10 วิธี ลดพุงหลังคลอด เพื่อให้ได้หุ่นที่สวยงามกลับมาอีกครั้ง

หลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาพุงหลังคลอดที่ยังคงอยู่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวก่อนที่จะกลับมามีหน้าท้องแบนเรียบอีกครั้ง แต่ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้การลดพุงหลังคลอดได้ตามที่คาดหวัง เพราะต้องใช้เวลาและให้ความสำคัญในการดูแลลูกน้อยเป็นหลัก อาจทำให้คุณแม่ไม่สามารถให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่างตัวเองได้อย่างเต็มที่

จึงทำให้ให้เกิดปัญหามีพุงหลังคลอดสะสมมาเรื่อย ๆ ถึงเวลาแล้วที่คุณแม่หลังคลอดต้องหันมาให้เวลากับตนเองในการดูแลรูปร่าง มีวิธีลดพุงที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน สามารถนำไปใช้ได้ง่าย ๆ เพื่อจะได้กลับมามีหุ่นที่สวยงามดังเดิมอีกครั้ง

คุณแม่อาจกังวลเกี่ยวกับปัญหามีพุงหลังคลอด เพราะต้องการกลับมามีรูปร่างสวยงามอีกครั้ง มีวิธีลดพุงหลังคลอดที่ค่อนข้างเร่งด่วนและสามารถทำได้ง่าย ๆ เห็นผลดีที่สุดดังนี้

1. ให้ลูกกินนมแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่คือสิ่งสำคัญมาก ควรเริ่มให้นมแม่ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอย่างน้อย 6 เดือน (หรือมากกว่านั้น) นอกจากจะประหยัด มีสารอาหารครบถ้วนแล้ว ยังเป็นเกราะป้องกันโรคต่าง ๆ การให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ ยังช่วยเผาผลาญพลังงานและลดไขมันในร่างกาย ช่วยลดหน้าท้องหลังคลอดได้อย่างดี
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีน ใยอาหารสูง และวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ อาจเลือกทานอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ลดการบริโภคขนมหวานให้น้อยลง
3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณเพียงพอตามความต้องการของร่างกาย ประมาณ 2-3 ลิตร จะช่วยให้น้ำนมไหลดี ช่วยให้ลูกดูดเยอะ และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ลดหน้าท้องหลังคลอดได้ดี
4. อยู่ไฟหลังคลอด เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดแบบธรรมชาติ 4-5 วัน และคุณแม่หลังผ่าคลอดประมาณ 30-45 วัน ช่วยลดน้ำหนักหลังคลอดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยให้มดลูกเข้าอู่ไว ลดอาการบวมหลังคลอดได้ดี
5. ออกกำลังกายเพื่อลดหน้าท้อง หลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวได้ดีแล้ว คุณแม่สามารถออกกำลังกายเพื่อลดหน้าท้อง โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับคนเอง เช่นท่า Crunches Bicycle Crunches Plank โยคะ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ฯลฯ การเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอในชีวิตประจำวันยังช่วยเพิ่มโอกาสในการลดน้ำหนักหลังคลอดอีกด้วย
6. ฝึกแขม่วหน้าท้องวิธีการลดหน้าท้องหลังคลอดที่ไม่ต้องใช้แรงมาก คุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ และช่วยบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ป้องกันหน้าท้องแยกและลดไขมันส่วนเกิน และยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นอีกด้วย
7. ลดหน้าท้องหลังคลอดด้วยการนวดกระชับ ช่วยกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยลดไขมันส่วนเกินและเสริมสร้างระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ใช้เครื่องนวดหลักล้าน Venus Legacy ที่มีเทคโนโลยี RF ที่ช่วยกระชับหน้าท้องและลดสัดส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
8. การยกกระชับผิว J Plasma เป็นเทคโนโลยีแก้ปัญหาหน้าท้องย้วยหลังคลอดได้ดี การใช้เครื่องนวด RF แบบ Venus Legacy ช่วยยกกระชับผิวและลดสัดส่วนได้ดี คุณแม่จะกลับมามีรูปร่างสวยงามอีกครั้ง
9. การผ่าตัดยกกระชับหน้าท้อง Tummy Tuck เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีปัญหารุนแรง การผ่าตัด Tummy Tuck ช่วยลดหน้าท้องหลังคลอดในลักษณะที่เอาหน้าท้องส่วนเกินออก และตกแต่งผิวหนังให้แบนราบ ความเสี่ยงในการผ่าตัดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
10. ดูดไขมันลดสัดส่วน เป็นวิธีที่คุณแม่ที่ต้องการลดสัดส่วนหน้าท้องหลังคลอดเลือกทำที่สุด การดูดไขมันในปัจจุบันมีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การลดหน้าท้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การเหลาเอวเอส การสร้าง Sexy Line และการเน้นสะโพกให้มีความผายยิ่งขึ้น การดูดไขมันอาจไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักตัวได้ แต่สามารถเพิ่มโอกาสในการมีรูปร่างที่น่ามองได้และเห็นผลที่ชัดเจนมากที่สุด

หลังคลอด ร่างกายของคุณแม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับทุกคน เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายหลังคลอดดังนี้

• ผมร่วง ภาวะนี้เกิดขึ้นหลังคลอด อาจร่วงเพียงชั่วคราว จะเข้าสู่ภาวะปกติในระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน
• เต้านมขยายและคัดเต้านม เป็นภาวะที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะสร้างกลไกกระตุ้นและสร้างน้ำนม สามารถแก้ไขด้วยวิธีให้ลูกน้อยเข้าเต้าบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้เต้านมไม่คัดมากจนเกินไป การทำสต็อกน้ำนมเพื่อเก็บไว้ให้ลูกดื่มก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยเตรียมพร้อมสำหรับการให้นมลูก
• ผนังหน้าท้องหย่อนคล้อย การขยายตัวของหน้าท้องทำให้ผนังหน้าท้องหย่อนยาน และอาจเกิดปัญหาหน้าท้องแยกได้ สามารถออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผนังหน้าท้องกระชับกลับคืนสู่สภาพปกติได้
• ท้องผูก เกิดได้เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ยังไม่เข้าที่ ส่งผลให้ความดันในช่องท้องลดลงรวมถึงฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้คลายตัว ทำให้มีอาการท้องผูก ควรเลือกทานอาหารที่มีกากใยสูง และดื่มน้ำบ่อย ๆ

หลังจากคลอดลูกแล้ว คุณแม่มือใหม่อาจพบเจอปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกาย อาทิ น้ำหนักที่ไม่ลดลง พุงที่ยังคงไม่ยุบเสมอ มีไขมันสะสมที่พื้นที่ต่าง ๆ หน้าท้องที่ย้วยลง หรือแตกลาย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องที่แยกออกมา แม้คุณแม่อาจใช้วิธีธรรมชาติในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดื่มน้ำ และออกกำลังกายตามคำแนะนำอย่างถูกต้องก็ตาม อาจยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ หรืออาจเลือกใช้วิธีการเร่งลดน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง

โดยการกินอาหารเคร่งครัดมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มีอาการอ่อนเพลีย และไม่สามารถเลี้ยงลูกได้อย่างเหมาะสม แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่รูปร่างจะกลับมาดูดีเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เรื่องที่ไกลออกไป คุณแม่สามารถปรับปรุงสภาพร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงได้

ดังนั้นคุณแม่ควรทำความรู้จักกับเรื่องกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกก่อนที่จะลดพุงหลังคลอด เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ จะเพิ่มแรงดันที่บริเวณท้อง ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องยืดมากเกินไป เรียกว่า “Diastasis Recti” เพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ จึงเกิดภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก

กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกหรือ Diastasis Recti คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Rectus Abdominis) หรือที่เรียกว่า “ซิกแพค” อ่อนแอลง ซึ่งกล้ามเนื้อหน้าท้องทั้งสองซีกนี้ถูกเชื่อมต่อกันด้วยเนื้อเยื่อหุ้มคอลลาเจนที่เรียกว่า “Linea Alba” เมื่อตั้งครรภ์ทำให้หน้าท้องเกิดการขยายตัว จึงทำให้เนื้อเยื่อชนิดนี้แยกออกจากกัน และส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อหน้าท้องซ้ายและด้านขวา

ความเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อหน้าท้องนี้ อาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเกี่ยวกับรูปร่างหลังคลอด และอาจมีความคาดหวังที่จะลดพุงหลังคลอดและวิธีทำให้รูฟิตกลับมาสวยงามเช่นเดิม แต่การออกกำลังกายที่เน้นท่าเฉพาะหน้าท้องอาจไม่เป็นทางเลือกที่เหมาะสม เช่น ท่าครันช์ ซิตอัพ แพลงก์ วิดพื้น หรือเวทแทรนนิ่ง เพราะอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเกิดพังผืดและไม่กระชับหนักกว่าเดิมอีกด้วย

คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดพุงหลังคลอด สามารถเริ่มเคลื่อนไหวและออกกำลังกายเล็กได้ตั้งแต่ 2-3 วันแรกหลังคลอดลูก แนะนำให้เริ่มต้นด้วยกิจกรรมที่เบา ๆ อย่างเดินเล่นหรือเล่นโยคะ ควรเริ่มออกกำลังกายประมาณ 15-30 นาทีต่อวัน แต่อย่าหักโหมมากจนเกินไป เพราะร่างกายอาจยังไม่ฟื้นตัวดี ควรให้ความสำคัญในการให้ร่างกายเวลาในการฟื้นตัวและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม หากมีอาการไม่สบายหรือรู้สึกหนัก ควรหยุดทำกิจกรรมทันทีและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำและการดูแลตนเองในช่วงหลังคลอดอย่างที่เหมาะสม

ปัญหารูปร่างของคุณแม่หลังคลอด เข้ามาปรึกษากับแพทย์ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีดังนี้

1. ปัญหาไขมันสะสมหน้าท้องที่ลดเองได้ยาก อาจเพราะต้องเลี้ยงดูลูก ไม่มีเวลาออกกำลังกายหรือดูแลตัวเองมากนัก
2. ปัญหาหน้าอกหย่อนยาน หน้าท้องย้วย แขนไม่กระชับ ที่เกิดขึ้นหลังจากคลอดลูก ต้องออกกำลังกายอย่างหนัก สม่ำเสมอ ทำต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี ผิวหนังจึงจะค่อยๆ กลับมาเฟิร์ม แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ 100% ที่หุ่นจะกลับมาเหมือนสมัยสาวๆ

ปัญหาเหล่านี้แพทย์ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีหลายวิธีที่เหมาะสมที่สามารถทำให้รูปร่างคุณแมหลังคลอด กลับมาสวยเฟิร์มไดิอีกครั้ง เช่น

1. ดูดไขมัน ด้วยเทคนิคเฉพาะที่รัตตินันท์ เรียกว่า TripleTite การผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยแบบ x3 ปรับรูปร่างให้สวยเฟิร์มในครั้งเดียว ทั้ง BodyTite สลายไขมันพร้อมกับกระชับผิวได้มากที่สุด , PowerTite ดูดไขมันออกได้เยอะและดูดไขมันในจุดที่เข้าถึงยากได้ดี และ DermaTite กระชับผิวย่นยับให้เรียบตึง กำจัดเซลลูไลท์
2. ยกกระชับหน้าอก ในคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาเต้านมย้อยเหมือนถุงกาแฟ และมีตำแหน่งเต้านมที่ผิดเพี้ยนไป ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีเทคนิคยกกระชับหน้าอก , ย้ายตำแหน่งหัวนม (Nipple Graft) และเสริมหน้าอกร่วมด้วย ให้หน้าอกคุณแม่หลังคลอดกลับมาสวยงาม ใส่เสื้อผ้าได้มั่นใจอีกครั้งอีกครั้ง
3. ผ่าตัดหนังหน้าท้อง ที่หย่อนย่วย ไม่กระชับ ให้กลับมาเรียบตึงอีกครั้ง ร่วมกับการสร้างสะดือใหม่ ด้วยเทคนิคเฉพาะที่รัตตินันท์ คือ Daimond Shape โดยการผ่าตัดมีทั้งแบบ Mini Tummy Tuck และ Full Tummy Tuck โดยแพทย์จะประเมินและเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาพุงหลังคลอด ทางรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีวิธีลดพุงหลังคลอดที่เป็นกลุ่มหัตถการด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์และมืออาชีพ พร้อมใช้เทคโนโลยีทันสมัยและมาตรฐานระดับสากล สำหรับการฟื้นฟูหน้าท้องของคุณแม่หลังคลอดให้กลับมาแบนราบและกระชับ ได้อย่างรวดเร็ว หากสนใจในการแก้ไขปัญหาหลังคลอดให้กลับมามีรูปร่างที่สวยงามดังเดิม เพื่อให้สามารถสวมใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็มั่นใจ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ได้เลย