คุณหมอสรุปให้ ผ่าตัดกระเพาะ คืออะไร ทำไมต้อง รัตตินันท์ คลินิก
ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก คือวิธีลดขนาดกระเพาะอาหารเพื่อช่วยควบคุมความหิว เหมาะกับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนเรื้อรัง ลดน้ำหนักได้จริงและยั่งยืนโดยไม่ต้องพึ่งยา ปรึกษาแพทย์ฟรี ที่ รัตตินันท์คลินิกเพื่อประเมินการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
โรคอ้วน ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนตาชั่ง แต่มันสะท้อนถึงสุขภาพที่ถดถอย ความมั่นใจที่ลดลง และความเสี่ยงของโรคร้ายแรง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือแม้แต่มะเร็งบางชนิด ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถบั่นทอนคุณภาพชีวิตได้ในทุกมิติ
การ ผ่าตัดกระเพาะ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่าง แต่คือการรักษาเชิงลึก ที่สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ โดยเฉพาะเทคนิคที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์อย่าง Mini Gastric Bypass (MGB หรือ OAGB) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม
ที่ รัตตินันท์ คลินิก เราเชื่อว่า การผ่าตัดลดน้ำหนักไม่ควรเป็นแค่ทางลัด แต่ต้องเป็นการเดินทางที่มีทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และจิตวิทยา คอยร่วมดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน ภายใต้ห้องผ่าตัดที่มีมาตรฐานการดูแล พร้อม แผนการดูแลต่อเนื่อง 2 ปีเต็ม เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสม มั่นคง ยั่งยืน และเป็นคุณคนใหม่ที่มีสุขภาพดี
เพราะสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือผลจากการเลือกดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
พร้อมหรือยังที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตคุณตั้งแต่วันนี้?
ผ่าตัดกระเพาะคืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ พร้อมเป้าหมายที่มากกว่าแค่การลดน้ำหนัก
“ผ่าตัดกระเพาะ” หรือที่เรียกว่า Bariatric Surgery คือการผ่าตัดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะอ้วนเรื้อรัง โดยไม่สามารถควบคุมน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป
การผ่าตัดประเภทนี้ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลงเท่านั้น แต่ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อ ปรับระบบการดูดซึมอาหาร และ ฟื้นฟูสมดุลการเผาผลาญในร่างกาย ให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
และยังช่วยให้โรคร่วมอย่างเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับดีขึ้นอีกด้วย
เกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) เพื่อประเมินก่อนผ่าตัดกระเพาะ
-
ดัชนีมวลกาย (BMI)
เป็นการคำนวณจากน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ค่า BMI ถูกใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินว่าอยู่ในเกณฑ์ผอม ปกติ อ้วน หรืออ้วนขั้นรุนแรง โดยแบ่งเป็น
- ต่ำกว่า 18.5 = น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
- 18.5-24.9 = น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- 25-29.9 = น้ำหนักเกิน
- 30 ขึ้นไป = เข้าสู่ภาวะอ้วน
- 40 ขึ้นไป = อ้วนขั้นรุนแรง
เกณฑ์วัดเส้นรอบเอว เพื่อประเมินก่อนผ่าตัดกระเพาะ
-
เส้นรอบเอว
การวัดเส้นรอบเอวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ร่วมกับ BMI ในการประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับการสะสมของไขมันในช่องท้อง
- สำหรับผู้ชาย เส้นรอบเอวไม่ควรเกิน 102 เซนติเมตร
- สำหรับผู้หญิงไม่ควรเกิน 88 เซนติเมตร
เกณฑ์เปอร์เซ็นต์ไขมัน เพื่อประเมินก่อนผ่าตัดกระเพาะ
- เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายช่วยให้ทราบถึงปริมาณไขมันที่สะสมในร่างกาย ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือเฉพาะในการวัด
เครื่องสแกน 3D Body Scannerการผ่าตัดกระเพาะไม่ใช่เพียงการลดน้ำหนัก แต่คือการฟื้นคืนสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมาตรฐานที่ปลอดภัย
ประเภทของการผ่าตัดกระเพาะที่มีให้เลือก
ที่รัตตินันท์ คลินิก เรามีการให้บริการหลายเทคนิคที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละคน ดังนี้
- Sleeve Gastrectomy ตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออก เพื่อให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เหมาะกับผู้ที่ไม่มีภาวะกรดไหลย้อน
- Roux-en-Y Gastric Bypass (RYGB) ตัดและต่อทางเดินอาหารใหม่ ลดทั้งปริมาณอาหารและการดูดซึม เหมาะกับผู้ที่มีเบาหวานควบคุมยาก
- Mini Gastric Bypass (MGB / OAGB) เทคนิคที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า RYGB แต่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
- OverStitch การเย็บกระเพาะโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพโดยไม่มีแผล
- Gastric Balloon การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเพื่อจำกัดปริมาณอาหาร เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นโดยไม่ผ่าตัด
Mini Gastric Bypass (MGB / OAGB) คืออะไร?
Mini Gastric Bypass หรือชื่อเต็มว่า One Anastomosis Gastric Bypass (OAGB) คือหนึ่งในเทคนิคการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักที่มีการศึกษาวิจัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในวงการแพทย์สากล ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดย Dr. Robert Rutledge ในปี 1997
และได้รับการต่อยอดและปรับปรุงเทคนิคให้มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก รวมถึง Dr. Miguel Carbajo ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มทำการศึกษาผลลัพธ์ระยะยาวในยุโรป
เทคนิคนี้ถือเป็นการรวมข้อดีของการผ่าตัดแบบ Sleeve และ Bypass เข้าไว้ด้วยกัน โดยเน้นที่ ความเรียบง่ายของการผ่าตัด การลดภาวะแทรกซ้อน และให้ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักและควบคุมโรคร่วมตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
โครงสร้างของ MGB / OAGB ทำงานอย่างไร?
- ศัลยแพทย์จะสร้างกระเพาะอาหารใหม่ให้มีลักษณะเป็นท่อยาว (เหมือน Sleeve)
- จากนั้นจะทำการต่อกระเพาะใหม่เข้ากับลำไส้เล็กโดยตรง (แบบ Bypass) โดยเชื่อมเพียง “จุดเดียว” (One-Anastomosis)
- ส่งผลให้ร่างกายรับประทานได้น้อยลง และดูดซึมสารอาหารบางส่วนได้น้อยลงเช่นกัน (Malabsorptive + Restrictive)
จุดเด่นของเทคนิค MGB / OAGB จากการศึกษาวิจัย
- ใช้เวลาผ่าตัดสั้นลง โดยเฉลี่ย 60–90 นาที
- ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น leakage (การรั่วซึม), internal hernia (ไส้เลื่อน)
- ช่วยปรับปรุงโรคร่วม เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
- Recovery เร็วขึ้น ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
- ผลลัพธ์ยั่งยืนในระยะยาว งานวิจัยหลายฉบับรายงานผลการควบคุมน้ำหนักและโรคเบาหวานในระยะ 5–10 ปี
MGB ที่รัตตินันท์ คลินิก เปรียบเสมือนการดูแลแบบบูรณาการ
- ผ่าตัดโดยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมเทคนิคนี้โดยตรง
- ใช้แนวทางการรักษาแบบสหสาขา (Multi-disciplinary Team)
- ให้ความสำคัญกับการออกแบบกระเพาะใหม่ ให้เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน
- รองรับด้วยระบบดูแลต่อเนื่อง 2 ปีเต็ม ทั้งด้านโภชนาการ การติดตามผล และการดูแลด้านสุขภาพจิต
Mini Bypass ไม่ใช่แค่การผ่าตัด แต่คือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิต
ข้อมูลเปรียบเทียบเทคนิคต่าง ๆ จากงานวิจัย
รายการเปรียบเทียบ | Sleeve Gastrectomy | RYGB | MGB/OAGB |
ความยาวการผ่าตัด | สั้น | ยาว | สั้นกว่า RYGB |
การลดน้ำหนัก | ปานกลาง | มีประสิทธิภาพ | มีประสิทธิภาพ (70–90%)* |
การควบคุมเบาหวาน | ช่วยได้ดี | ช่วยได้ดีมาก | ช่วยได้ดีมาก (Remission 83%)* |
ความซับซ้อนของการผ่าตัด | น้อย | มาก | ปานกลาง |
ภาวะแทรกซ้อน | ต่ำ | ปานกลาง | ต่ำ |
ข้อมูลอ้างอิงจาก: SpringerLink, PubMed, ScienceDirect, SAGES.org
เหตุผลที่ Mini Bypass อาจเหมาะกับคุณ (ข้อพิจารณาสำคัญ)
ผ่าตัดกระเพาะ Mini Gastric Bypass (MGB) คือทางเลือกทางการแพทย์สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาภาวะอ้วนและโรคร่วม โดยเฉพาะในกรณีที่วิธีการดูแลแบบดั้งเดิม เช่น การควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายอย่างเข้มงวด ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่พอใจในระยะยาว
ผู้ที่เหมาะกับผ่าตัดกระเพาะ Mini Gastric Bypass
- ผู้ที่มี BMI ≥ 40 (อ้วนขั้นรุนแรง)
- ผู้ที่มี BMI 35–39.9 และมีโรคร่วม เช่น
- เบาหวานชนิดที่ 2 (T2DM)
- ความดันโลหิตสูง (HTN)
- ไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
ประสบการณ์ที่พบบ่อย
- ผู้ที่เคยลดน้ำหนักหลายครั้ง แต่มีการขึ้นน้ำหนักซ้ำ
- ผู้ที่ต้องการทางเลือกที่มีการติดตามดูแลระยะยาว
- ผู้ที่ได้รับการประเมินความเหมาะสมจากแพทย์เฉพาะทาง
ข้อดีที่ควรทราบ
- การลดน้ำหนัก สามารถช่วยให้ %EWL มากกว่า 70% ในผู้ป่วยส่วนใหญ่
- การควบคุมโรคร่วม ช่วยปรับปรุงการควบคุมเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือด
- เวลาการผ่าตัด โดยเฉลี่ย 60–90 นาที
- การฟื้นตัว ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ใน 2–3 วัน
- ภาวะแทรกซ้อน มีรายงานอัตราภาวะแทรกซ้อนในระดับที่ยอมรับได้
ความแตกต่างจากการลดน้ำหนักแบบดั้งเดิม
การผ่าตัดจะช่วยปรับระบบการเผาผลาญและเปลี่ยนวิธีที่ร่างกายดูดซึมสารอาหาร ซึ่งแตกต่างจากการลดแคลอรีเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยมักมีการควบคุมความหิวที่ดีขึ้นและลดโอกาสการขึ้นน้ำหนักซ้ำในระยะยาว
การผ่าตัดเป็นเครื่องมือช่วยในการปรับปรุงสุขภาพ แต่ความสำเร็จระยะยาวขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและการติดตามอย่างต่อเนื่อง
วิธีการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
ในการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบ Mini Bypass ศัลยแพทย์จะดำเนินการปรับโครงสร้างกระเพาะอาหารโดยการแบ่งกระเพาะเดิมให้เหลือขนาดที่เล็กลง กระบวนการนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเทคนิค Sleeve Gastrectomy โดยปรับกระเพาะให้มีรูปทรงเป็นถุงยาวขนาดเล็ก (ด้วยปริมาตรเพียง 100-150 มิลลิลิตรเท่านั้น)
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้รับการผ่าตัดเกิดความรู้สึกอิ่มเต็มได้อย่างรวดเร็ว และสามารถบริโภคอาหารได้ในปริมาณที่จำกัดลงอย่างเด่นชัด ซึ่งกลไกการทำงานหลักนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการควบคุมและจำกัดปริมาณพลังงานจากอาหารที่ร่างกายจะได้รับต่อไป
ใครบ้างที่เหมาะต่อการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
- ผู้ที่มี ดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 40 kg/m² ขึ้นไป (ภาวะอ้วนรุนแรง)
- ผู้ที่มี ดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 35 kg/m² ขึ้นไป ร่วมกับมีภาวะโรคอ้วนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งอย่าง เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ยาก แม้จะใช้ยาหรืออินซูลินแล้ว, ความดันโลหิตสูงที่ต้องรับประทานยาหลายชนิด, ภาวะไขมันในเลือดสูง, ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA), โรคข้อเสื่อมที่เกิดจากน้ำหนักตัวมากเกินไป
- ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ มาแล้ว ทั้งการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือการใช้ยา แต่ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
- ผู้ที่ต้องการการลดน้ำหนักที่จริงจัง ยั่งยืน และต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาว
- ผู้ที่เข้าใจถึงกระบวนการผ่าตัดและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตหลังการผ่าตัด
เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
ข้อดีของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
- ผลลัพธ์ระยะยาว สามารถลดน้ำหนักได้ 60-80% ของน้ำหนักส่วนเกินอย่างยั่งยืน
- เห็นผลการลดน้ำหนักอย่างชัดเจนภายใน 6-12 เดือน
- มีอัตราความสำเร็จในการรักษาโรคอ้วนมากกว่า 90%
- ควบคุมเบาหวาน ช่วยลดหรือหยุดการใช้ยาเบาหวานใน 70-80% ของผู้ป่วย
- ลดความดันโลหิตสูง ปรับปรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด
- แก้ไขภาวะหยุดหายใจขณะนอน ลดปัญหาการนอนและการหายใจ
- ปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เพิ่มความคล่องตัว สามารถเคลื่อนไหวและออกกำลังกายได้ดีขึ้น
- เสริมความมั่นใจ ปรับปรุงภาพลักษณ์และความรู้สึกในตนเอง
ข้อเสียของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
- ภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัด การเสียเลือด การติดเชื้อ หรือปัญหาจากยาสลบ (1-2%)
- การรั่วที่รอยต่อ ความเสี่ยงการรั่วของสารย่อยอาหาร (น้อยกว่า 1%)
- การอุดตันของลำไส้ อาจเกิดขึ้นในระยะยาว (2-3%)
- ปริมาณอาหารจำกัด ต้องรับประทานอาหารน้อยลงตลอดชีวิต
- ข้อจำกัดประเภทอาหาร ไม่สามารถรับประทานอาหารบางชนิดได้
- การรับประทานที่ช้าและระมัดระวัง ต้องเคี้ยวช้าและระวังการกิน
- อาการคลื่นไส้ วิงเวียนหลังรับประทานอาหารหวาน
- ปัญหาการย่อยอาหาร อาจมีอาการท้องเสีย ท้องอืด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
- การประเมินและตรวจสุขภาพ
- การปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร ฝึกรับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยลง
- การปรับยาและอาหารเสริม เช่น Aspirin, NSAIDs, ยาบำรุงเลือด และหยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- การเตรียมร่างกาย เช่น ลดน้ำหนักเบื้องต้น และปรับการรับประทานอาหาร
ขั้นตอนการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ Mini bypass
-
สร้างกระเพาะอาหารใหม่ (Pouch)
ตัดกระเพาะอาหารให้เหลือเฉพาะส่วนบนที่ยาวและแคบ คล้ายท่อกล้วย ขนาดความจุประมาณ 50–150 มิลลิลิตร เพื่อจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน
-
เลี่ยงทางเดินอาหารบางส่วน
ลำไส้เล็กส่วนต้น (ประมาณ 200 ซม. จากจุดเริ่ม) จะถูกเชื่อมเข้ากับกระเพาะอาหารใหม่ ทำให้อาหารไม่ผ่านกระเพาะเดิม, ลำไส้เล็กส่วนต้น, และลำไส้ช่วงต้น ซึ่งช่วยลดการดูดซึมของสารอาหารบางประเภท
-
เสริมความแข็งแรงด้วยการเย็บปิดแผลอย่างแน่นหนา
ใช้ด้ายพิเศษที่ดูดซึมได้ เย็บแผลผ่าตัดเพื่อป้องกันการรั่ว และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
วิธีการดูแลหลังผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
- พักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับอาการ
- ใช้ยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง อาจมีอาการแน่นท้องหรือคลื่นไส้ในช่วงแรก
- ดูแลแผลผ่าตัดให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการแช่น้ำจนกว่าแผลจะแห้ง
- งดออกกำลังกายหนักหรือยกของหนักประมาณ 4-6 สัปดาห์
- ติดตามผลกับแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจเช็กสุขภาพและการปรับตัว
โปรแกรมดูแลหลังผ่าตัด 2 ปี ที่รัตตินันท์ คลินิก
หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการรักษา จะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-3 วัน โดยอาจมีอาการแน่นท้องและคลื่นไส้ในช่วงแรกซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง การดูแลแผลให้สะอาดและแห้งเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยหลีกเลี่ยงการแช่น้ำจนกว่าแผลจะหายดี
ในระยะ 4-6 สัปดาห์แรกควรงดกิจกรรมหนักและการยกของหนัก พร้อมทั้งติดตามผลการรักษาและการปรับตัวกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอตามนัดหมายเพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ซึ่งการดูแลหลังผ่าตัดเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาน้ำหนักที่ลดลงไว้ การปรับปรุงสุขภาพ หรือการดูแลสุขภาพจิต
ที่รัตตินันท์ คลินิก เรามีแผนการดูแลต่อเนื่อง 2 ปีเต็ม โดยทีมสหสาขาวิชาชีพ ครอบคลุมการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจอย่างครบถ้วน
แผนการดูแลตามระยะเวลา
ระยะเวลา | แผนการดูแล | เป้าหมาย | ทีมที่ดูแล |
0–3 เดือนแรก | ปรับอาหารเป็นขั้นตอน • ประเมินค่าผลเลือด • เริ่มวิตามินเสริม | ฟื้นฟูร่างกายและระบบย่อยอาหาร | ศัลยแพทย์, นักโภชนาการ |
3–6 เดือน | ปรับพฤติกรรมการกิน • ติดตามน้ำหนักรายเดือน • ปรับเมนูตามความเหมาะสม | สร้างนิสัยการกินที่ดี | นักโภชนาการ, Health Coach |
6–12 เดือน | ตรวจเลือดติดตามสารอาหาร • เริ่มออกกำลังกายตามความเหมาะสม | สร้างกล้ามเนื้อ ป้องกันการสูญเสีย | แพทย์ฟื้นฟู, นักกายภาพ |
12–24 เดือน | ให้คำปรึกษาด้านจิตใจ • วางแผนโภชนาการระยะยาว • ป้องกันการขึ้นน้ำหนักซ้ำ | รักษาผลลัพธ์ให้ยั่งยืน | นักจิตวิทยา, โค้ชสุขภาพ |
ประโยชน์ของการดูแลต่อเนื่อง
- ลดโอกาสการขาดวิตามิน/แร่ธาตุ
- ป้องกันปัญหาสุขภาพจิตหลังการผ่าตัด
- ช่วยรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ในระยะ 2–5 ปี
- เพิ่มโอกาสในการมีวิถีชีวิตใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ
การผ่าตัดเป็นจุดเริ่มต้น การดูแลต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จระยะยาว
หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความเหมาะสมของการรักษา ที่รัตตินันท์ คลินิก เรายินดีให้คำปรึกษาและประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล
การผ่าตัดกระเพาะไม่ใช่เพียงการลดน้ำหนัก แต่คือการฟื้นคืนสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมาตรฐานที่ปลอดภัย
รวม รีวิวผ่าตัดกระเพาะ และ โปรแกรมลดน้ำหนัก
รีวิวผ่าตัดกระเพาะ แต่ละแบบ
ผลลัพธ์ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคสลีฟ
ผลลัพธ์ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคมินิ บายพาส
ผลลัพธ์ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคบายพาส
ผลลัพธ์ผ่าตัดกระเพาะ เทคนิคเย็บกระเพาะ
ทำไมต้องรัตตินันท์ คลินิก?
การผ่าตัดกระเพาะไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิคการรักษา แต่คือความไว้วางใจในระบบการดูแลที่ครอบคลุม ซึ่งรัตตินันท์ คลินิกให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่การประเมินก่อนผ่าตัด ไปจนถึงการดูแลหลังผ่าตัดในระยะยาว
ที่นี่ เรารวมทีมแพทย์เฉพาะทาง สหสาขาวิชาชีพ และการบริการที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสมในทุกขั้นตอนของการปรับปรุงสุขภาพ
ความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำ
สำหรับการผ่าตัด เราดำเนินการในโรงพยาบาลเครือ BDMS ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน JCI โดยยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และพยาบาลจากรัตตินันท์ คลินิกอย่างใกล้ชิด
ด้วยความร่วมมือระหว่างรัตตินันท์ คลินิก และโรงพยาบาลเครือ BDMS ผู้ป่วยจะได้รับมาตรฐานการดูแลที่ปลอดภัย ผสานกับการบริการที่เข้าใจและใส่ใจในแต่ละบุคคล
จุดเด่นของรัตตินันท์ คลินิก
มาตรฐานการรักษา
- ดำเนินการในโรงพยาบาลเครือ BDMS ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ (JCI Certified) พร้อมทีมวิสัญญีที่มีประสบการณ์
- แพทย์ผู้ดำเนินการ นำโดย นพ. ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้าน Bariatric Surgery มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2537 (1994)
- เทคนิคครบ Sleeve, RYGB, Mini Bypass (MGB/OAGB), OverStitch, Balloon (แพทย์จะแนะนำเฉพาะที่เหมาะสมกับร่างกายและโรคร่วมของแต่ละบุคคล)
เทคโนโลยีและเทคนิค
- การผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็ก (Laparoscopic Surgery) ช่วยในการฟื้นตัว ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ และลดบาดแผล
- เทคนิคการเย็บแผล 3 ชั้น (Triple Lock) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของจุดเชื่อมต่อ
- ระบบควบคุมความเจ็บปวด (Pain Management System) ช่วยควบคุมอาการเจ็บปวดทั้งระหว่างและหลังผ่าตัด
- อุปกรณ์การแพทย์ ผ่านการรับรอง US FDA และใช้เพียงครั้งเดียวเพื่อมาตรฐานการดูแล
บริการเสริม
- ตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด (รวมในแพ็กเกจ)
- ตรวจแผลรั่วด้วย X-ray สารทึบรังสีหลังผ่าตัด (รวมในแพ็กเกจ)
- การนัดหมายที่ยืดหยุ่น ช่วยให้วางแผนการพักฟื้นได้สะดวก
- กลุ่มสนับสนุนเฉพาะ ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำและกำลังใจ
การดูแลต่อเนื่อง
- โปรแกรม 2 ปีเต็ม มีการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอในโภชนาการ สุขภาพจิต ตรวจเลือด และการปรับพฤติกรรม
- ประสบการณ์ผู้ป่วย จากเคสผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติที่เลือกใช้บริการ
ปรัชญาการดูแล
ที่รัตตินันท์ คลินิก เราไม่ได้รักษาเพียงภาวะอ้วน แต่เราดูแลการปรับปรุงคุณภาพชีวิตแบบองค์รวม
ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดไหน หรือเคยประสบปัญหากับการลดน้ำหนักมาก่อน ที่นี่เราพร้อมเป็นทีมสนับสนุนส่วนตัวของคุณ การปรับปรุงสุขภาพไม่ใช่เรื่องของโชค แต่คือการตัดสินใจที่มีข้อมูลครบถ้วนและการดำเนินการที่เหมาะสม
จากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ทั่วโลก Mini Gastric Bypass (MGB/OAGB) มีการรายงานผลการรักษาที่น่าพอใจในด้านการลดน้ำหนักและการปรับปรุงโรคร่วม โดยมีอัตราภาวะแทรกซ้อนที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ทีมการดูแล
ทีมแพทย์ผ่าตัดกระเพาะ ที่ รัตตินันท์ คลินิก
เมื่อคุณเลือกเดินทางนี้กับรัตตินันท์ คลินิก คุณจะมีทีมสนับสนุนที่ประกอบด้วย
- ทีมแพทย์เฉพาะทาง นำโดย นพ. ปณต ยิ้มเจริญ (จบแพทยศาสตร์บัณฑิต ปี 2532, ดูแลผู้ป่วย Bariatric Surgery มาตั้งแต่ปี 2537)
- ทีมสหสาขา โภชนาการ วิสัญญี แพทย์เฉพาะทาง และเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วย
- ระบบโรงพยาบาล มาตรฐานเครือ BDMS (Bangkok Hospital, Samitivej ฯลฯ)
- โปรแกรมดูแลต่อเนื่อง 2 ปีเต็ม
การดูแลสุขภาพคือการลงทุนในอนาคต และการเลือกทีมที่เหมาะสมคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
การตัดสินใจเรื่องการรักษาต้องอาศัยข้อมูลที่ครบถ้วนและการประเมินจากแพทย์เฉพาะทาง เรายินดีให้คำปรึกษาโดยไม่มีข้อผูกมัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดกระเพาะ
ราคาเริ่มต้นของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร ที่ รัตตินันท์ คลินิก โดยศัลยแพทย์ คือ 190,000 บาท
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะจะมีความเจ็บปวดในระดับปานกลาง โดยเฉพาะใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ความเจ็บส่วนใหญ่จะเกิดจากการพองของก๊าซที่ใช้ในการผ่าตัดและการยืดของกล้ามเนื้อ แพทย์จะให้ยาระงับปวดที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมอาการ
โดยความเจ็บจะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 3-5 วัน และส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ การเดินเบา ๆ หลังผ่าตัดจะช่วยลดความเจ็บและเร่งการฟื้นตัว
หลังการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะผู้ป่วยจะพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายและความซับซ้อนของการผ่าตัด สามารถกลับบ้านได้เมื่อสามารถดื่มน้ำและเดินได้โดยไม่มีปัญหา
สำหรับการพักงานแนะนำให้หยุด 1-2 สัปดาห์ สำหรับงานออฟฟิศ และ 4-6 สัปดาห์ สำหรับงานที่ต้องใช้แรงงาน การฟื้นตัวเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ โดยในช่วงแรกจะต้องปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารเป็นระยะๆ เริ่มจากอาหารเหลว อาหารนุ่ม และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอาหารปกติที่มีขนาดเล็กลง พร้อมทั้งติดตามผลกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้การปรับตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
ใน 1 เดือนแรกหลังการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 8-15 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเริ่มต้น เพศ อายุ และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
โดยในสัปดาห์แรกจะลดน้ำหนักได้เร็วที่สุด 3-5 กิโลกรัม ส่วนใหญ่เป็นน้ำและของเสียในร่างกาย จากนั้นจะลดลงเป็น 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ การลดน้ำหนักในช่วงแรกจะเป็นไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากการจำกัดปริมาณอาหารที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของระบบเมแทบอลิซึม ผู้ที่มีน้ำหนักเริ่มต้นสูงกว่าจะลดได้มากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า และการปฏิบัติตามโปรแกรมอาหารและการออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น
แผลภายนอก จะเริ่มติดกันใน 3-5 วันแรก สามารถถอดแผ่นปิดแผลได้ใน 7-10 วัน และหายสมบูรณ์ภายใน 2-3 สัปดาห์
ส่วน แผลภายใน ที่กระเพาะและลำไส้จะใช้เวลานานกว่า โดยการเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อจะแข็งแกร่งขึ้นใน 4-6 สัปดาห์ และหายสมบูรณ์ใน 6-8 สัปดาห์ ในระหว่างนี้ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามโปรแกรมอาหารอย่างเคร่งครัด เริ่มจากอาหารเหลวและค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอาหารแข็งตามขั้นตอน เพื่อให้แผลภายในมีเวลาฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะไม่ได้พิจารณาจากน้ำหนักตัวเลขตายตัว แต่ใช้ค่า BMI (Body Mass Index) เป็นหลักในการประเมิน โดยเกณฑ์มาตรฐานคือ BMI ที่มีโรคแทรกซ้อนจากโรคอ้วน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอน
นอกจากนี้ยังต้องมีอายุ 18-65 ปี มีความพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นมาแล้วไม่สำเร็จ มีสุขภาพจิตที่เหมาะสม และไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์
นพ.ปณต ยิ้มเจริญ เป็นศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery – MIS) และผ่าตัดลดน้ำหนัก โดยให้การรักษาผู้ป่วยมาตั้งแต่ปี 1994 พร้อมทั้งได้เข้ารับการศึกษาต่อในหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา