ลดหน้าท้องล่าง ป้องกันโรคอ้วนลงพุง ทำได้อย่างไร

หน้าท้องล่าง อาจเกิดจากไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องจากระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การกินคาร์โบไฮเดรตและไขมันมากเกินไป การไม่ออกกำลังกาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ ดังนั้นควรเรียนรู้วิธีการลดหน้าท้องล่างรวมถึงการควบคุมน้ำหนักเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังเหล่านั้น และวันนี้เรามีวิธีการลดพุงล่างด้วยตัวเอง แต่จะมีวิธีไหนบ้างนั้นไปดูกันเลย

หน้าท้องล่างคือ พุงบริเวณท้องส่วนล่าง เป็นพุงที่มีลักษณะหน้าท้องส่วนบนแบนราบเป็นปกติ แต่หน้าท้องด้านล่างป่องและย้อย เหมือนกับพุงหมาน้อย มาจากพฤติกรรมการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง และกินของหวานมากเกินไป จนร่างกายเผาผลาญพลังงานไม่หมด ร่างกายจึงเปลี่ยนน้ำตาลนี้เป็นไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน ไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

หน้าท้องล่างป่อง อาจเกิดจากกระบวนการเผาผลาญในร่างกายผิดปกติ ซึ่งทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินบริเวณท้องล่างและรอบเอว โดยสังเกตได้จากท้องส่วนล่างป่องคล้ายลูกแพร์หรือแอปเปิ้ล หรือมี BMI มากกว่า 25 และมีรอบเอวมากกว่า 35-40 นิ้ว

• การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาลมากเกินไป เช่น ขนมหวาน ข้าวขาว พาสต้า ขนมปังขาว อาหารทอด อาหารแปรรูป น้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เบียร์ ไวน์ โซจู เพราะจะทำให้ไขมันสะสมได้ ที่บริเวณท้องน้อยจนเกิดท้องน้อย
• ขาดการออกกำลังกาย การออกกำลังกายอาจกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันเพื่อเป็นพลังงาน เมื่อไม่ออกกำลังกายไขมันจึงไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงหน้าท้องส่วนล่างด้วย
• ความเครียด อาจทำให้บางคนรู้สึกหนักใจและกินมากเกินไปเพื่อช่วยคลายความเครียด ส่งผลให้ไขมันสะสมบริเวณท้องล่าง
• ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดส่วนเกินให้เป็นไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่เก็บสะสมไว้ทั่วร่างกายรวมถึงบริเวณท้องน้อย ส่งผลให้ท้องน้อยป่อง น้ำหนักเกิน นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนลงพุง
• ยาบางชนิด เช่น ยาเบาหวาน ยาต้านการชัก ยาบรรเทาอาการซึมเศร้า อาจส่งผลต่อการเผาผลาญของคุณหรืออาจเพิ่มความอยากอาหารของคุณ อาจทำให้มีไขมันสะสมบริเวณท้องล่าง

การลดหน้าท้องล่าง อาจช่วยควบคุมค่าดัชนีมวลกายและรอบเอวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

• โรคอ้วนและโรคเมตาบอลิซึม อาจเกิดจากระบบเผาผลาญผิดปกติร่วมกับพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะและขาดการออกกำลังกาย
• เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมันและคอเลสเตอรอลสะสมบริเวณท้องน้อยมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้อินซูลินไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้นำไปสู่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2
• โรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดจากไขมันสะสมในหลอดเลือดมากเกินไป อาจทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตันและขัดขวางการไหลเวียนของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ จึงนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด
• โรคหัวเข่าเสื่อม ไขมันที่มากเกินไปทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและข้อเข่าต้องรองรับน้ำหนักตัวมากขึ้น จนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมและอักเสบได้.
• โรคมะเร็ง การมีไขมันหน้าท้องมากเกินไปสามารถเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งรังไข่

อย่างที่บอกว่าการลดหน้าท้องส่วนล่าง ต้องเป็นไปตามธรรมชาติของหน้าที่ยื่นออกมาของแต่ละคน ดังนั้น วิธีรีดหน้าท้องส่วนล่าง ดังนั้นจึงมีความแตกต่างอย่างแน่นอน มาว่ากันต่อการลดหน้าท้องล่าง ที่ได้ผลดีที่สุดมีดังนี้

ส่วนน้ำนั้นมีประโยชน์มากมายกว่าที่หลายคนคิด แม้รสชาติจะไม่อร่อยเหมือนเครื่องดื่มชนิดอื่นที่ให้ความสดชื่นแบบน้ำอัดลมหรือให้ความหวานแบบเมนูชานมหรือเมนูกาแฟที่หลายคนชื่นชอบ เพราะร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ ดังนั้นเมื่อปัญหาท้องล่างเริ่มยื่นออกมาทักทายโลกมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ จึงเป็นตัวช่วยให้หน้าท้องของคุณยุบลงได้ เนื่องจากร่างกายมีการขับถ่ายบ่อยมากขึ้น

พอรู้ว่าสร้างมากบริเวณท้องล่างก็เห็นได้ชัด การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยลดพุงหรือลดหน้าท้องลงได้ เน้นอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด พืชตระกูลถั่ว ถั่ว เมล็ดพืช ผักและผลไม้แห้ง เพื่อเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน และทริคสำคัญคือห้ามเลือกอาหารที่ย่อยยากทุกชนิด เพราะจะทำให้หน้าท้องด้านล่างอยู่กับตัวคุณไม่ไปไหนได้ง่ายมาก

เมื่อรู้ว่าพุงกำลังจะมาก็เตรียมตัวอวดโลกภายนอกกันได้เลย การเริ่มต้น ควบคุมอาหาร และการเริ่มกินอาจไม่เพียงพอต่อการจัดการกับปัญหาดังกล่าว ดังนั้นควรเลือกออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ซึ่งท่าออกกำลังกายลดหน้าท้องมีมากกว่า 5 ท่าอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายหนัก ๆ ลองเล่นโยคะ ที่ช่วยกระชับหน้าท้อง หรือพยายามหัวเราะบ่อย ๆ เพื่อให้ท้องเกร็ง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งทางอ้อมและยังเป็นการปลดล็อคความเครียดอีกด้วย

การควบคุมอาหารเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบ เพราะเมื่อก่อนถ้าคุณเป็นคนชอบตามใจตัวเอง และมักมองว่าอาหารเป็นอะไรที่อร่อยอยู่ตลอดเวลา นั่นแปลว่าคุณกำลังทำร้ายระบบย่อยอาหารอย่างร้ายแรง เป็นผลให้การย่อยอาหารเริ่มยุ่งเหยิง หรืออาจจะย่อยไม่ทัน จึงกลายเป็นที่มาของท้องน้อย สิ่งนี้อาจทำให้ขาดความมั่นใจได้ง่าย ๆ ดังนั้น ลองจำกัดปริมาณอาหารที่คุณควรกินในแต่ละมื้อ เพื่อไม่ให้พุงกลับมาเยือนอีก รวมถึงการลดน้ำหนักไปในตัวอีกด้วย

แค่เห็นคำว่าชาเขียว หลาย ๆ คนคงนึกถึงชาเขียวเย็นใส่นมหอม ๆ ใส่น้ำแข็ง เติมความสดชื่นระหว่างวันได้ทันที แต่ความจริงไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิด เพราะคำว่าชาเขียวในที่นี้คือชาเขียวแท้ ๆ ที่ได้จากการชงร้อนหรือน้ำอุ่นโดยสามารถดื่มได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพราะช่วยให้การลดน้ำหนักหรือหน้าท้องทุกส่วนหายไปได้ง่าย เนื่องจากชาเขียวจะไปช่วยเร่งการทำงานของ เมตาบอลิซึม ซึ่งช่วยให้การลดหน้าท้องและน้ำหนักหายไปจริง ๆ ในเพียงแค่ไม่กี่เดือน

