- หากรู้สึกมีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถกดและนวดบริเวณที่มีปัญหาเพื่อช่วยลดขนาดของก้อนได้
- ในบางกรณี อาจเกิดรอยช้ำหลังจากการฉีด ซึ่งเป็นปกติเนื่องจากการกระจายสารเติมเต็มบนผิวหนัง หากสังเกตเห็นผิวหนังแดงหลังการฉีด แนะนำให้ประคบเย็นหรือใช้ยาที่ช่วยลดรอยช้ำ หากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วและผิวหนังยังคงแดง แนะนำให้ประคบอุ่น
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ใช้ความร้อนสูงและงดเข้าห้องซาวน่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- แจ้งแพทย์หากคุณมีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือมีข้อกังวล
- แจ้งแพทย์หากคุณวางแผนที่จะทำหัตถการหรือรับการรักษาเพิ่มเติมในบริเวณที่ได้รับการฉีดเรเดียสซ์
Radiesse เป็นนวัตกรรมย้อนวัยด้วยสาร CaHA ช่วยเพิ่มความเต่งตึงและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนสำหรับผิว มีผลลัพธ์ทนทานได้ถึง 24 เดือน ฟื้นฟูผิวหน้าแบบกึ่งถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด รับบริการหรือปรึกษากับแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการและมากประสบการณ์ได้ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้บริการเพื่อลูกค้าทุกท่าน ได้รับความพึงพอใจสูงสุด เราพัฒนาคุณภาพการรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง