การผ่าตัดหน้าท้อง (Abdominoplasty / Tummy Tuck) อาจเป็นก้าวสำคัญของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมเพื่อเสริมความมั่นใจ หรือการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพ แต่สิ่งที่หลายคนกังวลไม่น้อยกว่าผลลัพธ์ก็คือ “รอยแผลหลังผ่าตัด”
ที่รัตตินันท์คลินิก เราเข้าใจดีว่าทุกคนอยากให้แผลหายเร็ว ไม่มีรอยแผลเป็นที่เห็นชัด และสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างมั่นใจ เราจึงมีแนวทางดูแลแผล และจะพาคุณไปรู้จักกับ วิธีดูแลแผลผ่าตัดหน้าท้องอย่างถูกต้อง ตั้งแต่วันแรกไปจนถึงระยะยาว
แผลผ่าตัดหน้าท้องคืออะไร และมีลักษณะอย่างไรหลังการผ่าตัด
ประเภทของแผลผ่าตัดหน้าท้อง
แผลผ่าตัดหน้าท้องเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
-
การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง เช่น การดูดไขมัน การผ่าตัดหนังหน้าท้อง
-
การผ่าตัดทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัดคลอด หรือการผ่าตัดรักษาโรค
ลักษณะของแผลอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ตำแหน่ง ขนาด และวิธีเย็บแผล แต่ในบทความนี้จะเน้นไปที่การผ่าตัดหนังหน้าท้อง
ลักษณะแผลในช่วงหลังผ่าตัดทันที
หลังผ่าตัดเสร็จใหม่ ๆ แผลจะมีลักษณะดังนี้
- มีรอยเย็บหรือไหมเย็บตามแนวแผล
- ผิวรอบแผลอาจบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งเป็นปกติ
- อาจมีน้ำเหลืองซึมบ้างในช่วง 1-2 วันแรก
- แผลยังมีสีแดงเข้มหรือม่วงตามธรรมชาติของแผลสด
ปัจจัยที่มีผลต่อการสมานแผล
การหายของแผลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- พฤติกรรมของผู้ป่วย การดูแลแผลที่ถูกต้อง ช่วยให้แผลหายไวขึ้น
- สุขภาพร่างกาย คนที่มีโรคเบาหวาน หรือสูบบุหรี่อาจใช้เวลาสมานแผลนานกว่าปกติ
- เทคนิคของแพทย์ การเย็บแผลและการดูแลหลังผ่าตัดมีผลต่อรอยแผลเป็น
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูแลแผลอย่างถูกวิธี และใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เลเซอร์ลดรอยแผลเป็น หรือ การฉายแสงลดบวม จะช่วยให้แผลเรียบเนียนและสวยขึ้นได้มาก
การดูแลแผลผ่าตัดหน้าท้องในสัปดาห์แรก
วิธีดูแลแผลและข้อควรระวัง
หลังการผ่าตัดหน้าท้องช่วงแรก ๆ สิ่งที่ผู้เข้ารับการผ่าตัดทุกคนต้องใส่ใจมากที่สุดคือ ความสะอาดและการลดการอักเสบ
ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเน้นย้ำเสมอว่าการดูแลแผลที่ถูกวิธีในช่วงนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของแผลที่หายเร็วและเรียบสวยในอนาคต
แนวทางการดูแลแผลใน 7 วันแรก
-
รักษาความสะอาดแผลทุกวัน ไม่ให้มีเหงื่อ น้ำ หรือสิ่งสกปรก
-
ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าพยาบาลจะอนุญาต
-
หลีกเลี่ยงการขยับลำตัวแรง ๆ หรือออกกำลังกาย
-
นอนในท่าที่ลดการตึงของแผล เช่น งอเข่าเล็กน้อยเวลานอนหงาย
-
ไม่แกะ ไม่เกาแผล แม้ว่าจะรู้สึกคัน
-
รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงสัปดาห์แรก
เพื่อให้แผลสมานได้ดี ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้ครับ
🚫 ห้ามโดนน้ำตรงแผล เพราะอาจเสี่ยงติดเชื้อ
🚫 ห้ามทาครีมหรือยานอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำ
🚫 หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารทะเล แอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มโอกาสบวมอักเสบ
🚫 งดสูบบุหรี่ และงดดื่มกาแฟในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดแย่ลง