สำหรับวิธีลดพุงล่างหรือหน้าท้อง โดยเฉพาะท่อนล่างคงยากสำหรับใครหลายคน เนื่องจากกิจวัตรประจำวันของพวกเขาเป็นปัญหาใหญ่และไม่สามารถลดได้ และยิ่งนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ และมีพุงทันที ดังนั้นลองขยับตัวออกจากที่นั่งบ่อย ๆ จึงเป็นสิ่งที่หลายคนควรทำ เพื่อลดโอกาสเกิดหน้าท้องทั้งด้านบน ตรงกลาง และด้านล่างกันดีกว่า

การลดหน้าท้องล่างไม่ใช่การอดอาหารโดยเฉพาะมื้อเช้า เพราะเป็นมื้อที่สำคัญ ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ป้องกันการอ่อนเพลียและอ่อนแรงระหว่างวัน หากคุณอดอาหาร คุณอาจรู้สึกหิวมากกว่าปกติ ส่งผลให้กินมากขึ้นในมื้อต่อไป ดังนั้นจึงควรรับประทานพร้อมอาหารทุกมื้อ แต่การจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทานโดยการนับแคลอรีและอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวเพื่อตรวจสอบว่ามีปริมาณแคลอรี น้ำตาล และไขมันสูงเกินไปหรือไม่ สำหรับผู้หญิงควรได้รับแคลอรีเฉลี่ย 2,000 กิโลแคลอรี/วัน และผู้ชาย 2,500 กิโลแคลอรี/วัน

1. กรรมพันธุ์

บางคนเกิดมาพร้อมกับยีนที่ทำให้คุณอ้วนกว่าคนอื่น ๆ หรือมีระบบเผาผลาญไม่ดีเท่าคนอื่น ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องเอามากวนใจเรา เพียงแค่หันมาดูแลใส่ใจในเรื่องการรับประทานอาหารหรือควบคุมอาหารและดูแลสุขภาพให้ดี ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีได้

2. เครียดมากเกินไป

เมื่อเราเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ไม่ดีอย่างคอร์ติซอล ฮอร์โมนนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายเพิ่มความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง เมื่อเรากินอาหารพวกนี้มาก ๆ น้ำหนักเราก็จะขึ้นได้ ก็จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันและไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่พุงและทำให้แม้ว่าคุณจะพยายามลดแค่ไหน พุงก็ไม่ยุบสักที

3. ดื่มน้ำน้อย

หากคุณต้องการลดพุงหรือลดพุงท้องล่าง แต่ยังติดนิสัยดื่มน้ำน้อยอยู่ก็ลดพุงไม่ได้ เพราะการดื่มน้ำเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดี อีกทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารอีกด้วย ดังนั้นหากคุณอยากมีหน้าท้องที่แบนราบ ลองดื่มน้ำให้มากขึ้นแล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง

4. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนไม่พอเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนักและลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะการลดพุงเพราะนอนไม่พอ นอกจากจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมามากแล้ว อีกทั้งยังส่งผลให้ร่างกายทำงานได้แย่ลง ผลคือลดพุงไม่ได้ แถมยังอ้วนขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้นถ้าไม่อยากพุงย้วยไปนาน ๆ ก็ควรจะนอนหลับให้เพียงพอ แต่ถ้ามีปัญหานอนไม่หลับสะสม ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างจริงจังดีที่สุด

5. ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่มีแคลอรีสูง ดังนั้นเราจึงชอบดื่มมากเกินไป นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่าง ๆ แล้ว ยังทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากเกิดปัญหาลงพุงแล้วลดพุงไม่ลง ทางที่ดีควรดื่มให้น้อยลงหรือดื่มแต่พอดีน่าจะดีกว่า