ขาหนีบดำ เกิดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อาจเกิดจากพฤติกรรมการเสียดสีผิวหนังภายนอก ฮอร์โมน การใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด ซึ่งขาหนีบดำสามารถรักษาได้ด้วยตนเองแต่อาจต้องใช้เวลา เช่น ใช้น้ำตาลขัดผิว วุ้นว่านหางจระเข้ หรืออาจรักษาด้วยยาที่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้เสมอ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ และวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักสาเหตุของการเกิดขาหนีบดำและการรักษาว่ามีวิธีการรักษาอย่างไรให้หายไปดูรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมกันได้เลย
สาเหตุของขาหนีบดำ
ขาหนีบดำเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้
- การเสียดสีระหว่างผิวหนังกับกางเกงเป็นเวลานาน เช่น การใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไปกับผิวหนัง การใส่กางเกงชั้นในหรือกางเกงขาสั้นที่มีขอบหนา ๆ เยอะ ๆ ผ้าเนื้อหยาบ เช่น กางเกงยีนส์ กางเกงหนา ๆ ส่งผลให้เนื้อผ้าเสียดสีกับผิวหนังบริเวณขาหนีบทั้งสองข้าง จนทำให้ขาหนีบอักเสบและเกิดรอยดำ
- การสะสมและการติดเชื้อราที่เกิดจากความชื้นบริเวณขาหนีบอาจทำให้ผิวหนังอักเสบ ผื่นแดง ตุ่มพอง ผดผื่น คัน จนถึงเกา แม้รักษาแผลแล้ว แต่ผิวหนังบริเวณขาหนีบอาจมีรอยดำ
- น้ำหนักเกินและขาใหญ่ ทำให้เวลาเคลื่อนไหว เดิน วิ่ง ลุก หรือเคลื่อนไหว ผิวหนังบริเวณขาหนีบแนบชิดกันเป็นเวลานาน ทำให้เซลล์ผิวหนังรวมตัวกันเป็นผื่นแข็งหรือผิวหนังลอกจนผิวด้านและคล้ำ
- เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะถูกผลัดออกไม่หมดหรือไม่มีการผลัดเซลล์ผิว จนเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมกลายเป็นรอยดำและจุดด่างดำ
- ฮอร์โมนที่แปรปรวนทุกวัน ความเครียด หรือการกินยาคุมกำเนิดอาจทำให้ผิวหนังมีเม็ดสีดำมากขึ้น
- เนื่องจากการตั้งครรภ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างกะทันหัน ร่างกายจึงผลิตเม็ดสีมากขึ้นซึ่งทำให้ผิวหนังทั่วร่างกายมีสีเข้มขึ้น คนส่วนใหญ่สังเกตเห็นความดำคล้ำของผิวหนังในบริเวณที่มีการเสียดสีของร่างกาย เช่น รักแร้ ขาหนีบ ต้นคอ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผิวหนังบริเวณต่าง ๆ เช่น หัวนม ริมฝีปาก และขาหนีบด้วย ก็ยังมีสีเข้มดำคล้ำ
- การรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาไทรอยด์ ยาโกรทฮอร์โมน ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อเม็ดสีในร่างกาย
- โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน มีระดับอินซูลินในร่างกายผิดปกติ ทำให้ผิวหนังบริเวณต่าง ๆ โรคผิวหนังช้าง คือ คือโรคที่ผิวหนังหยาบหนากว่าบริเวณอื่นคล้ายผิวช้าง ซึ่งก่อให้ผิวหนังมีสีคล้ำดำได้ด้วย
- สารเคมีบางชนิดสามารถทำให้ผิวของคุณหนาและคล้ำได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ขาหนีบดำ
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดปัญหาขาหนีบดำ มีดังนี้
- ความอ้วนทำให้ผิวหนังบริเวณขาหนีบดำ ยิ่งน้ำหนักมาก การเสียดสีของผิวหนังบริเวณขาหนีบจะทำให้ขาหนีบดำ
- ประวัติครอบครัว สีผิวอาจขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ รวมถึงโรคเท้าช้างทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีดำ
- แรงเสียดสีจากเสื้อผ้าบริเวณผิวหนังบ่อย ๆ อาจทำให้ขาหนีบดำคล้ำได้
การรักษาขาหนีบดำ
การดูแลและลดอาการขาหนีบดำเบื้องต้นที่สามารถทำได้เองที่บ้านมีดังนี้
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้หรือเจลว่านหางจระเข้อาจช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวหนังได้ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสาร Aloin ซึ่งกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินให้ผิวกระจ่างใส เจลว่านหางจระเข้ยังช่วยปรับสภาพผิวและลดความหมองคล้ำด้วยการทาบริเวณขาหนีบเป็นประจำทุกวันโดยไม่ต้องล้างออก
มันฝรั่ง
การนำมันฝรั่งฝานถูบนผิวหนังอาจช่วยลดรอยคล้ำได้ เนื่องจากเอนไซม์ในมันฝรั่งที่เรียกว่า cathepsin D อาจช่วยรักษาผิวที่เสียหายได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยลดรอยช้ำดำบนผิวหนังได้ด้วยการหั่นมันฝรั่งเป็นเส้นบาง ๆ แล้วถูบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด อาจรักษาขาหนีบดำด้วยวิธีนี้ประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์
น้ำมันมะพร้าวและน้ำมะนาว
น้ำมะนาวที่อุดมด้วยวิตามินซีอาจช่วยรักษารอยดำได้ และน้ำมันมะพร้าวทำหน้าที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ผสมน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะกับมะนาวครึ่งลูก แล้วถูบริเวณขาหนีบ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
สครับน้ำตาล
น้ำตาลช่วยผลัดเซลล์ผิว โดยนำสครับน้ำตาลมาถูบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาจช่วยฟื้นฟูขาหนีบที่ดำได้
สครับโยเกิร์ตข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตมีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟีนอล (Polyphenols) สามารถใช้รักษากลากและผิวหนังอักเสบอื่น ๆ เช่น โรคผิวหนังภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังเป็นสารขัดผิวที่อ่อนโยน การผสมข้าวโอ๊ตกับโยเกิร์ตซึ่งมีกรดแลคติกและแหล่งของโปรไบโอติกอาจช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น
การรักษาด้วยยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปหรืออาจต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ ได้แก่
ยาเฉพาะที่
เป็นยาทาที่มาในรูปแบบครีมและขี้ผึ้งที่ใช้ทาเฉพาะที่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือร้านขายของชำ เช่น กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ลิกนิน เปอร์ออกซิเดสเอนไซม์ (Lignin Peroxidase) ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ที่อยู่ในรูปแบบของวิตามินบี 3 และถั่วเหลือง
ไฮโดรควิโนน
ไฮโดรควิโนนเป็นส่วนผสมที่ทำให้จุดด่างดำบนผิวจางลง อาจต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพราะอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้หากใช้เป็นเวลานาน
เรตินอยด์
ช่วยลดรอยดำเนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินเอและสารอื่น ๆ เช่น กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) ที่ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวและลดการเกิดรอยดำ เป็นยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์
เลเซอร์รักษา
การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นการรักษาที่ลดการสร้างเมลานินโดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็น อาจทำให้เกิดอาการปวดโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวหนังบาง จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากแพทย์และดูแลการรักษากับแพทย์ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดผิวขาว เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่เพียงพอว่าได้ผล และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เลเซอร์ขาหนีบดำมีกี่แบบ?
ในปัจจุบันมีเครื่องเลเซอร์หลายชนิดที่ใช้ในการรักษาด้วยเลเซอร์ขาหนีบ มีระยะในการถ่ายภาพด้วยความยาวคลื่นและผลที่ออกมาแตกต่างกัน แต่ที่นิยมใช้ในโรงพยาบาลหรือคลินิกมี 3 ประเภทดังนี้
- Long Pluse ND Yag Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยในปัจจุบัน เนื่องจากลำแสงมีความยาวจึงสามารถยับยั้งการก่อตัวของเซลล์เมลานินและลดความหมองคล้ำได้ดี อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการแสบร้อนขณะทำการรักษา ซึ่งเป็นการยิงแสงเฉพาะจุด อีกทั้งยังช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนอีกด้วย
- Q-Switch เป็นเครื่องเลเซอร์ที่เน้นการปล่อยคลื่นโดยจะปล่อยคลื่นแสงเพื่อสลายเม็ดสีในผิวหนังและทำให้เกิดการสลายตัวและขับออกมา ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ลดความหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใส
- Intense Pulse Light: IPL เป็นเครื่องยิงเลเซอร์ที่ผลิตลำแสงเข้มข้นตั้งแต่ 420 นาโนเมตรขึ้นไป ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอกและเห็นผลชัดเจนหลังทำต่อเนื่องยาวนาน แต่หลังทำจะเจ็บผิวและมีแผลเป็น จะหายไปเองเมื่อทาครีมบำรุงผิว
เลเซอร์ขาหนีบกี่ครั้งเห็นผล?
ผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์จะเห็นผลชัดเจนแค่ไหน? ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป คนที่มีผิวเข้มหรือคล้ำจะเห็นผลช้ากว่าคนที่มีผิวขาว ดังนั้นจำนวนครั้งของการทำเลเซอร์จึงขึ้นอยู่กับความเข้มของผิวหนังที่ถูกถลอกและระยะเวลาของการเกิดรอยดำ รวมไปถึงปัจจัยด้านพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
การรักษาด้วยเลเซอร์มักจะเห็นผลหลังการรักษาประมาณ 5-6 ครั้ง และความถี่ประมาณ 3-5 สัปดาห์ต่อครั้ง จะช่วยยับยั้งเซลล์เมลานินที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงผลลัพธ์ที่ชัดเจนตามธรรมชาติได้ยาวนานขึ้น
ปัญหาลับ ๆ ของขาหนีบ ที่เป็นเรื่องใหญ่ของใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ชอบแฟชั่นบิกินี่ การทำเลเซอร์ขาหนีบสามารถช่วยเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ พร้อมเผยผิวกระจ่างใสไร้กังวล
การป้องกันขาหนีบดำ
ป้องกันปัญหาขาหนีบดำที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้
- ทำความสะอาดบริเวณขาหนีบและขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้งเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- สวมเสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้เพื่อป้องกันเหงื่อและการเสียดสีมากเกินไป
- สวมกางเกงขาสั้นซับในใต้กระโปรงหรือชุดเดรสเพื่อป้องกันการเสียดสีของผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการโกนหรือแว็กซ์ขาหนีบบ่อยเกินไปเพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ทาครีมให้ความชุ่มชื้นกับผิว และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปเพื่อป้องกันแสงแดด โดยเฉพาะเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ
หากคุณลองวิธีรักษาขาหนีบดำด้วยตัวเองที่บ้านแล้วไม่ได้ผล คุณอาจต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา หรือหากขาหนีบดำเกิดจากปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคอ้วน ผิวหนังอักเสบ เบาหวาน แพทย์อาจต้องวินิจฉัยและรักษาที่ต้นเหตุอย่างเหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการขาหนีบดำ
Rattinan Team เป็นทีมเขียนบทความสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของเว็บไซต์สุขภาพในผลการค้นหาของ Google ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ในหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การพยาบาล โภชนาการ และการออกกำลังกาย