อ่าน ตัดหนังหน้าท้อง พักฟื้นกี่วัน? ดูแลตัวเองอย่างไรให้ฟื้นตัวเร็วแนวทางการดูแลแผลช่วงสัปดาห์ที่ 2
การเปลี่ยนแปลงของแผลในช่วงสัปดาห์ที่ 2
หลังผ่านไป 7 วัน แผลของหลาย ๆ คนจะเริ่มสมานตัวดีขึ้น อาการบวมแดงจะลดลงอย่างชัดเจน
-
แผลจะเริ่มแห้งสนิทมากขึ้น
-
อาการตึงหรือเจ็บลดลง
-
ผิวบริเวณรอบแผลอาจเริ่มคันเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังสมานแผลอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ควรชะล่าใจ เพราะแผลยังอยู่ในระยะฟื้นฟูชั้นในที่อาจไม่เห็นด้วยตาเปล่า การดูแลยังคงต้องเน้นที่ความสะอาดและความอ่อนโยน
สิ่งที่ควรสังเกตและการดูแลเพิ่มเติม
ช่วงสัปดาห์ที่ 2 แนะนำให้ผู้รับบริการเฝ้าสังเกตแผลอย่างใกล้ชิด เช่น
- หากมีอาการแดง บวม หรือปวดรุนแรงกว่าปกติ ควรรีบพบแพทย์
- ดูแลไม่ให้แผลถูกแรงกดทับ หรือถูกเสียดสีจากเสื้อผ้า
- หากแผลเริ่มแห้งและสะเก็ดหลุดลอก ไม่ควรแกะออกเอง ควรปล่อยให้หลุดตามธรรมชาติ
การทาครีมลดรอยแผลเป็น อาจเริ่มได้ในช่วงนี้ (ตามคำแนะนำของแพทย์) เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของซิลิโคนเจล เพื่อช่วยให้แผลเรียบเนียนและสีจางลงในอนาคต
ขั้นตอนดูแลแผลในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด
สภาพแผลและการดูแลให้แผลเรียบเนียน
ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด แผลส่วนใหญ่จะเริ่มปิดสนิทดีแล้ว และเข้าสู่กระบวนการ ฟื้นฟูผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิว
- รอยแดงจะเริ่มจางลง แต่สีอาจยังเข้มเล็กน้อยในบางคน
- เนื้อเยื่อใต้แผลจะเริ่มนุ่มขึ้น แต่บางรายอาจยังมีความตึงหรือแข็งบ้าง โดยเฉพาะในแนวแผลยาว
ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีในการเริ่มต้นดูแลแผลให้เรียบเนียนขึ้นด้วยเทคนิคเสริมต่าง ๆ เช่น
- การทาครีมลดรอยแผลเป็นอย่างต่อเนื่อง วันละ 2-3 ครั้ง
- การนวดแผลเบา ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้แผลนุ่มและลดการยึดติดของพังผืด
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะรังสียูวีอาจทำให้รอยแผลเข้มขึ้น ควรทาครีมกันแดดบริเวณแผลหากต้องเผชิญแสงแดดตรง ๆ
ฉายแสงลดบวมเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
การฉายแสงลดบวม (LED Light Therapy) ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดอาการบวมใต้ผิว กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวเนียนขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดแผลเป็นนูน หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
การประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางและคำแนะนำเพิ่มเติม
ครบ 1 เดือนหลังผ่าตัด ทางคลินิกจะมีการนัดประเมินผลอีกครั้ง
- แพทย์จะตรวจสอบสภาพแผลว่าปิดสนิทดีแล้วหรือไม่
- ประเมินว่าควรเริ่ม นวดกระชับผิวหรือ เลเซอร์ต่อเนื่องหรือไม่
- หากแผลยังมีปัญหา เช่น รอยแดงเข้ม หรือผิวไม่เรียบ แพทย์จะปรับแผนดูแลให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
รัตตินันท์คลินิกให้ความสำคัญกับการติดตามผลเป็นรายบุคคลเสมอ เพราะเราเชื่อว่าผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และต้องการการดูแลเฉพาะทางที่แตกต่างกัน
แนวทางดูแลแผลในระยะ 3 เดือนหลังผ่าตัด
ลักษณะของแผลในระยะนี้
ครบ 3 เดือนหลังผ่าตัด แผลส่วนใหญ่จะมีลักษณะดังนี้
- แผลจะปิดสนิทเรียบร้อย และรอยแดงจะเริ่มจางลงเรื่อย ๆ
- ผิวรอบแผลอาจยังมีความแข็งหรือตึงอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะในแผลที่มีขนาดยาว
- สีของแผลบางคนจะเริ่มกลืนกับสีผิวปกติ ในขณะที่บางคนอาจยังมีรอยคล้ำเล็กน้อย ซึ่งจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามกระบวนการฟื้นฟูของร่างกาย
หมายเหตุ สภาพแผลในช่วงนี้จะขึ้นอยู่กับการดูแลตั้งแต่ช่วงแรกเป็นหลัก ถ้าได้รับการดูแลที่ดีตั้งแต่ต้น ผลลัพธ์ในระยะ 3 เดือนจะยิ่งสวยงาม
การนวดกระชับผิวด้วยพลังงาน RF เพื่อผิวเรียบตึง
นวดกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยลดพังผืดและความแข็งของเนื้อเยื่อแผล ทำให้ผิวเรียบและยืดหยุ่นขึ้น รวมถึงให้ความรู้สึกอุ่น ๆ ขณะทำ โดยไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้น
ประโยชน์ของการดูแลต่อเนื่องในระยะยาว
การดูแลแผลในช่วง 3 เดือนแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะการรักษาความต่อเนื่องและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว
- ลดโอกาสเกิดแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์
- ทำให้สีของแผลจางลง จนบางรายแทบไม่เห็นรอยแผลเลย
- เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลายมากขึ้น
ที่สำคัญ รัตตินันท์คลินิกยังมีบริการประเมินผลทุกระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าแผลของคุณกำลังฟื้นฟูอย่างดีที่สุด ทีมแพทย์และพยาบาลจะคอยให้คำแนะนำอย่างจริงใจและใส่ใจทุกเคส
วิธีการดูแลแผลผ่าตัดหน้าท้องในช่วง 6 เดือน
การติดตามประเมินผลโดยแพทย์
เมื่อครบ 6 เดือนหลังการผ่าตัด ทางรัตตินันท์คลินิกจะมีการนัดประเมินผลโดยแพทย์อีกครั้งครับ
- แพทย์จะตรวจดูว่าแผลมีลักษณะอย่างไร ทั้งด้านผิวสัมผัสและสีผิว
- หากแผลมีรอยแดง หรือยังมีความแข็งตึงอยู่ แพทย์อาจแนะนำ คอร์สเลเซอร์ Picosecond เพิ่มเติม
- สำหรับผู้ที่แผลเรียบและจางลงแล้ว ก็จะได้รับคำแนะนำเรื่องการดูแลผิวให้เรียบเนียนต่อไป
การประเมินสภาพผิวในช่วง 6 เดือนนี้ จะช่วยให้เรามั่นใจว่าแผลของคุณจะดีขึ้นเรื่อย ๆ และคงสภาพสวยงามในระยะยาว
การฟื้นฟูเนื้อเยื่อและลดรอยแผลให้จางลง
ระยะ 6 เดือนถือเป็นช่วงที่ร่างกายสร้าง คอลลาเจนและอิลาสตินใหม่อย่างเต็มที่
- แผลจะเริ่มเรียบ และสีแผลเริ่มจางกลืนกับผิวปกติ
- แผลที่เคยแข็งหรือหนาแน่น จะเริ่มนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- บางคนอาจสังเกตว่า ผิวรอบแผลมีความเรียบเนียนมากขึ้นกว่าเดิม และผิวหน้าท้องดูกระชับมากขึ้นด้วย
ทางคลินิกจะยังคงแนะนำให้
- ทาครีมซิลิโคนเจลหรือผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นต่อเนื่อง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดดบริเวณแผลทุกครั้งที่ออกแดด
- หากแผลมีสีเข้ม แพทย์อาจแนะนำการทำเลเซอร์ซ้ำอีกครั้ง เพื่อช่วยลดรอยสีเข้มให้จางลง
สภาพแผลและการดูแลในช่วง 1 ปีหลังผ่าตัด
สภาพของแผลที่สมานสนิทและเรียบเนียน
หลังจากดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี แผลผ่าตัดหน้าท้องของผู้เข้ารับบริการโดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะดังนี้
- แผลปิดสนิท 100% ไม่มีรอยแผลเปิดหรือสะเก็ดตกค้าง
- สีแผลจางลง จนบางรายแทบมองไม่เห็นเลย โดยเฉพาะถ้าผิวรอบแผลได้รับการปกป้องจากแสงแดดอย่างดี
- ผิวรอบ ๆ แผลมีความเรียบเนียน ไม่แข็งตึง หรือมีพังผืด
- ในบางคนที่มีการนวดกระชับ RF หรือทำเลเซอร์ต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะยิ่งดีขึ้น แผลเรียบและกลืนกับผิวปกติจนแยกแทบไม่ออก
ผู้เข้ารับบริการหลายคนบอกว่าหลังผ่าน 1 ปีไป พวกเขาสามารถใส่ชุดว่ายน้ำ เสื้อเอวลอย หรือแม้แต่บิกินี่ได้อย่างมั่นใจขึ้นมาก
การป้องกันรอยแผลเป็นถาวร
แม้แผลจะหายดีแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่เราต้องดูแลต่อไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด รอยแผลเป็นถาวร หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอในอนาคต
- ทาครีมลดรอยแผลเป็น หรือครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและซิลิโคนเจลต่อเนื่อง
- ทาครีมกันแดด SPF สูงทุกวัน แม้จะไม่ได้ออกแดดโดยตรง เพราะรังสียูวีสามารถทำให้รอยแผลเข้มขึ้นได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกดหรือเสียดสีบริเวณแผล เช่น การนวดแรง ๆ ในบริเวณหน้าท้องที่มีแผล
- หากมีอาการแปลก ๆ เช่น แผลแข็ง นูน หรือสีเข้มผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินและให้การรักษาอย่างทันท่วงที
คำแนะนำการบำรุงผิวและการป้องกันแสงแดด
ช่วง 1 ปีหลังผ่าตัดนี้เป็นช่วงที่ผิวบริเวณแผลจะมีโอกาสฟื้นฟูได้ต่อเนื่อง ถ้าได้รับการบำรุงที่เหมาะสม
- แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น โลชั่นบำรุงผิวที่มีวิตามินซี วิตามินอี
- การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและยืดหยุ่นดีขึ้น
- เลี่ยงแสงแดดจัดและความร้อนสูง เช่น ซาวน่า หรืออบไอน้ำ เพราะอาจกระตุ้นให้แผลเปลี่ยนสีได้
- หากใครที่มีแนวโน้มเป็นแผลเป็นง่าย แนะนำให้เข้ารับการประเมินเพื่อลดโอกาสเกิดแผลเป็นหนานูนในอนาคต
แนวทางการดูแลแผลผ่าตัดหน้าท้องในช่วง 2 ปี
การตรวจสอบสภาพผิวและรอยแผล
เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 หลังผ่าตัดหน้าท้อง สภาพแผลจะอยู่ในระยะ คงที่
- แผลจะเรียบเนียน ไม่มีอาการบวม แดง หรือตึงอีกต่อไป
- สีของแผลจะกลืนไปกับสีผิวเดิมในระดับสูง บางรายอาจแทบไม่เห็นแผลชัดเจน
- ผิวบริเวณแผลจะมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น
ถึงแม้ว่าสภาพผิวและแผลจะดูดีขึ้นแล้ว แต่ที่ รัตตินันท์คลินิก เรายังคงแนะนำให้มีการ ตรวจติดตามประเมินแผลปีละครั้ง เพื่อป้องกันภาวะที่อาจเกิดขึ้น เช่น แผลเป็นนูน หรือการเปลี่ยนสีผิวในบางราย
การดูแลให้แผลเรียบเนียนต่อเนื่อง
แม้เวลาจะผ่านไปถึง 2 ปี แต่การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการให้ผิวบริเวณหน้าท้อง เรียบเนียน และ สม่ำเสมอ ไปนาน ๆ
- ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ เพื่อคงความชุ่มชื้นของผิว ช่วยให้แผลไม่แห้งแตกหรือเกิดพังผืดแข็ง
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ผิวเสียความยืดหยุ่น เช่น การตากแดดนาน ๆ หรือไม่ทาครีมกันแดด
- ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิว เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรืออาหารที่มีโอเมก้า 3
กรณีมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นคีลอยด์ สามารถปรึกษาการรับการดูแลต่อเนื่องได้ที่ รัตตินันท์ คลินิก
การดูแลและสังเกตสภาพแผลในระยะ 3-5 ปีหลังผ่าตัด
การติดตามผลสุขภาพผิวระยะยาว
แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 3-5 ปี แต่ที่รัตตินันท์คลินิก เราเชื่อว่าการติดตามผลระยะยาวเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผิวและเนื้อเยื่อใต้แผลยังคงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน
- แนะนำให้มาตรวจสภาพแผลปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าผิวรอบแผลยังเรียบเนียนดีอยู่หรือไม่
- ตรวจสอบว่าไม่มีการหนาตัวของเนื้อเยื่อหรือพังผืดที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
- แพทย์จะช่วยประเมินความยืดหยุ่นและสุขภาพผิวบริเวณแผล และแนะนำวิธีดูแลเพิ่มเติมหากจำเป็น
โปรแกรมพิเศษและสิทธิประโยชน์หลังผ่าตัดหนังหน้าท้อง ที่รัตตินันท์ คลินิก
ทำแผลฟรีโดยพยาบาลช่วง 7 วันแรก (หรือปรับตามช่วงเวลาที่เหมาะสม)
ที่รัตตินันท์คลินิก เราให้ความสำคัญกับ การดูแลแผลหลังผ่าตัดในช่วง 7 วันแรก เป็นอย่างมาก เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงวิกฤตที่มีผลต่อการสมานแผลในระยะยาว
- ลูกค้าทุกท่านจะได้รับบริการ ทำแผลฟรีทุกวัน ในช่วง 7 วันแรก โดยพยาบาลวิชาชีพที่มีประสบการณ์
- ใช้วัสดุทำแผลที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยจากเชื้อโรค
- ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองที่บ้านอย่างละเอียด รวมถึงการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์หากมีข้อสงสัย
- กรณีลูกค้าสะดวกนัดถี่กว่าหรือน้อยกว่าที่กำหนด ทางคลินิกยืดหยุ่นได้ โดยพิจารณาตามอาการและความสะดวกของลูกค้าแต่ละราย
เลเซอร์ลดรอยแผลเป็น 4 ครั้ง ด้วย Picosecond Laser โดยแพทย์ผิวหนัง
หลังจากแผลปิดและเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นฟู ทางคลินิกมี บริการเลเซอร์ลดรอยแผลเป็น Picosecond Laser จำนวน 4 ครั้ง เพื่อช่วยให้แผลเรียบและสีจางลง
- Picosecond Laser เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเจาะจงลดรอยแดง รอยดำ และรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้แผลดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
- ไม่มีแผลเปิดเพิ่ม ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
- ทุกขั้นตอนทำโดย แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยและประสิทธิผลสูงสุด
ฉายแสงลดบวม 4 ครั้ง
เพื่อลดอาการบวม ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณแผลดีขึ้น เรามีบริการ ฉายแสงลดบวม LED Light Therapy 4 ครั้ง
- ช่วยลดอาการบวมและอักเสบได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เนื้อเยื่อสมานตัวได้รวดเร็ว
- ส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิว ลดโอกาสเกิดพังผืดแข็ง หรือแผลเป็นนูน
- ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียง ใช้เวลาเพียงไม่นาน
นวดกระชับผิวด้วยพลังงาน RF 4 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ผิวที่เรียบเนียน
บริการ RF (Radio Frequency) Therapy 4 ครั้ง สำหรับผู้เข้ารับการผ่าตัดที่รัตตินันท์ คลินิก จะช่วยให้
- ผิวหน้าท้องบริเวณแผลกระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อย
- ลดพังผืดใต้แผล ทำให้แผลเรียบเนียน
- กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำระหว่างพักกลางวัน หรือช่วงเวลาว่าง ๆ ได้เลย
บริการติดตามผลและดูแลแบบ Personalized Care
เราไม่ใช่แค่ทำให้แผลหาย แต่เราดูแลคุณ แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Care)
- นัดติดตามผลตามระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี และระยะยาว
- ประเมินผลโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างสม่ำเสมอ
- ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองที่บ้านอย่างเหมาะสมกับสภาพแผลของแต่ละคน
- เปิดช่องทางปรึกษาออนไลน์/โทรศัพท์ สำหรับข้อสงสัยระหว่างช่วงพักฟื้น
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการดูแลแผลผ่าตัดหน้าท้องด้วยตัวเอง
หลังผ่าตัดในช่วงแรก (7-14 วัน) แผลจะยังไม่ควรโดนน้ำโดยตรง ต้องทำแผลโดยพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ
หลังแผลปิดสนิทและแพทย์อนุญาตแล้ว คุณสามารถทำความสะอาดแผลได้เอง โดยมีวิธีดังนี้
-
ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสแผลทุกครั้ง
-
ใช้น้ำเกลือทางการแพทย์ หรือสบู่อ่อน ๆ ล้างเบา ๆ รอบแผล
-
ซับแผลให้แห้งด้วยผ้าสะอาดหรือสำลีที่ปราศจากเชื้อ ห้ามใช้ผ้าขนหนูเพราะอาจมีเชื้อโรคสะสม
-
ทายา หรือครีมที่แพทย์แนะนำเท่านั้น ไม่ควรใช้ยาหรือครีมที่หาซื้อเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
-
ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซที่สะอาด กรณีจำเป็น (หากแผลยังไวต่อการสัมผัส) หรือปล่อยให้แผลสัมผัสอากาศบ้างถ้าแผลแห้งสนิทแล้ว
การดูแลแผลสะอาด ปราศจากความชื้นและการติดเชื้อ เป็นหัวใจของแผลที่หายเร็ว
หลังแผลปิดสนิทดีแล้ว (โดยเฉพาะหลังผ่านไป 2-4 สัปดาห์) การทาครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็นเป็นตัวช่วยสำคัญที่แนะนำ
ซิลิโคนเจล หรือแผ่นซิลิโคน (Silicone Gel/Sheet)
-
ลดการเกิดแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์
-
ทำให้แผลเรียบและจางลง เช่น วิตามินอี (Vitamin E)
-
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แผล ลดรอยดำ เช่น ครีมหรือยาเฉพาะทางที่แพทย์สั่ง
-
เช่น ครีมที่มีสาร Steroid ลดอาการอักเสบ
-
ครีมกลุ่มช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยหมองคล้ำ
ข้อควรระวัง ไม่ควรซื้อยาทาหรือครีมเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเลือกผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมกับสภาพแผลของแต่ละคน
เพื่อให้แผลหายดี และลดโอกาสการเกิดแผลเป็นในอนาคต ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้
🚫 การเกาหรือแกะสะเก็ดแผล เพราะจะทำให้แผลเปิดใหม่ หายช้า หรือเกิดแผลเป็นนูน
🚫 การให้แผลโดนแดดโดยตรง เพราะยูวีทำให้แผลมีสีเข้มขึ้น ควรทาครีมกันแดด SPF50+ เสมอ แม้ไม่ได้ออกแดดโดยตรง
🚫 หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ อาหารทะเล, ของหมักดอง แอลกอฮอล์ และบุหรี่ เพราะทำให้แผลหายช้าและเสี่ยงติดเชื้อ
🚫 ไม่ออกกำลังกายหนักเกินไปเร็วเกินไป การยกของหนัก หรือออกกำลังกายที่ทำให้หน้าท้องตึงเกินไป อาจทำให้แผลฉีกหรือยืดได้
การใส่ชุดกระชับหน้าท้อง ตามที่แพทย์แนะนำในช่วงแรก จะช่วยลดบวมและทำให้แผลเรียบเร็วขึ้น
ทีมแพทย์ศัลยกรรมรูปร่าง
ที่ รัตตินันท์
น.ต.นพ. จตุพร ซื่อสัตย์
ศัลยแพทย์ตกแต่ง
ศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง
นพ. วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง
ศัลยแพทย์
ฝึกอบรมเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงาม
บทสรุป
แผลผ่าตัดหน้าท้องโดยทั่วไปจะเริ่มปิดสนิทใน 7-14 วัน หลังผ่าตัด ขึ้นอยู่กับการดูแลแผลและสุขภาพของแต่ละคน รอยแดงหรืออาการบวมจะลดลงชัดเจนใน 1-3 เดือน และแผลจะเริ่มจางลงเรื่อย ๆ
ถ้าดูแลต่อเนื่องและรับการรักษาเสริม เช่น เลเซอร์ลดรอยแผลเป็น แผลสามารถเรียบเนียนจนแทบไม่เห็นภายใน 6 เดือน – 1 ปี กรณีที่มีการดูแลผิวและติดตามผลดี แผลอาจจางจนมองไม่เห็นภายใน 1-2 ปี ทั้งนี้ การหายของแผลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลและเทคนิคที่ใช้ในการรักษา
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย