กล้ามเนื้อกระตุก (MUSCLE TWITCHING) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อหดตัวอย่างรวดเร็วและกล้ามเนื้อคลายตัวสลับกันโดยควบคุมไม่ได้ เราสามารถพบกล้ามเนื้อกระตุกในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสะดุ้งตื่นในขณะหลับ นอกจากนี้ กล้ามเนื้อกระตุกยังสามารถเกิดขึ้นหลังจากการออกกำลังกายหนักหรือในช่วงเวลาที่เราเครียด อาการนี้มักเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้ว กล้ามเนื้อกระตุกเป็นอาการที่ไม่ต้องกังวลมาก แต่หากคุณมีข้อกังวลหรืออาการเพิ่มเติมที่ไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพของคุณอย่างถูกวิธี
อาการกล้ามเนื้อกระตุก
อาการกล้ามเนื้อกระตุกเป็นอาการที่ทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายเกิดการสั่น กระตุก หรือเกร็งโดยไม่คาดคะเน เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและฉับพลัน และมักเกิดทีละจุดหรือหลายจุดในร่างกายในบางครั้ง อาการอาจเกิดพร้อมกันในหลายพื้นที่ของร่างกาย อาการกระตุกของกล้ามเนื้อส่วนใหญ่จะเป็นอย่างชั่วคราวและอาจหายเองในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากความรุนแรงของอาการเพิ่มขึ้น หรือมีอาการร่วมอื่น เช่น รู้สึกเหน็บชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือกล้ามเนื้อดูฝ่อลง อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับประทานอาหาร การพูด หรือการเดิน
หากคุณมีอาการกระตุกเหล่านี้อยู่และมีความคิดว่ามันเริ่มมีอาการบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคหรือสภาวะสุขภาพที่ต้องการการดูแลและการรักษาเพิ่มเติม
สาเหตุของอาการกล้ามเนื้อกระตุก
อาการกล้ามเนื้อกระตุกคืออาการที่มีการกระตุกหรือสั่นของกล้ามเนื้อโดยไม่สามารถควบคุมได้เอง โดยทั่วไปแล้วอาการนี้ไม่มีความรุนแรงและมักเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา ต่อไปนี้คือสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- การออกกำลังกาย: การกระตุกกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายอาจเกิดขึ้นเนื่องจากการสะสมของกรดแลกติก (LACTIC ACID) ในกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกาย ส่งผลให้เกิดการกระตุกได้บ่อยในบริเวณแขน ขา และหลัง
- ความเครียดและความวิตกกังวล: อาการกระตุกกล้ามเนื้ออาจเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวลที่ส่งผลให้ระบบประสาทผิดปกติ (NERVOUS TICKS) และสามารถเกิดได้ในทุกส่วนของร่างกาย
- การบริโภคคาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่น ๆ: การบริโภคคาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่น ๆ มากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อกระตุกได้ทั่วร่างกาย
- ขาดสารอาหารและวิตามิน: ขาดสารอาหารและวิตามิน เช่น วิตามินดี วิตามินบี หรือแคลเซียม ส่วนใหญ่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตา น่อง และมือกระตุก
- ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่: ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่สามารถทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและกระตุก โดยมักเกิดบริเวณกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เช่น ขา แขน หรือลำตัว
- สารนิโคติน: สารนิโคตินที่พบในบุหรี่และสารเสพติดประเภทอื่น ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อขากระตุกได้ง่าย
- การใช้ยาบางชนิด: การใช้ยาบางชนิด เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ (CORTICOSTEROIDS) หรือยาเม็ดฮอร์โมนเอสโตรเจน ก็อาจกระตุ้นให้เกิดการกระตุกกล้ามเนื้อได้ง่ายในบริเวณมือ แขน หรือขา และจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับปรุงรูปแบบการใช้ยา
อย่างไรก็ตาม บางครั้งการกระตุกกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเป็นประจำอาจมีสาเหตุจากโรคหรือปัญหาความผิดปกติทางด้านระบบประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้อเสื่อม โรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยน (MUSCULAR DYSTROPHY) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (AMYOTROPHIC LATERAL SCLEROSIS/LOU GEHRIG’S DISEASE: ALS) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA (SPINAL MUSCULAR ATROPHY: SMA) หรือโรคไอแซค ซินโดรม (ISAAC’S SYNDROME) เป็นต้น
การวินิจฉัยอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- ในขั้นแรกของการวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อกระตุกเริ่มต้นด้วยการสอบถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงรายละเอียดของอาการกล้ามเนื้อกระตุกที่เกิดขึ้น เราจะสอบถามเกี่ยวกับเวลาที่อาการเริ่มแสดงตัว ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการ และความถี่ในการเกิดอาการ โดยรวมถึงบริเวณที่มีอาการเป็นพิเศษ เราจะถามเกี่ยวกับการอาศัยอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือไม่ และมีความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่
- หลังจากการสอบถามประวัติทางการแพทย์เสร็จสิ้น เป็นขั้นตอนของการตรวจร่างกายทั่วไปของผู้ป่วย แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย และอาจเพิ่มเติมการตรวจด้านอื่นตามความเหมาะสม การตรวจร่างกายเหล่านี้จะช่วยแพทย์ในการประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพและสาเหตุที่เป็นไปได้ของอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- เพื่อเสริมความแน่ใจในการวินิจฉัย แพทย์อาจสั่งให้ผู้ป่วยทำการตรวจเลือด เพื่อตรวจหาความผิดปกติในระดับเกลือแร่ในเลือด เช่น ELECTROLYTES และตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ รวมถึงตรวจสารเคมีอื่น ๆ ในเลือด
- อีกอย่างที่อาจจะถูกใช้ในกระบวนการวินิจฉัยคือการตรวจซีที สแกน (CT SCAN) หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) บริเวณกระดูกไขสันหลังและสมอง นอกจากนี้ยังมีการตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (ELECTROMYOGRAPHY: EMG) และการนำกระแสไฟฟ้าของเส้นประสาท (NERVE CONDUCTION STUDIES) เพื่อตรวจสภาวะของระบบประสาท
- การวินิจฉัยที่ถูกดำเนินการอย่างรอบคอบจะช่วยให้แพทย์ทราบสาเหตุของอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างแน่นอน ซึ่งสำคัญเพราะอาการเหล่านี้ที่เกิดอย่างต่อเนื่องหรือเป็นประจำมักมีสาเหตุที่ซ่อนอยู่ เริ่มต้นการรักษาที่เหมาะสมในระยะแรกจะช่วยลดปัญหาสุขภาพในระยะยาวและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาอย่างมาก ๆ
การรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก
อาการกล้ามเนื้อกระตุกทั่วไปไม่ค่อยจำเป็นต้องรับการรักษาเสมอไป เนื่องจากอาการมักลดลงและหายไปเองภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่อาการกระตุกมากและรู้สึกไม่สบายตัว การใช้ยาอาจช่วยบรรเทาอาการได้ดีขึ้น นี่คือตัวอย่างของกลุ่มยาที่มักใช้ในการรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (CORTICOSTEROIDS) เช่น ยาเบต้าเมทาโซนและยาเพรดนิโซโลน เป็นตัวยาที่ช่วยลดอัตราการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งอาจช่วยลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- ยาคลายกล้ามเนื้อ (MUSCLE RELAXANTS) เช่น คาริโซโพรดอลและยาไซโคลเบนซาพรีน เหล่านี้ช่วยควบคุมการกระตุกของกล้ามเนื้อและลดความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ
- ยาหย่อนกล้ามเนื้อ (NEUROMUSCULAR BLOCKERS) เช่น โบทูลินัมท็อกซินชนิดเอและโบทูลินัมท็อกซินชนิดบี ใช้เฉพาะในกรณีที่กระตุกกล้ามเนื้อรุนแรง และเป็นตัวยาที่ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนลง
- ยาคลายเครียด (TRANQUILIZERS) เช่น ยาโคลนาซีแพม อาจช่วยลดความเครียดและช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น
หากคุณมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกที่รุนแรงหรือยาไม่ช่วยลดอาการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณได้รับการดูแลและคำแนะนำทางการแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพของคุณ อย่าลืมที่จะติดตามคำสั่งจากแพทย์เสมอและรักษาสุขภาพร่างกายในทางที่ดีที่สุดในทุกกรณี
ภาวะแทรกซ้อนของอาการกล้ามเนื้อกระตุก
กล้ามเนื้อกระตุก เป็นอาการที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง แต่สำหรับบางคนที่ประสบกับอาการนี้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้โรคที่ซ่อนอยู่ไม่ได้รับการรักษา เช่นโรคลมชักหรือภาวะเกลือแร่ต่ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว ดังนั้นควรคำนึงถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หากมีลักษณะกล้ามหน้าท้องไม่เท่ากันสามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ เพื่อรักษาโรคที่อาจซ่อนอยู่ได้เร็วที่ที่สุดเพื่อสุขภาพของคุณเอง
การป้องกันอาการกล้ามเนื้อกระตุก
การป้องกันอาการกล้ามเนื้อกระตุกเราอาจป้องกันได้ไม่เต็มที่ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ: ควรเน้นการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช และเลือกโปรตีนจากแหล่งที่ไม่มีมันมาก เช่น เนื้อไก่หรือเต้าหู้
- รักษาระยะเวลาการนอนหลับ: หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายและเส้นประสาทพักผ่อนอย่างเพียงพอคือการนอนหลับเพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ลดความเครียด: พยายามที่จะไม่เครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบหรือออกกำลังกาย เพราะความเครียดอาจมีผลกระตุ้นให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
- จำกัดคาเฟอีน: ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณมาก เนื่องจากคาเฟอีนสามารถกระตุ้นเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกได้
- ไม่ควรสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่อาจมีสารนิโคตินซึ่งเป็นตัวกระตุ้นส่งผลต่อระบบประสาทและสุขภาพทั่วไป การหย่าบุหรี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการลดความเสี่ยง
- พิจารณาการใช้ยา: ถ้าคุณกำลังใช้ยาในกลุ่มแอมเฟตามีนและมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการเปลี่ยนยาเป็นชนิดอื่นที่ไม่มีผลกระตุ้นต่ออาการนี้
สรุป
อาการกล้ามเนื้อกระตุกเป็นอาการที่พบได้บ่อยทั้งในผู้ชายและผู้หญิงทุกช่วงอายุ มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการนี้ บางครั้งผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อกระตุกอาจรู้สึกไม่สบายชั่วคราวและสามารถหายเองในไม่กี่วันโดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุกอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงในระยะยาว ดังนั้น การรับรู้ตัวเองและเข้าใจความเสี่ยงของกล้ามเนื้อกระตุกเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรระมัดระวังและสังเกตอาการของคุณเองอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพคุณในระยะยาว และเรายังให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อน่องโตสามารถสอบถามได้
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย